ชิมชิล-ชิล : Morimoto

รายการเชฟกระทะเหล็ก (Iron Chef) ซึ่งเป็นรายการแข่งขันทำอาหาร ที่นอกจากจะให้ความบันเทิงแก่ผู้ชม และก่อให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะเข้าครัว ทำอาหารแล้ว ยังทำให้เชฟ “โนเนม” ได้ “แจ้งเกิด” หลายคนกลายเป็นเจ้าของร้านอาหารชั้นนำ บางคนถึงกับสามารถสร้าง “อาณาจักร” ที่ขยายกิจการสาขา โด่งดังไปทั่วโลก

หนึ่งในจำนวนนั้น คือ “Masaharu Morimoto – มาซาฮารุ โมริโมโตะ” เชฟชาวญี่ปุ่นจากฮิโรชิมา ซึ่งเริ่มชีวิตการเป็นเชฟซูชิ เปิดร้านของตัวเอง แต่ด้วยความสนใจอิทธิพลของอาหารตะวันตก จึงใช้เวลาเดินทางท่องไปทั่วสหรัฐอเมริกา มาลงตัวที่มหานครนิวยอร์ก และประสบความสำเร็จเป็นหัวหน้าเชฟร้านดัง “Nobu”

ระหว่างอยู่ที่โนบุ โมริโมโตะ เข้าร่วมรายการเชฟกระทะเหล็ก ซึ่งล่าสุดเขาชนะ 16 แพ้ 7 และเสมอ 1 ครั้ง ชื่อเสียงจากวงการโทรทัศน์ทำให้เขาตัดสินใจเปิดร้าน “Morimoto” ของตัวเองที่ฟิลาเดลเฟีย โดยออกแนวผสมผสานญี่ปุ่น-ตะวันตก หรือ “Fusion” ซึ่งโมริโมโตะได้ชื่อว่ามีวิธีการนำเสนอที่น่าตื่นเต้น และแปลกตา

หากใครได้มีโอกาสไปร้านที่นิวยอร์ก หรือไม่เคยก็ลองเปิดดูเว็บไซต์ จะเห็นว่าการดึงดูดลูกค้าไม่เพียงมาจากการจัดวางอาหาร แต่รวมไปถึงการตกแต่งร้าน โต๊ะนั่ง เคาน์เตอร์ ตลอดจนบาร์ที่มีเครื่องดื่ม Cocktails และสาเกที่มีให้เลือกหลากหลาย

Advertisement

ปัจจุบัน “Morimoto” มีสาขาในทั่วสหรัฐกว่า 10 แห่ง ประสบความสำเร็จมากที่นิวยอร์ก นาปาเวลเลย์ และฮาวาย ขยายข้ามมาที่ญี่ปุ่น อินเดีย (มุมไบ และนิวเดลี) ล่าสุด แน่นอนครับ กรุงเทพมหานครบ้านเราด้วย

โมริโมโตะกรุงเทพฯตั้งอยู่ในบริเวณอาคารด้านหน้าตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทย “มหานคร Cube” ชั้นล่างเป็น “Dean & Deluca” ซุปเปอร์และร้านอาหารสไตล์ “Deli” ส่วนชั้นบนเป็น “L’Atelier de Joel Robuchon” ร้านระดับดาวมิชิลิน เรียกว่า “คู่ชก” สมศักดิ์ศรี เป็น “แม่เหล็ก” ให้คนมาใช้สตางค์หาอาหารอร่อยๆ ระดับโลกกินได้ ถ้าไม่หมดตัวไปก่อน (ฮา)
IMG_4914

ภายในร้านตกแต่งทันสมัย มีหลายมุม และมีบริเวณภายนอก นั่งสบาย แหงนหน้ามองหายอดตึกมหานครได้ บริเวณบาร์มีโซฟานั่งสังสรรค์ และมีเคาน์เตอร์โอมากาเสะ (Omakase) เชฟจัดเป็นคอร์สให้ นั่งได้ประมาณ 10-12 คน ด้านที่เป็นโต๊ะนั่งกินข้าว เรียบง่าย อีกมุมมีห้องวีไอพี วิวดี จัดปาร์ตี้ส่วนตัวได้

Advertisement

สำหรับอาหารนั้น พนักงานมีความรู้แนะนำได้ดี มีพนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ ผมไล่ตามคำแนะนำ การนำเสนอและรสชาติใช้ได้ทุกเมนู อย่างว่านะครับจะให้เสียชื่อ Fusion ของเขาได้อย่างไร เวลาไปอย่าไปกินแต่ “ปลาดิบรวม” ซึ่งผมลองสั่งมาให้เพื่อนญี่ปุ่นชิม และต้องขอบอกตามตรงว่าเหมือนๆ ที่อื่น ไม่ได้โดดเด่น ราคาแพงด้วย (3,000.-) เก็บตังค์ไว้ทานอย่างอื่นจะคุ้มกว่า
ปลาดิบ

จานเด็ดที่ลองเริ่มจาก Toro Tartare มีช้อนเล็กให้ตักปลาโทโร่ดิบ ป้ายกับวาซาบิ โนริเปียก คาเวียร์ (น้อยไปหน่อย) และ Sour Cream แปลกและอร่อยดี (650.-) Mizuhiki Sashimi Caesar Salad ม้วนมาในห่อพลาสติก เปิดแล้วผักกับปลาแซลมอนกระจายไปทั่วจาน (320.-) Wagyu Beef Carpaccio เนื้อดี ซอสได้ที่ (750.-) Tuna Pizza จานนี้แนะนำ ปลาสด เด็กๆ น่าจะชอบ (390.-) ส่วน Morimoto Pork Chop and Apple Sauce ไม่ใช่สเต๊กหมูซอสแอปเปิลสไตล์อเมริกันธรรมดา แต่มีกลิ่นอายญี่ปุ่น ทำให้น่าสนใจ (990.-)
IMG_4923
IMG_4934
IMG_4936

IMG_4955
IMG_4958

ผมยังได้ลองค็อกเทล ที่นี่เขามีผู้จัดการด้านนี้คอยแนะนำ เด็กหนุ่มมีความรู้ กระตือรือร้น จนยอมสั่งตาม เป็น “Rakkasei” มีเบอร์เบิน เนยถั่ว ครีมวานิลลา ตบท้ายด้วยขนมเป็น S’more กับไอศกรีม Sorbet Trio ล้างปากสดชื่น

ไม่ได้ไปอเมริกา เก็บค่าตั๋วเครื่องบิน กินที่เมืองไทยได้ครับ!!

IMG_4965
IMG_4953

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image