‘‘Smile Kid School Bus’’ นวัตกรรมเพื่อความปลอดภัย ลดความสูญเสียเหตุเด็กติดรถ

ข่าวสุดสะเทือนใจทุกครั้งที่ได้ยินว่า มีเด็กเล็กถูกหลงลืมอยู่ในรถเป็นเวลานานจนเสียชีวิต ซ้ำร้ายเหตุการณ์เช่นนี้ยังเกิดอีกหลายครั้งหลายคราในหลายพื้นที่ของไทย โดยข้อมูลของสำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค ระบุว่าในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ระหว่างปี พ.ศ. 2555 – 2561 เกิดเหตุการณ์เด็กถูกลืมหรือทิ้งในรถ จำนวน 26 เหตุการณ์ เป็นเด็กในช่วงอายุ 3-7 ขวบ จาก 26 เหตุการณ์มีเด็กเสียชีวิต 9 ราย สามารถช่วยเหลือได้ 17 ราย โดยเด็กประสบเหตุในรถรับส่งนักเรียน 7 ราย รถยนต์ส่วนบุคคล 2 ราย ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนั้น เด็กๆ ถูกลืมหรือทิ้งไว้นานกว่า 6 ชั่วโมงขึ้นไป

    ไม่เพียงแต่ที่ไทยเท่านั้น ในหลายๆ ประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ก็เกิดเหตุเดียวกันนี้เช่นกัน คำถามคือจะหยุดยั้งปัญหาหรือลดทอนความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?

ใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนแก้ไขปัญหา

เมื่อไม่นานมานี้ เอสซีจี โลจิสติกส์ ได้พัฒนาระบบ ‘Smile Kid School Bus’ (รถโรงเรียนอัจฉริยะเพื่อความปลอดภัย) ที่ต่อยอดมาจากระบบควบคุมความปลอดภัยของศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัย หรือ Logistics Command Center (LCC) ของเอสซีจี  

Advertisement

เปิดบูธปฏิบัติการ ประชาสัมพันธ์ Smile Kid School Bus

ไพฑูรย์ จิรานันตรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ เอสซีจี โลจิสติกส์  กล่าวถึงที่มาโครงการว่า มาจากหลายปัจจัย โดยปัจจัยแรก เอสซีจีทำเรื่องโลจิสติกส์และเน้นเรื่องความปลอดภัย ปัจจัยสอง ตอนนี้เอสซีจีปฏิวัติธุรกิจทั้งหมดโดยใช้ดิจิทัลเข้ามามีส่วนในการดำเนินงาน  จึงต่อยอดด้านนี้เพื่อช่วยเหลือสังคม เพื่อทำให้ตัวเลขเด็กติดรถเสียชีวิตในประเทศไทยกลายเป็นศูนย์

Advertisement

หลักการทำงาน

หน้าจอแสดงการทำงานระบบ GPS Tracking แบบ Real time

ด้วยหลักการทำงานเดียวกันกับ LCC ‘Smile Kid School Bus’ จึงสามารถติดตามสถานะรถที่เด็กโดยสารได้แบบ Real-Time ผ่านระบบ GPS Tracking สามารถสอดส่องความปลอดภัยของลูกหลานผ่านกล้อง CCTV ซึ่งควบคุมผสมผสานระหว่างระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) และบุคลากรของเอสซีจี โลจิสติกส์ เอง เพื่อผสานกำลังในการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งยังสามารถให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศไทย

ชลัช วงศ์สงวน กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสซีจี สกิลล์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (ซ้าย), “ไพฑูรย์ จิรานันตรัตน์”กรรมการผู้จัดการ เอสซีจี โลจิสติกส์ (ขวา)

ชลัช วงศ์สงวน กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสซีจี สกิลล์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ในเอสซีจี ให้ข้อมูลเกี่ยวกับระบบในโครงการว่า Smile Kid School Bus เป็นแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่สามารถดาวน์โหลดบนมือถือสำหรับครูและผู้ปกครอง ระบบนี้จะทำงานร่วมกับ LCC ที่เอสซีจีเป็นผู้ดูแลและสังเกตการณ์ 7 วัน 24 ชั่วโมง โดยที่รถรับส่งนักเรียนจะต้องติดอุปกรณ์ GPS เพื่อบอกตำแหน่งโดยผู้ปกครองสามารถที่จะติดตามรถที่จะมารับว่าขณะนี้อยู่ที่ใด

“เมื่อรถมาถึงครูประจำรถจะมีเครื่องอ่านบาร์โค้ดสแกนเนอร์อ่านบัตรประจำตัวนักเรียน เป็นการเช็คอินนักเรียนที่ขึ้นไปบนรถ และเมื่อรถเดินทางถึงโรงเรียนครูจะต้องทำการสแกนเอาท์ เช็คเอาท์ว่านักเรียนออกจากรถแล้ว นอกจากนั้นครูยังต้องไปสแกนบาร์โค้ดที่ท้ายรถเพื่อเป็นการจบงาน ถ้าไม่ครบตามขั้นตอนเครื่องจะถือว่ามีเด็กตกค้างและจะไปลิงก์กับระบบของแตรรถ ก็จะส่งสัญญาณแตรเพื่อให้ผู้ควบคุมรถทราบว่ามีเด็กเหลือ”

ทุกขั้นตอนจะแสดงผลไปยังแอปพลิเคชัน ’Smile Kid School Bus’ และจอมอนิเตอร์ สัญญาณดังกล่าวผู้ปกครองสามารถติดตามได้ โดยจะได้รับแจ้งเตือนเป็นข้อความว่ามีเหตุผิดปกติหรือมีเด็กติดอยู่ในรถ โดยที่สามารถดูได้เลยว่ามีเด็กหลงเหลืออยู่ในรถหรือไม่ผ่านตัวกล้องวงจรปิด

การพัฒนาขั้นต่อไปคือ ทำให้กล้องสามารถอ่านใบหน้าและถือว่าเป็นการเช็คอินได้เลย ซึ่งจะทำให้สะดวกและรวดเร็ว เช่นในกรณีที่เกิดลืมบัตรหรือชำรุดเราจะสแกนใบหน้า นอกจากนี้ก็มีแผนทำอย่างไรให้สามารถที่จะทำให้ผู้ขับขี่รถรวมถึงครูประจำรถและเด็ก มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความปลอดภัย โดยรถโรงเรียนที่ร่วมโครงการจะได้รับฝึกอบรมทั้งเด็กๆ ที่ต้องขึ้นรถประจำ ให้รู้วิธีปฏิบัติเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน พนักงานขับรถต้องเรียนรู้วิธีการขับรถเชิงป้องกันอุบัติเหตุ และครูประจำรถจะต้องเรียนรู้วิธีการปฏิบัติกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน

“ขณะนี้เราอยู่ในช่วงทดลองทำกับทางโรงเรียนที่ร่วมโครงการ ตอนนี้มีรถโรงเรียนที่ร่วมโครงการอยู่ประมาณ 9 คันแล้วที่ทดลองวิ่งจริง และการที่มี MOU ทำให้เราหวังว่าเมื่อได้รับการส่งเสริมสนับสนุน ผู้บริหารโรงเรียนไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนรัฐ หรือเอกชน หรือโรงเรียนในส่วนบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ที่มีความสนใจก็จะเข้าร่วมโครงการนี้มากขึ้น”

อุปกรณ์ทำงานของ Smile Kid School Bus

สแกนก่อนขึ้นรถตรวจนับจำนวนเด็ก

ร่วมภาครัฐขยายสังคมแห่งความปลอดภัย

เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา มีพิธีลงนามความร่วมมือ (MOU) โครงการรถโรงเรียนอัจฉริยะเพื่อความปลอดภัย โดยมีการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ บุญธรรม เลิศสุขีเกษม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และไพฑูรย์ จิรานันตรัตน์ ร่วมลงนาม ณ ห้องประชุม สพฐ.1 ชั้น2 กระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากโครงการนี้สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนให้โรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเยาวชน และส่งเสริมให้เกิดสังคมแห่งความปลอดภัยอย่างยั่งยืนใน 77 จังหวัด

ลงนามความร่วมมือ 3 ฝ่าย กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาและเอสซีจี

นำร่องขอนแก่นเป็นที่แรก

ปัจจุบัน มีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ แล้วทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดมากกว่า 40 จังหวัด โดยเริ่มนำร่องที่ศูนย์เด็กเล็ก อบต.ห้วยม่วง จังหวัดขอนแก่น เป็นแห่งแรก โดยเอสซีจี โลจิสติกส์ ได้เข้าช่วยเหลือด้วยการดำเนินการติดตั้งระบบ และอบรมให้ความรู้ในเรื่องการใช้งานระบบและความปลอดภัย ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี จนนำไปสู่แผนงานขยายโครงการร่วมกับ ดร.สมศักดิ์ จังตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ภายใต้แนวคิด Smart City และยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าขยายผลให้ครบ 77 จังหวัด เพื่อผลักดันให้เกิดสังคมแห่งความปลอดภัยอย่างยั่งยืน

รัตนาภรณ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวิเทศศึกษา (ซ้าย), คุณสุจารีย์ จำปาทอง หัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านซำภูทอง (ขวา) เจ้าหน้าที่โรงเรียนที่ได้ใช้ระบบ Smile Kid School Bus แล้ว

สุจารีย์ จำปาทอง หัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านซำภูทอง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์เด็กติดรถเสียชีวิตที่ศูนย์ฯ หลังเกิดเหตุผู้ปกครองนำเด็กย้ายออกทันที 16 คน เริ่มแรกศูนย์ฯ แก้ปัญหา โดยทำบัตรให้เด็กเพื่อนับจำนวนและสังเกตเด็กได้ ซึ่งยังไม่ได้ตอบโจทย์เต็มที่ จนกระทั่งเอสซีจีติดต่อมาที่ศูนย์ฯ

“เราเป็นศูนย์ฯ แรกที่ใช้ระบบในโครงการนี้ เจ็ดเดือนแล้วที่ใช้ระบบ ถือเป็นประโยชน์อย่างมาก จากผู้ปกครองที่ย้ายเด็กออกไป 16 คน ขณะนี้ย้ายกลับมา 11 คนแล้ว ได้รับเสียงตอบรับจากผู้ปกครองเรื่องความไว้วางใจ เอสซีจีเชิญผู้ปกครองมาร่วมรับฟังทำความเข้าใจระบบ ตั้งแต่มีระบบนี้ ผู้ปกครองก็คิดว่าลูกของเขาปลอดภัยขึ้น ด้วยความที่เราต้องดูแลเด็กเยอะ และบุคลากรเรามีน้อย ระบบจะช่วยเตือนความจำในเรื่องการรับส่งเด็ก ทำให้การปฏิบัติงานราบรื่น ปัจจุบันมีรถที่ติดระบบหนึ่งคัน โดยแบ่งครู 1 คนรับส่งเด็ก อีกหนึ่งคนดูแลเด็กที่โรงเรียนระหว่างรอรับส่ง และเอสซีจีจะตรวจสอบการรับส่งกับโรงเรียนทุกวัน”

รัตนาภรณ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการโรงเรียนขอนแก่นวิเทศศึกษา จ.ขอนแก่น กล่าวว่า เนื่องจากว่าขอนแก่นเป็นเมืองสมาร์ตซิตี้ และมีเรื่องของโลจิสติกส์ ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดอยากจะปลุกกระแสในเรื่องเหล่านี้ การที่ขอนแก่นจะเป็นสมาร์ตซิตี้ ไม่ใช่คำนึงถึงแต่เรื่องเทคโนโลยี แต่สิ่งที่สำคัญคือความปลอดภัย

“โรงเรียนได้เข้าร่วมโครงการนี้ตั้งแต่พฤศจิกายนปีที่แล้ว มีรถที่ติดระบบนี้ 5 คัน เป็นรถตู้สามคัน รถบัสสองคัน สิ่งที่ดีสำหรับโรงเรียนก็คือว่า 1.คือความปลอดภัยของนักเรียน 2.เราสามารถติดตามคนขับรถว่าขับเร็วหรือไม่ ติดตามเด็กขึ้นรถลงรถได้แบบเรียลไทม์ มีการแจ้งเตือนที่จอมอนิเตอร์ทั้งของโรงเรียนและเอสซีจี 3.ผู้ปกครองสามารถทราบได้จากแอปฯ ติดตามได้”

หลังจาก MOU แล้ว เอสซีจีตั้งเป้าเดินหน้าขยายโครงการ Smile Kid School Bus ให้มีโรงเรียนนำร่องจังหวัด เป็นโรงเรียนรัฐหนึ่งแห่ง เอกชนหนึ่งแห่ง โรงเรียนขององค์การบริหารตำบลอีกหนึ่งแห่ง ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เป็นอีกหนึ่งโครงการที่หยิบนวัตกรรมมาพัฒนา ปรับใช้ ลดเหตุสูญเสีย รักษาชีวิต เพื่อสังคมแห่งความปลอดภัยอย่างยั่งยืน

สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ศูนย์ Logistics Command Center โทร. 025861783-4 หรือ Facebook Fanpage: Smile Kid School Bus และ Line ID:  @smilekidschoolbus

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image