“น้ำพริกอ่องเถาคัน” อาหารย่อมปราศจากพรมแดน โดย กฤช เหลือลมัย

ปลายฝนต้นหนาวเป็นช่วงเวลาของการเก็บเกี่ยวพืชผักริมทาง อย่างน้อยก็สำหรับผมนะครับ

ไม้ใบกลิ่นฉุนอย่างกะเพราป่าริมทาง ซึ่งสั่งสมความสมบูรณ์มาตลอดฝน กำลังควบแน่นน้ำมันหอมระเหยในใบ ดอก และกิ่งก้าน ยามเมื่ออากาศแล้งเริ่มมาเยือน การเก็บกินในช่วงต่อจากนี้ไปจะได้รสวิเศษที่สุดในรอบปีทีเดียว

ส่วนผลของพืชต่างๆ บรรดามีก็เริ่มทยอยออก และเข้าสู่ช่วงที่รสชาติดีเช่นกัน โดยเฉพาะไม้ริมทางที่ผมคิดว่ามีปริมาณมหาศาลที่สุดในทุกภาคของประเทศ อย่าง ?เถาคัน? (Virginia creeper)

ไม่ว่าเราจะขับรถยนต์ ขี่มอเตอร์ไซค์ ปั่นจักรยาน หรือวิ่งจ๊อกกิ้ง

Advertisement

อยู่ริมทางหลวง ตลอดจนในสวนละเมาะป่าโปร่ง ขอให้ลองเงยหน้าขึ้นเถิดครับ เป็นได้เห็นต้นเถาคันห้อยย้อยกิ่งก้านและพวงเถาของผลสีเขียวอ่อนจนกระทั่งสุกม่วงจัดๆ ให้เห็นตามเสาไฟและไม้ใหญ่เสมอ

แม้จะพบได้ทั่วไป แต่คงต้องยอมรับว่า กลุ่มคนที่เก็บเถาคันมากินคือคนภาคใต้ ซึ่งทั้งแกงส้มปลาทะเลใส่ลูกเถาคันดิบบุบพอแตก ให้รสเปรี้ยวชื่นใจ และทั้งทำไวน์ผลไม้จากลูกสุกสีม่วงรสหวานเจือเปรี้ยวนั้น

Advertisement

หลายปีมาแล้ว ที่ผมตระเวนเก็บเอาลูกเถาคันดิบมาใส่แกงส้มแบบปักษ์ใต้ และก็หลายปีมาแล้วเช่นกัน ที่เมื่อใดผมลงมือแกง หรือลงมือตักแกงเถาคันกินที่ไหน คนที่มาเห็นเข้าก็จะต้องร้องทักว่า ?คนใต้ล่ะสิเนี่ย ถึงรู้จักลูกเถาคัน?? เสมอไป ทางหนึ่งมันก็จริงอย่างที่บอกนะครับ ว่าไม่เห็นใครที่ไหนอื่นกินเถาคันนอกจากคนใต้ แต่อีกทางหนึ่ง ก็เลยทำให้ผมคิดเล่นๆ ขึ้นมาว่า ก็แล้วถ้าคนภาคอื่นเกิดอยากจะเก็บกินขึ้นมาบ้างล่ะ?

?น้ำพริกอ่องเถาคัน? กระทะนี้จึงนับเป็นงานทดลอง ที่ผมลองพึ่งพารสเปรี้ยวของลูกเถาคันดิบ แทนบ่าเขือส้ม (มะเขือเทศลูกเล็กที่คนภาคเหนือชอบใส่น้ำพริกอ่อง) ดูนะครับ

ถ้าใครจะลองทำบ้าง ก็ออกไปหาเก็บลูกเถาคันมาให้ได้สักถุงใหญ่ๆ ก่อน ล้างเด็ดให้เรียบร้อย เอาลงครก ทิ่มสากให้พอแตก จนน้ำเปรี้ยวในลูกออกมาแฉะๆ หน่อย

ใช้หมูสับเป็นเนื้อนะครับ แต่ถ้าใครชอบไก่สับ กุ้งสับ ก็ได้เหมือนกัน แถมบางคนชอบปลาช่อนสดย่าง ก็จะได้อารมณ์น้ำพริกอ่องโบราณเลยทีเดียว

ส่วนน้ำพริก ผมใช้พริกแกงส้มจากตลาดเพชรบุรี เติมพริกผงเกาหลีเพิ่มสีแดงเข้าไปอีก กับคั่วถั่วเน่าแข็บในกระทะจนกรอบหอม ใส่ตำรวมในครกน้ำพริกจนเข้ากันดี แล้วก็ใส่หมูสับลงไปตำผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน

จะแอบคุยว่า ถั่วเน่านี้ ผมซื้อมาจากชาวบ้านในหมู่บ้านไทใหญ่ เมืองสีป้อ เมียนมาเชียวนะครับ กลิ่นมันหอม และเนื้อเนียนดีจริงๆ

พอจะผัด เราก็เอาน้ำมันใส่กระทะ สับกระเทียมลงไปเจียวจนเริ่มเหลือง จึงใส่หมูสับตำเครื่องน้ำพริกของเราลงไปผัด เติมน้ำ แล้วค่อยๆ เคี่ยวไปจนงวด มีมันแดงเยิ้มออกมา

เนื่องจากเถาคันไม่หวานเหมือนบ่าเขือส้ม เราจึงต้องมีตัวช่วย คือน้ำตาลอ้อยครับ ใส่จนออกรสหวานนวลๆ ถ้ายังไม่เค็ม ก็เติมเกลือให้รสเค็มลึกไปตัดกับเปรี้ยวเผ็ดตามที่ชอบ เสร็จแล้วก็ตักใส่ถ้วยมากินกับผักสดกรอบๆ ได้เลย

เท่านี้เองแหละครับ

การฝ่าข้ามพรมแดนครั้งนี้ดูจะประสบผลด้วยดี มันเลยชวนให้ผมนึกต่อไปถึงต้มเครื่องในวัวแบบอีสาน ต้มโคล้งปลากรอบหรือแกงเผ็ดเป็ดย่างแบบภาคกลาง แกงใบชะมวงแบบภาคตะวันออก รวมถึงกับข้าวรสเปรี้ยวอื่นๆ ที่อาจใส่ลูกเถาคันดิบเข้าไปแทนของเปรี้ยวแต่เดิมได้

มีใครนึกถึงกับข้าวอะไรอื่นออกอีกบ้างไหมล่ะครับ?

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image