จาก’ปารีส’ สู่ ‘กรุงเทพฯ’ หลุยส์ วิตตองกับผลงานชิ้นสุดท้าย ‘เวอร์จิล อาโบลห์’ ดีไซเนอร์อัจฉริยะ

จากปารีสสู่กรุงเทพฯ ‘หลุยส์ วิตตอง’ กับผลงานชิ้นสุดท้าย ‘เวอร์จิล อาโบลห์’ ดีไซเนอร์อัจฉริยะผู้เป็นตำนาน

หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) จัดแฟชั่นโชว์รูปแบบ Spin-Off (สปิน-ออฟ) คอลเลกชั่นสุภาพบุรุษ ฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาว 2022 ในงาน Louis Vuitton Fall Winter 2022 Men’s Spin-off Show ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ณ The Pinnacle ชั้น 8 ของ ICONSIAM

โดยงานนี้นับเป็นการจัดแฟชั่นโชว์ Spin-Off คอลเลกชั่นสุภาพบุรุษเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อนำพาทุกท่านไปสัมผัสกับคอลเลกชั่นหมายเลข 8 ที่หลอมรวมแรงบันดาลใจ และบอกเล่าเรื่องราวของเวอร์จิล อาโบลห์ (Virgil Abloh) ตลอด 8 ฤดูกาลในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ (Men’s Artistic Director) ของหลุยส์ วิตตอง ซึ่งคอลเลกชั่นนี้นับเป็นผลงานสุดท้ายจากดีไซเนอร์อัจฉริยะผู้เป็นตำนานก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงในวัยเพียง 41 ปี ด้วยโรคมะเร็งหลอดเลือดหัวใจ

Advertisement
*รู้จัก เวอร์จิล อาโบลห์ ดีไซเนอร์อัจฉริยะผู้เป็นตำนาน

เวอร์จิล อาโบลห์ เกิดเมื่อวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1980 ที่เมืองร็อกฟอร์ด รัฐอิลลินอยส์ พ่อแม่ของเขาเป็นชาวกานาที่ย้ายมาอยู่สหรัฐอเมริกา ชีวิตในวัยเด็กเขาถูกล้อมรอบด้วยวัฒนธรรมสเกตบอร์ด บทเพลงของวง Nirvana และวงฮิปฮอปอย่าง Wu-Tang Clan ทำให้เวอร์จิลคลั่งไคล้การเล่นสเกตบอร์ดหลังเลิกเรียนตั้งแต่เด็ก และการเล่นสเกตบอร์ดนี่เองที่เขาบอกว่าเป็นตัวจุดประกายให้สนใจแฟชั่นเป็นครั้งแรก และสนใจการเป็นดีเจในเวลาต่อมา

Virgil Abloh

เวอร์จิลจบการศึกษาด้านวิศวกรรมโยธาจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน แมดิสัน (University of Wisconsin-Madison) และปริญญาโทด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่สถาบันเทคโนโลยีอิลลินอยส์ (IIT) เมืองชิคาโก พร้อมกับศึกษาหลักสูตรการออกแบบ Bauhaus นำโดย Mies van der Rohe ไปพร้อมๆ กัน

ในปี 2002 เวอร์จิลได้พบคานเย เวสต์ และเริ่มต้นชีวิตในวงการแฟชั่นในฐานะครีเอทีฟ เขาทำอะไรอีกหลายอย่างในช่วงเวลาไม่กี่ปีหลังจากนั้น ทั้งเปิดพื้นที่ค้าปลีก แกลเลอรี และทำงานด้านการออกแบบอย่างจริงจังร่วมกับ Jay-Z รวมถึงแร็ปเปอร์ชื่อดังในหลายๆ โปรเจกต์ จนถึงปี 2013 เวอร์จิลตัดสินใจผละจากไพเรกซ์ วิชั่น หันมามุ่งมั่นกับคอนเซปต์ใหม่ที่เขาตั้งชื่อว่า ออฟ-ไวต์ ด้วยความโดดเด่นและแตกต่างที่เน้นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแนวสตรีทแฟชั่น ทำให้แบรนด์ ออฟ-ไวต์ ประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

Advertisement
Kanye West, Virgil Abloh

ในปี 2018 เวอร์จิลสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สะเทือนวงการแฟชั่นอีกครั้ง เมื่อ หลุยส์ วิตตอง ประกาศให้เขารับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ แผนกเสื้อผ้าสุภาพบุรุษ ขึ้นแท่นดีไซเนอร์ผิวสีคนแรกที่ได้ตำแหน่งระดับสูงสุดในแบรนด์

*แฟชั่นสะท้อนโลกผ่านมุมมองสายตาของเด็กที่ไร้อคติ

งาน Louis Vuitton Fall Winter 2022 Men’s Spin-off show รูปแบบแฟชั่นโชว์ Spin-Off นี้ถูกนำเสนอครั้งแรกเมื่อปี 2020 จากความคิดของ เวอร์จิล อาโบลห์ ที่ต้องการตอกย้ำรากฐานของ หลุยส์ วิตตอง ในด้านเรื่องราวการเดินทาง และเปิดโอกาสให้คนทั่วโลกได้มีโอกาสปฏิสัมพันธ์และรับประสบการณ์แต่ละคอลเลกชั่นได้อย่างใกล้ชิด ผ่านการนำแฟชั่นโชว์ไปจัดตามเมืองสำคัญ พร้อมตีความใหม่ให้เข้ากับวัฒนธรรมของแต่ละสถานที่

สำหรับแฟชั่นโชว์ครั้งนี้มีชื่อว่า ‘8.2’ สะท้อนถึงฤดูกาลที่ 8 ของ เวอร์จิล อาโบลห์ โดยกรุงเทพฯ เป็นจุดหมายแห่งที่ 2 ที่นำเสนอเรื่องราวคอลเลกชั่นเครื่องแต่งกายสุภาพบุรุษ ฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2022 หลังจากที่จัดโชว์ครั้งแรกไปที่ปารีสแฟชั่นวีคตอนต้นเดือนมกราคม 2565 ด้วยแนวคิด “The Louis Dreamhouse” ที่ เวอร์จิล อาโบลห์ ได้วาดฝันขึ้น และเป็นการต่อยอดคอนเซปต์ Boyhood Ideology ที่เป็นการมองโลกผ่านมุมมองสายตาของเด็กที่ไร้อคติ

ดั่งคำที่เวอร์จิล มักกล่าวเสมอว่า จินตนาการคือวัตถุดิบชั้นยอดในการเดินตามความฝัน แผ่นกั้นระหว่างความเป็นจริงกับจินตนาการนั้นไม่มีอยู่จริง ความฝันสามารถเป็นจริงได้ และไม่ควรถูกตั้งโปรแกรมตามความคิดของผู้ใหญ่ที่มนุษย์สร้างขึ้นในสังคม เช่น “สูงหรือต่ำ”, “ดำหรือขาว”, “ผู้ชายหรือผู้หญิง”

และในครั้งนี้เองเขาได้ถ่ายทอดจินตนาการล้ำค่าผ่านเครื่องแต่งกายและแอคเซสเซอรี่ในคอลเลกชั่นนี้ เพื่อพยายามที่จะพัฒนาคุณค่าของมนุษย์ โดยไม่ให้เครื่องแต่งกายเป็นเพียงเครื่องบ่งชี้ทางสังคม แต่ยังเป็นตัวแทนและตัวตนของผู้สวมใส่อีกด้วยเช่นกัน เพราะเสื้อผ้าคือเสื้อผ้า และมนุษย์คือมนุษย์

*รันเวย์สีฟ้าและบ้านหลังใหญ่หลังคาสีแดง

ภายในงานถูกเนรมิตเป็นรันเวย์สีฟ้าและบ้านหลังใหญ่หลังคาสีแดงคล้ายอยู่บนทองฟ้าแห่งความฝัน สถานที่ซึ่งทุกความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการสามารถเกิดขึ้นได้จริง โดยมีบรรดาเซเลบริตี้และศิลปินดาราแถวหน้าของเมืองไทยมากมายที่ตบเท้ากันมาร่วมชมโชว์ อาทิ ศุภลักษณ์ อัมพุช, เสาวคนธ์ พรพัฒนารักษ์, ซันนี่-สุวรรณเมธานนท์, มาริโอ้ เมาเร่อ, สกาย-วงศ์รวี นทีธร, พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร, ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต

นอกจากนี้ยังมีเหล่าเซเลบริตี้คนดังจาก 8 ประเทศในเอเชียที่บินลัดฟ้ามาร่วมชมโชว์ในครั้งนี้ด้วย อาทิ Park Bo Gum, Josh Heuston, Ishaan Khatter, Desmond Tan, Ahmad Al Ghazali Kohler, Afgansyah Reza, Alvin Chong, Loui Lim, Soobin Hoang Son, BinZ และ LA Aguinaldo

พัคโบกอม
*การร่วมงานกันของทีมงานฝรั่งเศส-ไทย

นอกจากเวอร์จิลจะทรงอิทธิพลในด้านแฟชั่นแล้ว เขายังเป็นคนที่เห็นความสำคัญกับการยอมรับในความหลากหลายและให้ความสำคัญกับเยาวชนคนรุ่นใหม่ ดังนั้นการจัดแฟชั่นโชว์ของหลุยส์ วิตตอง ครั้งแรกในประเทศไทยจึงเป็นการทำงานที่เป็นความร่วมมือครั้งสำคัญกับสตูดิโอฝั่งปารีสและทีมงานในประเทศไทยเพื่อให้โชว์ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบตามแบบฉบับความคิดสร้างสรรค์ของเวอร์จิล อาโบลห์ ที่ผสานรูปแบบความเป็นไทยเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ

 องค์ประกอบของการทำโชว์ มีทั้งในส่วนของฉากที่ทางสตูดิโอปารีส นำเรื่องราวต่อจากโชว์ที่ปารีสเมื่อเดือนมกราคมมาเล่าต่อจากความเป็น Dreamhouse มาสู่เรื่องราวความคิดสร้างสรรค์ของเวอร์จิล ที่มีอย่างมากมาย แม้ในเวลาที่เขาได้จากไปแล้ว แต่สิ่งเหล่านั้นยังคงวนเวียนอยู่กับทุกคน บ้าน Dreamhouse หลังเดิมได้ถูกนำมาถ่ายทอดสู่ดีไซน์แบบ Upside Down ภายใต้การควบคุมของทีมงานในประเทศไทยอย่างเคร่งครัดจนออกมาเป็นภาพเดียวกับที่ทีมปารีสตั้งใจจะถ่ายออกมาสู่สายตาทุกคนทั่วโลก ส่วนนายแบบมีการทำคาสติ้งออนไลน์เพื่อคัดเลือกแต่ละคนที่เหมาะที่สุดกับการสวมใส่แต่ละลุค ซึ่งยังคงเน้นคอนเซ็ปต์ของเวอร์จิล ที่ต้องการความหลากหลายหรือ Diversity ที่ได้นายแบบถึง 76 คน พร้อมใจมาร่วมเดินในโชว์

*ผู้กำกับไทย ร่วมงานด้วย

ด้านมุมมองทางศิลป์ที่เกี่ยวเนื่องกับโชว์ ที่ทางหลุยส์ วิตตองฝั่งคอลเลกชั่นสุภาพบุรุษยังคงตอกย้ำเสมอ คือเรื่องราวของเด็กในวัยเยาว์ ความฝันและจินตนาการ ที่มักนำมาทำเป็นเรื่องราวในแคมเปญเพื่อถ่ายทอดพร้อมคอลเลกชั่น ซึ่งในครั้งนี้สำหรับประเทศไทยนี่เป็นครั้งแรกที่ทางหลุยส์ วิตตองได้คัดเลือกผู้กำกับภาพยนตร์ชาวไทยเพื่อทำงานร่วมกัน โดยได้ ศิวโรจณ์ คงสกุล ที่เคยสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยและเป็นที่รู้จักในเวทีภาพยนตร์สากล เขาเคยเข้าร่วมโครงการ Cannes Festival Cinfondation Residence ในปี 2011 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และในปี 2017-2019 ได้เข้าร่วมโครงการ La Fabrique Cinma, IMDA South East Asian Co-Production Grant และ Hubert Bals Fund เพื่อพัฒนาบทภาพยนตร์ยาวเรื่องที่ 2 ของเขาที่กำลังจะดำเนินการถ่ายทำอยู่เรื่อง “อรุณกาล” (Regretfully at Dawn)

มาครั้งนี้เขาคือผู้ถ่ายทอดเรื่องที่รวมเอาความฝันของเด็กธรรมดาคนหนึ่งมาเรียงร้อยไว้ในหนังสั้น 2 นาทีสำหรับฉายก่อนเข้าสู่แฟชั่นโชว์ในประเทศไทย งานชิ้นนี้ทำให้เขาหวนคิดถึงบ้านหลังแรก ครอบครัวในวัยเด็ก มิตรภาพของเพื่อน สิ่งต่างๆรอบตัวที่สวยงาม ก่อนที่เขาจะเดินทางมาเพื่อตามหาความฝัน โดยความทรงจำเหล่านั้นยังคงอยู่ที่เดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง ทั้งหมดสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของการดีไซน์รูปแบบโชว์ รวมทั้งตรงดั่งคำที่เวอร์จิลเคยกล่าวไว้ครั้งหนึ่งว่า “You can do it, too”

“งานชิ้นนี้ทำให้ผมหวนคิดถึง บ้านหลังแรก ครอบครัวของผมในวัยเด็ก มิตรภาพของเพื่อน สิ่งต่างๆรอบตัวในตอนนั้นสวยงาม ก่อนที่ผมจะเดินทางจากมาเพื่อตามหาความฝัน ทุกอย่างยังอยู่ที่เดิมตรงนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป” ศิวโรจณ์ คงสกุลกล่าว

ในโชว์ครั้งนี้เราสามารถสัมผัสได้ว่า หลุยส์ วิตตองได้มอบแฟชั่นโชว์ครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนี้ เพื่อเป็นการรำลึกถึง เวอร์จิล อาโบลห์ แต่ยังคงให้ความสำคัญและความเคารพในรูปแบบความเป็นไทย ซึ่งนับเป็นการปิดฉากโชว์อำลาของดีไซเนอร์ผู้เป็นตำนานนี้ไว้ได้อย่างงดงาม

*เกี่ยวกับหลุยส์ วิตตอง

นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1854 หลุยส์ วิตตอง ได้สรรค์สร้างดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์สู่สายตาชาวโลกโดยผสานนวัตกรรมล้ำสมัยเข้ากับสไตล์อันสวยงาม รวมถึงคุณภาพที่เป็นหนึ่ง จวบจนวันนี้ หลุยส์ วิตตอง ยังคงดำเนินตามปรัชญาเดิมที่เมอร์ซิเออร์หลุยส์ วิตตอง ได้ริเริ่มไว้ตั้งแต่เริ่มต้น นั่นคือ “ศิลปะแห่งการเดินทาง” ผ่านชิ้นผลงานกระเป๋าเดินทาง กระเป๋า และเครื่องประดับต่างๆ

ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ เช่นเดียวกับความสง่างามและความสะดวกในการใช้งาน หลุยส์ วิตตอง จึงก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งด้วยเรื่องราวจากความกล้าที่จะแตกต่าง โดยยังคงรักษาความเป็น หลุยส์ วิตตอง ไว้อย่างเหนียวแน่นพร้อมทั้งเปิดรับศาสตร์ต่างๆ จากเหล่าสถาปนิก ศิลปิน และดีไซเนอร์ต่างสาขาที่มาร่วมงานกันอย่างต่อเนื่อง ออกมาเป็นผลงานมากมาย อาทิ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า นาฬิกา เครื่องประดับ และน้ำหอม โดยแต่ละชิ้นนั้นสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อสะท้อนถึง แบรนด์หลุยส์ วิตตอง ที่มุ่งมั่นเพื่อความประณีตของงานฝีมือจากผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image