ปุณณพันธ์ อรุณิชย์ตระกูล ปธ.สภาเด็กจาก “การเลือกตั้ง”

หลังจากจัดให้มีสภาเด็กและเยาวชนระดับตำบล 7,775 แห่งทั่วประเทศเรียบร้อย ก็ถึงคิวเลือกประธานสภาเด็กแห่งประเทศไทยคนใหม่ ซึ่งภายหลังกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จัดให้ประธานสภาเด็กระดับจังหวัด กทม. และผู้แทนกลุ่มเด็กและเยาวชนตามประกาศ พม. รวม 115 คนมาใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้ง โดยครั้งนี้มีผู้สมัครชิงตำแหน่ง 3 คน ซึ่งผ่านการเสนอรายชื่อ รับรองรายชื่อ แสดงวิสัยทัศน์การทำงาน และลงคะแนนผ่านเครื่องอิเล็กทรอนิกส์

ผลปรากฏว่า “ปุณณพันธ์ อรุณิชย์ตระกูล” อดีตประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย 3 สมัย ชนะการเลือกตั้ง สามารถกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง แต่ก็นับเป็นประธานสภาเด็กแห่งประเทศไทยคนแรกตามกฎหมายใหม่ คือ พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560

ปุณณพันธ์ อรุณิชย์ตระกูล หรือน้ำพุ อายุ 24 ปี เล่าว่า ที่ลงสมัครอีกครั้ง เพราะรู้สึกว่ายังมีงานบางอย่างที่ต้องทำ และอยากทำงานที่ทำมาให้ต่อเนื่อง ทั้งนี้ เนื่องจากกฎหมายใหม่ กำหนดให้มีสภาเด็กระดับตำบลเป็นครั้งแรก จึงมองความต่อเนื่องของงานที่จะไปเชื่อมกับสภาเด็กระดับตำบล ทำอย่างไรจะให้การทำงานของสภาเด็กระดับตำบลมีความชัดเจนและเข้มแข็ง ไม่ให้ผู้ใหญ่ในพื้นที่เข้ามาแทรกแซง อีกทั้งสามารถทำงานควบคู่ไปกับเครือข่ายเด็กและเยาวชนที่จัดตั้งตามกฎหมายมีอยู่แล้วในระดับพื้นที่ เพื่อร่วมกันทำกิจกรรมเสริมสร้างพลังเด็กและเยาวชนระดับพื้นที่ในอนาคต และสามารถสะท้อนปัญหาเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนเข้ามาส่วนกลาง เพื่อผลักดันให้ผู้ใหญ่ในประเทศช่วยออกนโยบายด้านเด็กและเยาวชนให้เกิดขึ้น

อีกสิ่งที่ปุณณพันธ์อยากเห็นและตั้งเป้าหมายจะทำให้ได้คือ การสร้างการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังของเด็กและเยาวชน

Advertisement

“ไม่อยากเห็นสภาเด็กเป็นไม้ประดับเหมือนที่ผ่านมา ที่ว่าเวลาทำงานกับผู้ใหญ่ เด็กมักไม่ได้คิด ไม่ได้ตัดสินใจในโครงการที่อยากทำ แต่เปลี่ยนใหม่ว่า ต้องให้เด็กได้คิด ทำ และประเมินผลติดตามโครงการในสิ่งที่เขาอยากทำ ซึ่งผมอยากให้เกิดวงจรแบบนี้ ยิ่งตอนนี้เริ่มเบิกจ่ายงบประมาณให้สภาเด็กแต่ละระดับได้ทำกิจกรรมแล้ว พวกเขาต้องมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง”

Advertisement

ซึ่งเขาก็ออกตัวว่า “งานนี้ผมคงทำลำพังไม่ได้ ต้องเปิดโอกาสให้ผู้อื่นมาทำงานร่วมกัน ช่วยกันคิด มีส่วนร่วม และใช้ประสบการณ์ที่มีให้เกิดประโยชน์”

นอกจากบทบาทหน้าที่ซึ่งกินเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตแล้ว ปุณณพันธ์กำลังเรียนอยู่ในระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ที่ผ่านมาเขาพยายามแบ่งเวลาให้ลงตัว ช่วงไหนไม่มีเรียนก็มาทำงาน ช่วงไหนไม่ว่างก็ต้องหอบงานกลับไปทำที่บ้าน ซึ่งงานประธานสภาเด็กแห่งประเทศไทยส่วนใหญ่จะเป็นการเซ็นเอกสาร เข้าร่วมการประชุม และจัดกิจกรรมให้เด็กและเยาวชน ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่มีเงินเดือน เป็นงานฟรีทุกอย่าง ได้อยู่อย่างเดียวคือ “ประสบการณ์”

ปุณณพันธ์เล่าว่า การได้มาอยู่ตรงนี้ทำให้ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เคยเรียนรู้ ได้ทักษะชีวิต ทักษะการเข้าสังคม ที่ห้องเรียนอาจให้ไม่ได้ โดยเฉพาะข้อกฎหมายด้านสังคม อาทิ กฎหมายคุ้มครองเด็ก คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง การศึกษา ที่เรียนรู้จากการทำงาน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถต่อยอดอนาคตที่ฝันอยากเป็นอาจารย์ นักการเมือง หรือเป็นนายกรัฐมนตรีหากมีวาสนา อย่างไรก็ตาม หากมีเวลาว่างก็ใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นทั่วไป อาทิ ไปเที่ยว ดูภาพยนตร์ แต่รวมๆ แล้วมีเวลาส่วนนี้น้อยมาก เพราะจะทุ่มเททำงานมากกว่า ซึ่งสภาเด็กมีโปรแกรมงานตลอดทั้งปี

ความฝันอันใหญ่โต ปุณณพันธ์เชื่อว่า “ไม่มีอะไรที่คนทำไม่ได้ เราทำได้ทุกอย่าง อยู่ที่ว่าเราจะทำหรือไม่”

บทบาทหน้าที่ “สภาเด็ก”

สภาเด็กและเยาวชนแต่ละระดับจะมีบทบาทหน้าที่แตกต่างกันไป เริ่มที่ระดับตำบล/เทศบาล มีอำนาจหน้าที่ในการส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนได้แสดงความคิดเห็น หรือแสดงออกอย่างสอดคล้องกับความรู้ความสามารถที่พัฒนาไปตามวัย อีกทั้งเสนอความเห็นต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาและแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนในพื้นที่ และรวบรวมข้อมูล ข้อเสนอแนะ หรือเรื่องที่มีผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนในพื้นที่ ส่งต่อให้ระดับอำเภอ/เขต ซึ่งมีอำนาจหน้าที่คล้ายๆ กัน และส่งต่อให้ระดับจังหวัด/กรุงเทพมหานคร และส่งต่อไปยังสภาเด็กแห่งประเทศไทยต่อไป

ทั้งนี้ สำหรับสภาเด็กแห่งประเทศไทย มีอำนาจหน้าที่ในการเป็นศูนย์กลางประสานงาน เพื่อดำเนินกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาเด็กและเยาวชน อีกทั้งคอยสนับสนุน ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้แสดงความคิดเห็น หรือแสดงออกอย่างสอดคล้องกับความรู้ความสามารถที่พัฒนาไปตามวัย โดยเฉพาะเรื่องที่มีผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน สามารถให้ความเห็นในการกําหนดแนวทางนโยบาย แผนงาน และงบประมาณของหน่วยงานของรัฐ เพื่อการส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชน

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image