เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง เพจเฟซบุ๊ก “แหม่มโพธิ์ดำ” โพสต์ข้อความขุดคุ้ยเรื่องเกี่ยวกับหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะกรณี นายศรสุวีร์ หรือ เสี่ยบอย ภู่รวีรัศวัชรี ที่โพสต์คลิประบุว่ามีหน้ากากอนามัยถึง 200 ล้านชิ้น รวมถึงการอ้างตัวเป็นใกล้ชิดคนสนิทของรัฐมนตรีบางราย ทำให้กลายเป็นประเด็นข่าวการกักตุนหน้ากากอนามัย โดยมีแฟนเพจติดตามความเคลื่อนไหวของเพจ รวมถึงวิพากษ์วิจารณ์อยนางต่อเนื่อง รวมทั้งล่าสุด โพสต์ข้อความระบุว่า ได้รับหลักหลักฐานว่า “ส.ส.ท่านหนึ่งเกี่ยวข้อง กับกระบวนการค้าหน้ากากอีกคนแล้ว ลอตนี้หลายล้านชิ้น มีภาพลังและคนมาขอซื้อในพรรคด้วย”
ต่อมาช่วงค่ำวันเดียวกัน “แหม่มโพธิ์ดำ โพสต์ข้อความระบุว่า
“ถ้าการเสี่ยงชีวิตเปิดเผยความจริงเรื่องหน้ากากสองสามวันนี้ ยังมีคนโยงกูไปสีนี้สีไหน แนะนำว่าแยกแยะไม่ได้ก็ให้มึงไปตายซะนะ เรื่องที่เกิดขึ้นคือเราทุกคนเดือดร้อนกันหมด สถานพยาบาลไม่มีหน้ากากอนามัย มันคือความล้มเหลวทางการจัดการของหน่วยงานรัฐบาล ไวรัสมันไม่มีสีมีฝ่าย มึงจะส้ม แดงเหลือง เขียว มึงก็ตายได้ และมันต้องมีคนพูดความจริงเพื่อแก้ไขมัน
กูก็ได้แต่หวังว่าพี่ๆสื่อที่เคารพ จะตามติดปมหน้ากากอนามัยไปให้ถึงรายใหญ่ที่เกี่ยวข้อง และทำให้สถานการณ์หน้ากากขาดแคลนในประเทศดีขึ้น จัดความสำคัญของคนต้องการใช้มากที่สุดดีๆ หวังแค่นั้นจริงๆ ดีใจนะ ทุกครั้งที่ออกมา กูเจอแต่คนใจดีมีน้ำใจ และพร้อมช่วยเหลือกัน เวลาเราประสบปัญหาใดๆ การมีสติช่วยกันแก้ไข ไม่เห็นแก่ตัว จะทำพวกเรารอด
อีกสองชั่วโมง เพจก็ปิดแล้ว บอกตามตรง ที่บ้าน กูไม่สบายใจเอาอย่างมากที่กูมาเล่นเรื่องนี้ แต่มันอดไม่ไหว ทีมงานอาสา กูเขาก็เปิดหน้ากันหมด เขาพูดตลอด ควีนลุยเลย เราไม่กลัว พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด แต่มันก็ไม่ไหวนะ ที่จะเอาชีวิตคนเปิดหน้าสู้ไปเสี่ยงกับอะไรก็ไม่รู้ในวันที่บ้านเมืองเป็นแบบนี้ ที่สำคัญเจตนารมณ์เพจไม่ยุ่งเกี่ยวการเมืองด้วย พอแตะทีสะเทือนทั้งแผ่นดินเลย ก็หวังแต่รอบหน้าเปิดเพจมา ขอให้มีแต่เรื่องดีๆ มีรอยยิ้มของทุกโรงพยาบาลที่พวกเราส่งหน้ากากไปช่วยเหลือ แล้วเจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการ”
