‘ป้ามล’ ยัน ไม่ไปไหน ยอมสู้หมดหน้าตัก ลั่นให้มาไล่ที่บ้านกาญจนา ฝากอธิบดีกรมพินิจฯ ทบทวนเรื่องตัดงบใหม่

‘ป้ามล’ ยัน ไม่ไปไหน ยอมสู้หมดหน้าตัก ลั่นให้มาไล่ที่บ้านกาญจนา ฝากอธิบดีกรมพินิจฯ ทบทวนเรื่องตัดงบใหม่

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 12 กันยายน สืบเนื่องจากกรณี กองทรัพยากรบุคคล กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนแจ้งว่างบประมาณในปี 2568 จะมีการตัดงบในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านเด็กและเยาวชนของนางทิชา ณ นคร หรือป้ามล ในฐานะผู้อำนวยการบ้านกาญจนาภิเษก หรือยุติการทำหน้าที่ผู้อำนวยการฯ จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และข้อกังวลในสังคมอย่างกว้างขวางนั้น

ล่าสุด นางทิชา ได้เผยถึงจุดยืนในประเด็นดังกล่าว ในงานเสวนา “เปิดใจป้ามล และงานวิจัยบ้านกาญจนาภิเษก…ไปต่อหรือพอแค่นี้” จัดขึ้นโดย มูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล อดีตเยาวชนศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญนาภิเษก ณ สมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่งประเทศไทย โดยระบุว่า ตนอายุ 72 ปี เป็นวัยที่เหมาะสมต่อการพักผ่อน แต่สิ่งที่ยังทำให้ไม่สามารถล้มเลิกการปฏิบัติหน้าที่ได้ เนื่องจากยังไม่มีหลักประกันสำหรับนวัตกรรมที่ถูกค้นพบจากบ้านกาญจนาภิเษกที่มีคุณค่าในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเยาวชนว่าจะดำเนินการรักษาอย่างเป็นระบบหรือไม่ อย่างไร

“การที่บอกว่าแม้จะปิดบ้านกาญจนาภิเษกไปสังคมก็ไม่ต้องกังวลอะไรเพราะยังมีอีกหลายแห่งที่สามารถรองรับเด็กเหล่านี้ ซึ่งความคิดนี้เป็นการตีโจทย์ที่ผิดมหันต์ในเชิงของนโยบาย เพราะไม่ใช่แค่เรื่องห้องน้ำ ที่นอน เสื้อผ้าหรืออาหาร แต่เป็นเรื่องของความรู้สึกของมนุษย์ที่รู้สึกปลอดภัย และมีคุณค่า ประกอบกับงานวิจัย เครื่องมือ นวัตกรรมที่ทางบ้านกาญจนาภิเษกค้นพบทั้งหมด แต่สิ่งนี้ไม่เคยถูกให้คุณค่าเลย ประเด็นนี้ทำให้รู้สึกได้ว่า จงดื้อรั้นให้นานพอ

ADVERTISMENT

เราไม่ได้อยากดื้อกับใคร เพราะทราบดีว่าหากทำอย่างนั้นจะมีคนไม่พอใจ แต่บางครั้งนี่อาจจะเป็นราคาที่ต้องจ่ายเพื่อสังคมที่ดีขึ้น ตราบใดก็ตามหากทางภาครัฐไม่สามารถอธิบายได้ว่าอะไรคือหลักประกันสำหรับนวัตกรรมที่บ้านกาญจนาภิเษกค้นพบ เราไม่อาจประนีประนอมได้ ซึ่งนั่นจะเป็นการตามใจรัฐผู้ที่มีอำนาจล้นเหลือ สุดท้ายแล้วหากรัฐเด็ดขาด ไม่ยอมจริง ๆ ถึงที่สุดพื้นที่ทุกแห่งในประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นนิตินัย เป็นของรัฐบาลอยู่แล้ว แต่เราต้องดื้อเพื่อให้รัฐรู้ว่าอย่าทำอย่างนี้กับประชาชน สังคมไทยเราได้ทิ้งภาระให้คนรุ่นหลังเยอะมาก จนเราละอายใจ” นางทิชากล่าว พร้อมกับสะอื้นไห้

นางทิชากล่าวต่อไปว่า “คนในครอบครัวต้องการให้ถอย แต่ในเชิงสัญลักษณ์เราไม่สามารถทำได้ เราอายุมาก และแม้จะบาดเจ็บอีกสักกี่ครั้ง เรารับมือกับเรื่องเหล่านี้ได้ หากถามว่าจะไปต่ออย่างไร ต้องมาไล่ถึงบ้านกาญจนาภิเษก เราไม่ได้อยู่เพราะอยากได้เงินเดือน แต่เราอยู่เพื่อต้องประกาศว่าคุณจะมาทำลายเยาวชนไม่ได้ จะมาทำลายความฝันและความเชื่อมั่นของเด็ก ๆ ไม่ได้ ขอยืนยันว่าเราจะไม่ประนีประนอมกับอำนาจรัฐแม้บ้านกาญจนาภิเษกจะเป็นของรัฐก็ตาม จะไปต่ออย่างไรนั้น ป้ายังไม่ไป นี่ไม่ใช่ความหน้าด้าน แต่คือการปกป้องระบบที่เราค้นพบ และไม่ถูกรับช่วงต่อ หรือพัฒนาต่อ อยากให้รัฐเข้าใจว่าถ้าเราไม่สามารถปกป้องจุดยืนของเราได้ แล้วเราจะปกป้องใครได้ ในอายุ และช่วงเวลาของป้าเหมาะสมแล้วที่จะสู้จนหมดหน้าตัก ไม่มีอะไรจะเสีย นอกจากสูญเสียความศรัทธา และความเคารพที่มีต่อตัวเอง ซึ่งป้าจะไม่ใช่คนนั้นเด็ดขาด” นางทิชากล่าว

ทั้งนี้ นางทิชาฝากไปถึงอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนว่า “ไปทบทวนให้ดี และมาพบกันที่บ้านกาญจนาภิเษก”