09.00 INDEX โจทย์การเมือง ปรับ ครม.ร้อน ‘ล็อก’ ใหม่ เบื้องหน้ารัฐบาล
ไม่ว่ากรณีคำสั่ง “พักงาน” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ว่ากรณีการเข้ามาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกรัฐมนตรี
กำลังพิสูจน์สัจธรรมอัน จิตร ภูมิศักดิ์ ถอดความจัดเจนออกมาว่า หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ได้แจ่มชัด
อย่างแรกที่สุด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พิสูจน์อย่างเห็นเป็นรูปธรรมว่า การเป็นนายกรัฐมนตรีมิใช่เรื่องเฉพาะตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผูกขาดแต่เพียงผู้เดียว
ตรงกันข้าม เมื่อเงื่อนไขอำนวยเปิดโอกาสให้คนอย่าง พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็สามารถเป็นได้และเป็นได้อย่างมีความเหนือกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยซ้ำไป
อย่างต่อมา พิสูจน์ให้เห็นด้วยระยะเวลาอันสั้นเป็นอย่างยิ่งว่าเอกภาพและความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างพี่น้อง “กลุ่ม 3 ป.” มิได้ดำรงอยู่อย่างที่มีการแสดงออก
หากแต่เมื่อพลัดหล่นเข้าไปอยู่ในวงจรแห่งอำนาจที่เย้ายวน
การเบียดขบระหว่างกันซึ่งปิดงำซ่อนเร้นอยู่ภายใต้พรมผืนใหญ่ก็ปรากฏขึ้น
ไม่ว่าผลการประชุมของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 8 กันยายนจะออกมามุมใด ต้องยอมรับว่าสภาพการณ์ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
คำว่า “ไม่เหมือนเดิม” ในที่นี้อาจคิดว่าหมายรวมอยู่เฉพาะสภาพการณ์ของความสัมพันธ์ที่ต่อเนื่องยาวนานมากว่า 50 ปีของพี่น้อง “กลุ่ม 3 ป.” จากบูรพาพยัคฆ์มาสู่ทำเนียบรัฐบาล
แต่ความเป็นจริงดำเนินไปอย่างที่เรียกกันเป็นศัพท์แสงว่าทุก “สรรพสิ่ง” อันเป็นปัจจัยทางการเมือง
ทั้งเป็นปัจจัยต่อเนื่องจากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ทั้งเป็นปัจจัยต่อเนื่องจากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ได้ถึงเวลาแห่งการปะทะและสังสรรค์ที่ร้อนแรง
อย่างน้อยที่สุดปัจจัยจากผลสะเทือนของรัฐมนตรีหลายคนจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญประสานเข้ากับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองก็เห็นได้อย่างเด่นชัด
เด่นชัดถึงความจำเป็นต้อง “ปรับ ครม.” อย่างยากจะเลี่ยงได้
นี่จึงมิได้เป็นเพียง “โจทย์” ในทางการเมือง ณ เบื้องหน้าของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หากแต่ยังเป็น “คำถาม” ไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล ถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
ไม่ว่าจะมีสถานการณ์จากศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ไม่ว่าจะมีสถานการณ์การประชุมเอเปครออยู่เบื้องหน้าหรือไม่
คำถามอยู่ที่ว่าจะปรับอย่างไรจึงจะดำเนินไปได้โดยราบรื่น
