‘ครูหยุย’ สั่งประธานอนุ กมธ.กิจการเด็ก ตามปัญหา 5 ครูรุมโทรมนักเรียน แนะทางออก รมว.ศธ.ต้องทำงานเร็ว

วันที่ 12 พฤษภาคม นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือครูหยุย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา เปิดเผยว่า กรณีครู 5 คน และรุ่นพี่ 2 คน ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราเด็กนักเรียนหญิงที่ จ.มุกดาหาร เรื่องนี้ยอมรับว่าเป็นปัญหาต่อเนื่อง ล่าสุดก่อนมีสถานการณ์โควิด-19 สว.มีการหารือเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาครูข่มขืนเด็ก รวมทั้งบุคคลในครอบครัวที่ใกล้ชิดกับเด็กอยู่ในความดูแล แต่สำหรับครูถือเป็นภาพสะท้อนที่น่าสะเทือนใจ เพราะถือเป็นบุคคลที่ควรมีจิตวิญญาณสูงกว่าคนทั่วไป ควรมีความเมตตาต่อเด็ก ขณะที่ปัจจุบันมีการกรอบการลงโทษของบุคคลที่ใกล้ชิดกับเด็กให้มีโทษเพิ่มขึ้น และปัญหาที่เกิดขึ้นเชื่อว่ากระบวนการหล่อหลอมความเป็นครูยังไม่ลึกซึ้งเพียงพอหรือไม่ ที่ทำให้ครูมีสติแยกแยะในเรื่องนี้

นายวัลลภกล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมาจากกลไกความพิการของระบบการบริหาร เมื่อมีเหตุก็มีคำสั่งย้ายไปทำงานในเขตพื้นที่ในจังหวัดนั้นๆ ก่อน บางแห่งก็มีการใช้อิทธิพลเข้าข่มขู่ หรือให้การช่วยเหลือเพื่อปกป้องคนทำผิด เรื่องนี้ผู้บริหารจะต้องหูไวตาไว มีจิตใจปกป้องเด็กก็จะช่วยบรรเทาปัญหาได้ ทั้งที่เคยมีบางฝ่ายเสนอว่าหากมีเหตุข่มขืนเป็นคดีความแล้วก็ควรสั่งให้ออกไว้เป็นการชั่วคราว หรือย้ายไปนอกจังหวัด เพื่อไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหรือมีการแทรกแซงในกระบวนการยุติธรรม นอกจากนั้นจะต้องให้การคุ้มครองเด็กเพื่อไม่ให้มีปัญหาทั้งการเรียนหนังสือในโรงเรียนเดิมและการใช้ชีวิตปกติ สำหรับปัญหาที่มีการข่มขืนนักเรียนที่ปรากฏเป็นข่าว เปรียบเหมือนยอดภูเขาน้ำแข็ง แต่ของจริงยังมีอีกมาก

“ได้สั่งให้ประธานอนุกรรมาธิการกิจการเด็กฯติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องทุกมิติ สำหรับ ทางออก ของเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการต้องทำงานให้เร็ว กลไกการบริหารจัดการเพื่อให้สำนวนไปถึงอัยการต้องเร็ว มีความเป็นธรรม อย่าให้มีการกลั่นแกล้ง หากผู้บริหารสถานศึกษาต้นสังกัดทำงานล่าช้า เข้าข่ายประวิงเวลา ผู้ใช้อำนาจที่เหนือกว่าก็ต้องสั่งจัดการให้เด็ดขาด เพราะเกณฑ์การปฏิบัติในเรื่องนี้ของกระทรวงศึกษาได้วางกรอบการทำงานไว้แล้วอย่างชัดเจน แต่การปฏิบัติจริงยังแย่ เด็กที่มีปัญหาแบบนี้ต้องมีสถานที่เรียนแห่งใหม่ที่ดีกว่าเดิม แต่ที่ผ่านมาบางโรงเรียนพบว่าเมื่อเด็กนักเรียนมีสัมพันธ์ระหว่างกัน ผู้บริหารไล่นักเรียนหญิงที่ตั้งครรภ์ให้ออกไปเรียนที่อื่น แต่ให้นักเรียนชายอยู่ในโรงเรียนเดิม ซึ่งเป็นเรื่องแปลก” นายวัลลภกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image