ภัตตาคารศิรินทร์ ตามรอยพ่อไปชิมข้าวมันไก่ในตำนานเกินครึ่งศตวรรษ คอลัมน์ ตามรอยพ่อไปชิม

คุณชายถนัดศรีเริ่มทำเชลล์ชวนชิมมาตั้งแต่ พ.ศ.2504 ซึ่งคอลัมน์ตามรอยพ่อไปชิมของปิ่นโตเถาเล็กในหนังสือพิมพ์มติชนรายวันนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2545 เพื่อที่จะพาไปทบทวนของอร่อยที่พ่อเคยให้ตรารับรองไว้นั่นเอง และในช่วงหลังๆ ก็มีร้านใหม่ๆ ที่ปิ่นโตเถาเล็กซอกแซกไปลิ้มลองเองอีกด้วย เวลาผ่านไปไวเหมือนท่องข้ามมิตินับได้ 16 ปีแล้ว สมควรแก่การนำร้านที่ผมเคยลงในยุคแรก เอามาเล่าซ้ำใหม่ว่ามีร้านไหนยังยืนหยัดอยู่ได้ถึงตอนนี้บ้าง

อาทิตย์นี้เป็นร้านเชลล์ชวนชิมยุคแรก พ่อไปชิมเมื่อปี 2514 ซึ่งความจริงเขาเปิดขายมาก่อนหน้านั้นอีก มาบัดนี้นับได้เกือบ 70 ปี เกินครึ่งศตวรรษแล้ว ซึ่งปิ่นโตเถาเล็กยังไม่เคยเขียนถึงมาก่อน ร้านนี้โด่งดังเรื่องข้าวมันไก่ไหหลำและอีกสารพัดเมนู มีชื่อว่า ภัตตาคารศิรินทร์

ตอนที่พ่อไปชิมนั้น ร้านนี้มีชื่อว่า ซีฮั้ว อยู่ตรงแถวตลาดคลองเตยปัจจุบัน มาภายหลังมีถนนรัชดาภิเษกตัดผ่าน ร้านจึงย้ายมาอยู่ด้านในตรงข้ามกับตึกไทย และเปลี่ยนชื่อเป็นภัตตาคารศิรินทร์

เจ้าของร้านยุคแรกชื่อนายมุกกี่ แซ่ตัน มีความคุ้นเคยกับคุณชายถนัดศรีเป็นอย่างดี ในตอนนี้สืบทอดมาถึงหลานรุ่นที่ 3 โดยมีพ่อแม่รุ่นที่ 2 (รวมกัน 6 พี่น้อง) คอยเป็นพี่เลี้ยงอยู่ห่างๆ นับว่าเป็นความโชคดีของข้าพเจ้าและบรรดาแฟนๆ มาก เพราะเขาเคยคิดจะเลิกทำร้านด้วย

ADVERTISMENT

ทางมาร้านนี้ไม่ยาก ร้านอยู่ในซอยตึกไทย ให้มาจาก ถนนพระราม 4 ขาเข้าเมือง พอผ่าน สามแยกคลองเตย ให้ชิดซ้าย แล้ว เลี้ยวซ้ายเข้าซอยที่สองนับจากไฟแดง (ซอยแรกเป็นวันเวย์ขาออก) ปากซอยมี ธนาคารกสิกรไทย สาขาคลองเตยเป็นจุดสังเกต ตรงเข้ามาก็จะเห็นร้านศิรินทร์อยู่ตรงห้องแถวใหญ่หัวมุมด้านซ้ายข้างในสุด ฝั่งตรงข้ามคือ ตึกไทย (จส.100) จอดรถได้หน้าร้าน 2 ด้าน ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์จอดฝั่งตึกไทยได้ด้วย

แค่เห็นหน้าตาร้านก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศร้านโบราณยุคหลายสิบปีก่อน ด้านล่างเป็นห้องเปิดโล่ง ด้านขวามือเป็นครัว ส่วนชั้นสองเป็นห้องปรับอากาศ พนักงานที่นี่คล่องแคล่วเพราะแต่ละคนอยู่กันมานาน

ADVERTISMENT

แน่นอนว่ามาที่นี่ต้องสั่ง ข้าวมันไก่ตอน (ราดข้าวจานละ 65 บาท) ไหนๆ มาทั้งทีปิ่นโตเถาเล็กสั่ง ไก่ตอนจานใหญ่ เสียเลย (280 บาท) กินได้ 2-3 คน สั่งข้าวมันมาต่างหาก ไก่ที่นี่เป็นไก่ตัวผู้สามสายพันธุ์จากนครปฐม ได้ออกแรงเคี้ยวมากกว่าเนื้อไก่ตัวเมีย แต่ถึงกระนั้นก็ยังนุ่มกว่าสมัยก่อนมาก (แต่ก่อนเนื้อต้องหนึบๆ) พี่รัชนี เจ้าของร้านรุ่นที่ 2 บอกว่าเดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่ชอบกินไก่นุ่มๆ มากกว่า ส่วนหนังไก่นั้นบางแทบไม่มีมัน ถูกใจปิ่นโตเถาเล็กมาก นอกจากนี้ ยังมีไก่จานเล็ก 180 บาท ครึ่งตัว 450 บาท หรือติดใจจะซื้อทั้งตัว สนนราคาขึ้นกับขนาดของไก่ เช่น 800-900 บาท (ถ้าตัวเล็กก็ 500-600 บาท) หรือจะซื้อไปไหว้เจ้าก็ได้ด้วย (เมนูอื่นมี ไก่ทอด และ ไก่ย่าง ด้วย)

ข้าวมันนั้นก็เด็ดไม่แพ้กัน นุ่มหอมไม่มันมาก ใช้ข้าวหอมมะลิหุงด้วยเตาถ่านตามกรรมวิธีดั้งเดิม ซึ่งจะนำข้าวสารไปผัดกับกระเทียมที่เจียวกับน้ำมันไก่ เติมน้ำต้มไก่ลงไป คนไปเรื่อยๆ ไม่ให้ไหม้ พอข้าวดูดน้ำซุปจนแห้งก็ปิดฝา แล้วนำถ่านร้อนๆ มาวางทับเพื่อให้ข้าวระอุสุกหอมทั่วถึงทั้งด้านบนด้านล่าง

ต้มยำขาไก่

กินข้าวมันไก่ร้านนี้ให้ครบสูตร ต้องสั่ง ต้มยำขาไก่ (160 บาท และก็มีขนาด 260-400 บาท) มาด้วยอีกชาม ไม่ใช่ขาไก่ซุปเปอร์เหมือนร้านสมัยใหม่ แต่เป็นต้มยำตีนไก่ใส่น้ำพริกเผา น้ำข้นๆ หอมๆ ทำให้กินข้าวมันได้เยอะไม่เลี่ยน ใครอยากกินน้ำแกงไม่เผ็ดก็มีให้เลือกมากมาย เช่น มะระตุ๋นซี่โครงหมูอ่อน เยื่อไผ่ตุ๋นเห็ดหอมยาจีน เป็ดตุ๋นมะนาวดอง

จับฉ่ายไหหลำ

มาร้านไหหลำอย่างนี้ ต้องสั่งเมนูไหหลำอีก 2 อย่าง อย่างแรกที่ห้ามพลาดเลยเพราะทำได้อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาคือ จับฉ่ายไหหลำ (160 บาท และมีขนาด 260-400 บาท) ผัดใส่น้ำซุปต้มกระดูกหมูเอียเล้งและโครงไก่หอมหวานถูกใจมาก ใส่เครื่องเคราหลากหลาย มีเครื่องในหมูต่างๆ เช่น ตับ กระเพาะ หัวใจ เซ่งจี๊ มีหมึกสด หมึกแช่ กุ้งทะเล ฟองเต้าหู้และขึ้นฉ่าย (สำหรับแฟนๆ รุ่นใหม่ จับฉ่ายไหหลำคืออาหารคนละชนิดกับต้มจับฉ่ายนะจ๊ะ)

เนื้อวัวอบเครื่องยาจีน

ส่วนของดีไหหลำอีกอย่างคือ เนื้อวัวอบเครื่องยาจีน (180-280-450 บาท) นุ่มฉ่ำหอมหวานไม่แห้ง กลิ่นเครื่องยาจีนไม่แรง ใช้เนื้อสะโพกอบนานถึง 3-4 ชั่วโมงจนได้ที่ แกล้มด้วยขิงดอง จิ้มน้ำจิ้มพริกตำ

ผัดเผ็ดปลาดุก

ยังไม่หมดนะจ๊ะ ปิ่นโตเถาเล็กยังสั่ง ปลาดุกผัดเผ็ด (160 บาท) มาอีกจานด้วย เป็นปลาดุกย่างทอดกรอบ อร่อยใช้ได้เลย ใครที่อยากกินอาหารไทย-จีนเผ็ดๆ ก็มากินร่วมโต๊ะได้

โกยซีหมี่

เท่านี้ยังไม่พอ ผมยังตะกละสั่ง โกยซีหมี่ (70 บาท) มาอีกจาน เขาผัดเส้นบะหมี่กับน้ำมันจนหอมกลิ่นผัดในกระทะมาก ใส่น้ำซุปต้มกระดูกหมูเอียเล้งกับโครงไก่หอมหวานเช่นกัน ครบเครื่องทั้ง เนื้อไก่ เห็ด หน่อไม้เส้นๆ และต้นหอม ห้ามพลาดเลย

โอ๊ย กระเพาะครากเสียก่อน มิฉะนั้นคงสั่ง แพะตุ๋น เนื้อปลากะพงน้ำแดง (เมนูเชลล์ชวนชิมของคุณชายเช่นกัน) เนื้อปลากะพงผัดพริกไทยดำ และ หมูสะเต๊ะ มาลิ้มลองอีกด้วย ฝากไว้ก่อน เดี๋ยวคราวหน้าต้องมาลองใหม่

ภัตตาคารศิรินทร์ เปิดบริการ 8 โมงครึ่งถึง 3 ทุ่มครึ่ง หยุดทุกวันจันทร์ มากินข้าวมันไก่เป็นมื้อเย็นก็ยังได้ ใครสนใจอยากสั่งไปออกงานนอกสถานที่เป็นซุ้มๆ ก็ติดต่อกันได้นะจ๊ะ


ข้อมูล

ภัตตาคารศิรินทร์

โดย คุณมณนิชา หลูวัฒนานนท์

ที่ตั้ง 1364,1366,1368 ถนนพระราม 4 คลองเตย กรุงเทพฯ 10110

โทร 0-2249-1928, 0-2249-7684-5

เปิดบริการ 08.30-21.30 น. อังคาร-อาทิตย์

หยุด ทุกวันจันทร์ และเทศกาลสงกรานต์

แนะนำ ข้าวมันไก่ตอน ต้มยำขาไก่ จับฉ่ายไหหลำ เนื้อวัวอบเครื่องยาจีน ปลาดุกผัดเผ็ด โกยซีหมี่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image