อิ่มหนำกับโอท็อป ซิตี้ 2018 เลือกชิมสารพัดอาหารท้องถิ่น คอลัมน์ เคี้ยวตุ้ย…ตะลุยกิน

มาเดินเล่นงานโอท็อป ซิตี้ 2018 ที่เมืองทองธานี วันนี้เป็นวันสุดท้าย (23 ธ.ค.61) นอกจากเพลินตาเพลินใจไปกับสินค้าท้องถิ่นสวยๆ เท่ๆ แล้ว ยังได้เพลินพุงอีกด้วย

ในงานนี้อาหารท้องถิ่นจากทั่วแคว้นแดนไทยขนกันมาออกบูธให้เลือกชม ชิม ซื้อหาเพียบ! อยากบอกว่าเห็นอะไรๆ ก็น่ารับประทานไปหมด

สาหร่ายผมนาง
ยำสาหร่าย

เริ่มจาก “ยำสาหร่ายผมนาง” ของดีจากกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเกาะยอ จังหวัดสงขลา มองเผินๆ คล้ายหมี่ขาว แต่ที่แท้คือสาหร่ายผมนาง ต้นเป็นพุ่มใหญ่สีดำ ปลิวสยายตามคลื่นใต้ทะเลสาบสงขลา เป็นที่มาชื่อผมนาง

สาหร่ายชนิดนี้ชาวบ้านจะออกไปหาช่วงฤดูร้อน สาหร่ายสดๆ จะเป็นสีดำ ต้องนำมาล้างน้ำแล้วตากแดด ตากน้ำค้าง นานถึง 7-10 วัน ก็จะเริ่มแห้งและเปลี่ยนเป็นสีขาว

Advertisement

“ไปเกาะยอต้องกินยำสาหร่าย” เสียงตัวแทนกลุ่มแม่บ้านบอกใครต่อไปที่กำลังชิมกันคนละหมุบคนละหมับ

ยำนี้เป็นแบบโบราณ วิธีทำนำสาหร่ายที่ตากแห้งไว้แล้ว ไปแช่น้ำประมาณ 10 นาที หรือถ้ามากกว่านั้นก็ไม่เป็นไร ขอแค่อย่านำไปต้มหรือลวก เดี๋ยวจะเละละลายเป็นวุ้นกินไม่ได้

แช่น้ำเรียบร้อยก็นำสาหร่ายไปยำกับน้ำมะขาม กะทิ น้ำตาล มะพร้าวคั่ว ถั่ว ซึ่งเป็นเครื่องยำแบบโบราณ กินกับใบชะพลู ห่อกินเหมือนเมี่ยง

Advertisement

ไม่ใช่แค่ยำ แต่ยังนำไปใช้แทนวุ้นเส้นได้ทุกอย่าง เอาไปทำส้มตำผสมมะละกอ คลุกกับลาบ ยำหมูยอ ยำหัวปลี ยำถั่วพลูก็ได้หมด หรือจะยำซีฟู้ดก็แซ่บจัด เห็นว่าสาหร่ายนี้ถ้าโดนน้ำมะนาวจะยิ่งกรอบกรุบมากขึ้นด้วย

ลาบทุ่งยั้ง
ลาบทุ่งยั้ง กล่องละ 40 บาท

โบกมือลายำสาหร่าย หันไปเจอะ “ลาบหมูสูตรทุ่งยั้ง” เมืองลับแล ร้านลาบหมูเจ๊ม่วย

ดูจากหน้าตาแล้ว ต้องบอกตามตรงว่ารสชาติอร่อยเกินคาด รสนัวๆ เปรี้ยวนิดๆ กินกับข้าวเหนียวอร่อยเหาะ

คุยกับเจ๊ม่วยเจ้าของร้าน ได้ความว่า ลาบหมูสูตรทุ่งยั้ง เป็นลาบสูตรท้องถิ่นของเมืองลับแล ทำกินกันง่ายๆ แบบนี้มาตั้งแต่โบราณ

ความแตกต่างจากลาบพื้นที่อื่น คือ ไม่มีเครื่องเทศมากมาย มีแค่ ข่า หอม กระเทียม พริก ตำเสร็จแล้วนำไปผัด ใส่หมู แล้วบีบมะนาว หรือจะสับมะม่วงใส่ก็ได้ให้เกิดรสเปรี้ยวขึ้นมา ผัดรวมกันให้สุก หากมีหอมผักชีก็โรย แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ผิดแต่อย่างใด

เป็นอันว่าลองซื้อมาชิม 1 กล่อง กล่องละ 40 บาท กินกับข้าวเหนียวแดงอินทรีย์ หรือ Red sticky rice ตราแข้ด่อน ที่ขายอยู่ในงานด้วย

จะเห็นว่าข้าวเหนียวที่ขายในงานเป็นข้าวเหนียวแดงมากขึ้น เพราะรสชาติอร่อยไม่แพ้ข้าวขาว และดัชนีน้ำตาลยังต่ำ ลดการเป็นโรคเบาหวานได้มาก

ข้าวเหนียวแดง ตราแข้ด่อน หรือภาษากลางคือ จระเข้เผือก เป็นข้าวจากวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรอินทรีย์โป่งเจริญ (กุดแข้ด่อน) บ้านกุดแข้ด่อน ต.กุดเชียงหมี อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร

ลำไย ไชยแสง

“ลำไย ไชยแสง” ตัวแทนกลุ่มเกษตรกร บอกข้อมูลแบบกระชับว่า ข้าวเหนียวแดงแข้ด่อน เป็นการทำกันในกลุ่ม 52 คน เป็นการทำแบบอินทรีย์ กินแทนข้าวขาวลดการเป็นเบาหวานได้อย่างดี เหมาะกับเทรนด์สุขภาพยุคนี้ มีวางขายที่ตลาด อ.ต.ก. โซนสินค้าอินทรีย์ ใครสนใจไปเลือกซื้อหาได้

“วิธีนึ่งข้าวไม่ยาก แช่ 3 ชั่วโมงแล้วค่อยนึ่งมันจะได้ความหอม นุ่ม อร่อย” คอนเฟิร์มจากพี่ลำไย

หมี่พัน

อิ่มหนำกับลาบหมูและข้าวเหนียวแล้ว หันไปข้างๆ กันมีร้าน “หมี่พัน” ของขึ้นชื่อเมืองลับแล สีสันสวยงามจากวัตถุดิบธรรมชาติ มีทั้งฟักทอง อัญชัญ แครอต ใบเตย

หมี่พันเป็นของกินเล่น โดยนำข้าวแคบมาห่อหมี่ที่ปรุงรสไว้แล้ว

ความพิถีพิถันของหมี่พัน เริ่มตั้งแต่วิธีการทำข้าวแคบ ที่ต้องหมักแป้งข้าวเจ้ากับน้ำและเกลือไว้ 1 คืน แล้วค่อยนำมาทำแผ่น จากนั้นนำไปนึ่งให้สุก แล้วไปตากแดดบนหญ้าคาจนแห้งสนิท แล้วเก็บไว้อีก 1 คืน ก่อนที่รุ่งสางจะนำมาตากน้ำค้างเพื่อให้แป้งนิ่มเป็นอันเสร็จกรรมวิธีการทำแป้งแคบ

นำข้าวแคบมาห่อหมี่ที่ปรุงรสไว้แล้ว

ส่วนหมี่ปรุง 4 รส มะนาว พริกป่น น้ำตาล น้ำปลา และใส่กระเทียมเจียว น้ำมันพืช ผักชีฝรั่งหั่นฝอย แล้วเหยาะผงปรุงรสอีกนิด ได้รสกลมกล่อมพอดี

รสชาติของหมี่พันอร่อยกว่าที่คิด เนื้อสัมผัสของแป้งถ้าพันแล้วกินเลยจะได้เนื้อสัมผัสข้าวแคบเหนียวหนึบ แต่ถ้าทิ้งไว้สักพักน้ำในหมี่ซึมออกมาจะทำให้ข้าวแคบนิ่ม กินอร่อยคนละแบบ

ของคาวเริ่มแน่นท้อง เดินวนหาของหวานปิดท้าย ไปเจอ ขนมเปี๊ยะเมืองตรัง “ร้านขนมเปี๊ยะปิ้งบ้านพะยูน”

ขนมเปี๊ยะ

แค่สีสันเหลืองอร่ามสวยของขนมเปี๊ยะก็เล่นเอาน้ำลายไหลย้อยหยด ความอร่อยของขนมเปี๊ยะปิ้ง คือ แป้งด้านนอกจะกรอบด้านในจะนุ่ม ถ้าเก็บไว้ในตู้เย็น เอามาวางบนกระทะเทฟล่อนก็ยังกรอบเหมือนเดิม เพราะเนื้อแป้งผสมเป็นสูตรพิเศษสำหรับปิ้ง

ร้านนี้ปกติมี 10 กว่าไส้ ตั้งแต่เผือก มันม่วง งาดำ ฟักถั่ว ถั่วโบราณ ฝอยทอง ลูกเกดซินามอน สังขยาไข่เป็ด ถั่วทอง หมูแดง หมูย่าง คัสตาร์ดไข่เค็ม ไก่กะหรี่ มี 2 ราคา คือ 15 บาท และ 20 บาท แต่ในงานคนแน่นขายดีเป็นพิเศษเหลืออยู่ไม่กี่ไส้ ลองชิมดู 3 รส คือ ถั่วโบราณ สังขยาไข่เป็ด และคัสตาร์ดไข่เค็ม รสชาติหวานละมุนคนละแบบ

สำหรับคนที่พลาดไม่ได้ไปเดินในงานนี้ บอกเลยว่าเสียดายแทน เพราะในงานมีอาหารให้เลือกชิมเพียบ แบบว่าอร่อยได้ทั่วไทย โดยไม่ต้องเดินทางไกลให้เหนื่อยเลย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image