‘Happy Journey with BEM’ สานต่อความสำเร็จ จัดทริปที่ 2 สถานีสนามไชย ‘ประตูเชื่อมท่องเที่ยวเกาะรัตนโกสินทร์’ 7 พ.ค.นี้ ฟรี!

เมื่อการท่องเที่ยวช่วยเติมเต็มความสุข การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM จึงผนึกกำลังจัดโครงการ ‘Happy Journey with BEM’ 

กระตุ้นการท่องเที่ยว จัดเต็มความสุขให้ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ด้วย 5 ทริป สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ฟรี! ตลอดปี 2565 ชวน ‘เที่ยว-แวะ-แชะ-ชิม’ เปิดมุมมองใหม่ สัมผัสประสบการณ์ประทับใจกับการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ตามเส้นทางรถไฟฟ้า 5 สถานี ได้แก่ สถานีวัดมังกร สถานีสนามไชย สถานีสามย่าน สถานีหัวลำโพง และสถานีอิสรภาพ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น 

เพื่อสานต่อความสำเร็จในทริปแรก สถานีวัดมังกร ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ‘Happy Journey with BEM’ จึงลุยต่อทริปที่ 2 สถานีสนามไชย ‘ประตูเชื่อมท่องเที่ยวเกาะรัตนโกสินทร์’ วันที่ 7 พฤษภาคมนี้ เวลา 13.00 – 19.00 น. 

เชิญชวนปักหมุดเช็กอินเที่ยวถิ่นประวัติศาสตร์ ที่ยังคงกลิ่นอายยุคกรุงศรีอยุธยา สืบทอดมาถึงยุครัตนโกสินทร์ รับฟังเรื่องราวประวัติศาสตร์สนุกๆ จากสเปเชียล ทอล์ก ‘ประตูเชื่อมท่องเที่ยวเกาะรัตนโกสินทร์’ กับวิทยากรมากความสามารถ 

Advertisement

จากนั้นพาชม Site Museum พิพิธภัณฑ์ใต้ดินแห่งแรกของไทย ที่อยู่ภายในบริเวณรถไฟฟ้า MRT สถานีสนามไชย แล้วไปย่ำย่านเกาะรัตนโกสินทร์ ชมความงดงามของวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร เพลิดเพลินกับวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ณ Eat Sight Story และเก็บความสุข สร้างความประทับใจส่งท้ายทริป ด้วยการชมมิวเซียมสยามยามค่ำคืนแบบเอ็กซ์คลูซีฟ 

วิทยากรมากความสามารถจาก ‘Happy Journey with BEM’ ทั้ง 5 ทริป กับความงดงามของสถานีสนามไชย

ย้อนรอยประวัติศาสตร์ใต้ผืนดิน กับ ‘สนามไชย’ สถานีประวัติศาสตร์ 

Advertisement

ลึกลงไปใจกลางย่านพื้นที่อนุรักษ์เกาะกรุงรัตนโกสินทร์ ในแนวถนนสนามไชย มีสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินแห่งหนึ่ง ที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นหนึ่งในสถานีรถไฟฟ้าที่สวยที่สุดในประเทศไทย นั่นคือ ‘สถานีสนามไชย’ 

สถานีนี้เป็นฝีมือการออกแบบของ รศ.ดร.ภิญโญ สุวรรณคีรี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) ปี 2537 ที่รังสรรค์ภายในสถานีด้วยสถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีการประดับตกแต่งด้วยเสาสดุมภ์ ประดับกระเบื้องลายดอกประจำยาม ปลายเสาประดับด้วยบัวจงกล โคนกลีบมีกลีบเลี้ยงรอบ ปิดด้วยทองคำเปลวเป็นสีทองอร่าม มีองค์และฐานเสาตามธรรมเนียมสถาปัตยกรรมไทย เพดานเป็นลายดาวล้อมเดือนสีทอง ตกแต่งด้วยแม่ลายดอกพุดตาน มีความวิจิตรงดงาม 

อีกทั้งพื้นและผนังจำลองมาจากกำแพงเมือง ตกแต่งด้วยโทนสีทองและสีแดง ให้ความรู้สึกวิจิตรประณีต ตามแบบสถาปัตยกรรมไทย โดยเฉพาะสีแดงที่ศิลปินผู้ออกแบบผสมขึ้นมาใหม่เป็นเฉดสีพิเศษ  ตลอดจนการออกแบบเพดานให้สูงกว่าปกติ มอบความรู้สึกโปร่งโล่ง เสมือนดั่งท้องพระโรงในทุกก้าวเดิน

ไม่เพียงความสง่างามเท่านั้น สถานีสนามไชย ยังมีความน่าสนใจในเรื่องการก่อสร้าง เพราะมีช่วงอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาจากสถานีสนามไชย เชื่อมต่อกับสถานีอิสรภาพ เพื่อเชื่อมฝั่งพระนครกับฝั่งธนบุรีเข้าหากัน ก่อนที่เส้นทางรถไฟฟ้าจะค่อยๆ ยกระดับขึ้นสู่สถานีท่าพระ โดยอุโมงค์นี้อยู่ลึกลงไปใต้ผิวดินของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบการก่อสร้าง อุโมงค์ส่วนนี้ใช้หัวขุดเจาะ และเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น ด้วยเทคนิคพิเศษในการขุดเจาะแบบ “Pipe Roof” ทำให้ไม่ต้องเปิดผิวหน้าถนนด้านบน อันเป็นพื้นที่ชั้นในของเกาะรัตนโกสินทร์ 

3 วิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ในทริปสถานีสนามไชย

แม้มีเวลาเป็นวัน ก็อาจชมความงามของสถาปัตยกรรม และศึกษาเกร็ดประวัติของเส้นทางสถานีสนามไชยไม่หมด  ‘Happy Journey with BEM’ จึงจัดสเปเชียล ทอล์ก ‘ประตูเชื่อมท่องเที่ยวเกาะรัตนโกสินทร์’ ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้รับฟังความรู้ ชื่นชมความงาม เคล้าประวัติศาสตร์ โดย รศ. ดร.ชัชพล ไชยพร รองคณบดี คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รศ. ดร.รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง หัวหน้าภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร และ คุณอรรถพล นิลละออ เจ้าหน้าที่อาวุโสส่วนงานประชาสัมพันธ์ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ที่จะมาให้ความรู้ตลอดทริปการเดินทางเส้นทางประวัติศาสตร์ในครั้งนี้บางมุมใน Site Museum

Site Museum มิวเซียมใต้ดินที่แรกแห่งสยามประเทศ

จุดหมายปลายทางแห่งแรกของทริป  ‘ประตูเชื่อมท่องเที่ยวเกาะรัตนโกสินทร์’  ไม่ใช่ที่อื่นไกลหากคือ ‘Site Museum’ พิพิธภัณฑ์ใต้ดินแห่งแรกของประเทศไทย ภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสนามไชย นั่นเอง นับเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีสตอรี่สุดเจ๋งไม่แพ้ชาติใดในโลก 

ทริปนี้ชวนทุกคนย้อนเวลาสู่อดีต ผ่านการเดินเยี่ยมชมพื้นที่ประวัติศาสตร์ ที่ทับซ้อนตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเรื่อยมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ที่อุดมไปด้วยโบราณวัตถุล้ำค่ามากมาย จากการขุดพบขณะก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสนามไชย อาทิ เกือกม้า กระดูกวัว เปลือกหอยมุก เครื่องปั้นดินเผา เศษกระเบื้อง เหรียญ และที่น่าสนใจที่สุดคือ ฐานรากที่ใช้รับน้ำหนักท้องพระโรง 

รับรองว่าเมื่อชมเสร็จสิ้นแล้ว จะทำให้รับรู้ประวัติศาสตร์ในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน!

ภายในพระตำหนักวาสุกรี ซึ่งอยู่ในวัดโพธิ์

ย่ำย่านประวัติศาสตร์ ณ วัดโพธิ์

รับฟังเรื่องราวที่สถานีสนามไชยกันแล้ว ‘Happy Journey with BEM’ ชวนทุกคนเรียนรู้ประวัติศาสตร์เกาะรัตนโกสินทร์ให้มากขึ้นอีก ผ่านการเดินลัดเลาะตามแนวเส้นทางประวัติศาสตร์ ใช้เวลาไม่นานนักก็จะถึงจุดหมายปลายทาง ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) 

วัดโพธิ์ เดิมทีเป็นวัดสมัยอยุธยา แต่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้มีการบูรณะใหม่  เมื่อแล้วเสร็จได้โปรดเกล้า ให้จัดงานเฉลิมฉลอง และพระราชทานนามใหม่ว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาศ และแต่งตั้งเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 ต่อมารัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนท้ายนามวัดเป็น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม

ไฮไลต์สำคัญของวัดโพธิ์อยู่ที่ พระวิหารพระพุทธไสยาสน์ หรือวิหารพระนอน ที่รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น คราวบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนฯ ครั้งใหญ่ เมื่อ พ.ศ. 2375 ภายในวิหารมีจิตรกรรมฝาผนังที่สำคัญ เช่น บริเวณผนังพระวิหาร เขียนเรื่อง พระสาวิกาเอตทัคคะ ที่เป็นภิกษุณี 13 คน อุบาสกเอตทัคคะ 10 คน และอุบาสิกาเอตทัคคะ 10 คน ผนังเหนือบานประตูและหน้าต่าง เขียนเรื่องมหาวงศ์ พงศาวดารลังกาทวีป คือประวัติราชวงศ์ และพระพุทธศาสนาในลังกา ตั้งแต่ต้นเรื่องกำเนิด พระเจ้าสีหพาหุ จนถึงพระเจ้าอภัยทุฏฐคามินีรบชนะทมิฬได้ครอบครอง กรุงอนุราธปุระ เป็นต้น 

ภายในวัดยังโดดเด่นด้วยพระมหาเจดีย์ 4 รัชกาล ที่แต่ละองค์เป็นเจดีย์ย่อไม้สิบสองเพิ่มมุม ประดับกระเบื้องเคลือบ และกระเบื้องเครื่องถ้วยลวดลายต่างๆ ซึ่งแต่ละองค์จะมีสีต่างกัน

ประกอบด้วย พระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชดาญาณ พระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1 พระมหาเจดีย์ดิลกธรรมกรกนิทาน พระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 2 พระมหาเจดีย์มุนีบัตบริขาร พระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 3 และ พระมหาเจดีย์ทรงพระศรีสุริโยทัย พระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 4

นอกจากนั้น ยังมี พระตำหนักวาสุกรี ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงเป็นเจ้านายชั้นสูงพระองค์แรก ที่ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชเจ้า ปัจจุบันพระตำหนักดังกล่าวเป็นที่ประดิษฐานพระโกศทรงฝรั่ง บรรจุพระอัฐิของพระองค์ 

แม้กาลเวลาจะก้าวผ่านมานับร้อยๆ ปี แต่วัดโพธิ์ยังคงเป็นสถานที่สำคัญ เป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธ เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทย ทั้งในแง่ของศิลปะ ความรู้ และพุทธประวัติ รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ให้เข้ามายลโฉมความงามของวัดโพธิ์อย่างไม่ขาดสาย

เพลิดเพลินกับวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ณ Eat Sight Story

ดื่มด่ำบรรยากาศริมน้ำ ณ  Eat Sight Story

หลังจากเสพประวัติศาสตร์กันอย่างเต็มอิ่ม ยามเย็นผู้เข้าร่วมทริปจะได้รับประทานอาหารอร่อยๆ ในบรรยากาศเกาะรัตนโกสินทร์ ณ ร้าน ‘Eat Sight Story’ ร้านอาหารไทยฟิวชัน ย่านท่าเตียน ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีไฮไลต์อยู่ที่ความงามของวัดอรุณราชวราราม ซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่อีกฝั่งน้ำ ทั้งยังได้ยลโฉมความงามของธรรมชาติ ยามแสงอาทิตย์สาดส่องเป็นประกายระยิบระยับเหนือผิวน้ำ สวยงามดุจภาพวาดที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้น เคลื่อนไหวและแปรเปลี่ยนไปในทุกครั้งที่เรากะพริบตา 

มิวเซียมสยาม ที่เดิมเป็นอาคารกระทรวงพาณิชย์ 

 Night at มิวเซียมสยาม

ปิดท้ายความสนุกสร้างความประทับใจให้ตราตรึง ณ มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสถานีสนามไชย

ความน่าสนใจอยู่ที่เดิมเป็นอาคารกระทรวงพาณิชย์ สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ในปี 2463-2465 จากผลงานการออกแบบของ มาริโอ ตามาญโญ (Mario Tamagno) สถาปนิกชาวอิตาลี ผู้ออกแบบสะพานมัฆวานรังสรรค์ พระที่นั่งอนันตสมาคม วังปารุสกวัน สถานีรถไฟหัวลำโพง บ้านพิษณุโลก ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เป็นต้น

แต่การเยี่ยมชมมิวเซียมสยามครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งไหนๆ เพราะ  ‘Happy Journey with BEM’ ให้คุณได้พบกับประสบการณ์ Night at the Museum ยลโฉมมิวเซียมสยามยามค่ำคืนแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ที่หาที่ไหนไม่ได้นอกจากทริปนี้เท่านั้น 

นอกจากแสงไฟยามค่ำคืน ที่สาดส่องลงบนตัวอาคาร สะท้อนความเก่าแก่และประวัติศาสตร์ออกมาอย่างสวยงาม ผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังจะได้เข้าชมนิทรรศการชุด ‘ถอดรหัสไทย’ ที่จะพาทุกคนไปเรียนรู้ความเป็นไทย และพัฒนาการความเป็น ‘ไทย’ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน จากบริบททางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย 

จุดเด่นของนิทรรศการอยู่ที่รูปแบบการนำเสนอที่แปลกใหม่ อาทิ เทคโนโลยีสื่อผสมเรื่องราวการพัฒนาชาติไทย ห้องไทยชิม: ครัวมีชีวิตที่จะพาไปเรียนรู้เรื่องราวของอาหารไทยขึ้นชื่อต่างๆ อย่างต้มยำกุ้ง ส้มตำ ผัดไทย ผ่านโมชั่นกราฟิกสวยงาม, ห้องไทยวิชา: ห้องเรียนเสมือนจริง ที่พาย้อนไปยังห้องเรียน 4 ยุคสมัย, ห้องไทย Inter: นำเสนอมุมมองความเป็นไทยของสิ่งของต่างๆ ผ่านสายตาชาวต่างชาติ ห้องไทยเชื่อ: ห้องที่รวบรวมวัตถุด้านความเชื่อของเมืองไทยกว่า 108 สิ่ง ครอบคลุมทั้งความเชื่อเรื่องผี พุทธศาสนา พราหมณ์ และความเชื่อแบบไทยๆ ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป เป็นต้น 

ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ‘Happy Journey with BEM’ ในทริป  ‘ประตูเชื่อมท่องเที่ยวเกาะรัตนโกสินทร์’ วันที่ 7 พฤษภาคมนี้ เวลา 13.00-19.00 น. สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ เฟซบุ๊ก MRT Bangkok Metro 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image