สุดอัศจรรย์ “เทศกาลโคมไฟไต้หวัน 2018″ จาก”วัฒนธรรม” สู่”นวัตกรรมศิลปะ”ระดับโลก (คลิป)

“ไต้หวัน” นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย ที่สามารถดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกให้เข้ามาเยี่ยมชม พร้อมหอบหิ้วความประทับใจกลับไปได้ทุกครั้ง

ด้วยเสน่ห์อันเหลือล้น ไม่เพียงธรรมชาติที่งดงามสมบูรณ์ แต่ยังมากไปด้วยศิลปวัฒธรรมที่หลากหลาย ภายใต้ประวัติศาสตร์อันยาวนาน

นับตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์เป็นต้นมา ประชากรที่อาศัยบนเกาะไต้หวัน ล้วนมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นชนชาวพื้นเมือง ชาวดัตช์ ชาวสเปน ชาวญี่ปุ่น และชาวจีนเชื้อสายฮั่น ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ได้สร้างวัฒนธรรมที่หลากหลาย และได้พัฒนาวัฒนธรรมดั้งเดิม ก่อเกิดเป็นเทศกาลและกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่จัดขึ้นในประเทศต่อเนื่องตลอดทั้งปี

Advertisement

รวมถึง “Taiwan Lantern Festival 2018” หรือ เทศกาลโคมไฟไต้หวันประจำปี 2561 ก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็นเวลา 29 ปีแล้ว โดยจัดเป็นประจำทุกวันที่ 15 ของเดือนแรกในปฏิทินจันทรคติของจีน หรือช่วงปีใหม่ของประเทศจีนนั่นเอง

ในช่วงนี้ทุกเมืองในประเทศไต้หวันจะร่วมจัดงานเทศกาลโคมไฟเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่ และจะมีเมืองที่เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดงาน ซึ่งในครั้งนี้คือ “เมืองเจียอี้” (Chiayi County)

เฮนรี่ เอ็ม.เจ.เฉิน (Henry M.J.Chen)

เฮนรี่ เอ็ม.เจ.เฉิน (Henry M.J.Chen) ผู้อำนวยการฝ่ายบริการข้อมูลระหว่างประเทศ กระทรวงต่างประเทศสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เล่าว่า ในสมัยก่อนการจัดงานปีใหม่ของไต้หวัน จะจัดขึ้น 15 วัน นับจากวันตรุษจีน และจะมีการเฉลิมฉลองด้วยพลุและโคมไฟเพื่อสร้างบรรยากาศให้เริ่มต้นปีใหม่ด้วยสีสันและแสงสว่าง ซึ่งในช่วงเฉลิมฉลองนี้ก็จะมีโคมไฟให้เห็นอยู่ในทุกที่ ทั้งในเมือง ในตรอกซอกซอยต่างๆ จนต่อมาพัฒนาเป็นงานเทศกาลโคมไฟที่ยิ่งใหญ่

“การจัดงานเทศกาลโคมไฟไต้หวัน ในเมืองต่างๆ ก็มีจัดงานเทศกาลโคมไฟเช่นกัน แต่การจัดแสดงหลักจะหมุนเวียนไปยังเมืองต่างๆ ซึ่งในปีนี้การเปิดงานตรงกับวันที่ 2 มีนาคม สถานที่จัดโชว์หลักจะอยู่ที่เมืองเจียอี้ ตั้งอยู่ภาคใต้ของไต้หวัน ในงานทุกคนจะได้เห็นโคมไฟขนาดใหญ่มาก” เฮนรี่อธิบาย

สถานีรถไฟเมือง เจียอี้

สำหรับการเดินทางไปเจียอี้นับว่าสะดวกอย่างมาก สามารถนั่งรถไฟความเร็วสูง (HSR) จากสถานีไทเปไปลงที่สถานีเจียอี้ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาทีเท่านั้น จากนั้นสามารถใช้บริการรถบัส หรือรถแท็กซี่เพื่อไปยังจุดจัดงานกลางเมือง บนพื้นที่กว่า 320 ไร่

เริ่มงานวันแรกท่ามกลางอุณหภูมิ 18 องศาเซลเซียส อากาศกำลังเย็นสบายชาวเมืองเจียอี้ ตลอดจนนักท่องเที่ยวเริ่มทยอยมาจับจองพื้นที่ในงานจนแน่นขนัดมี ไช่ อิงเหวิน (Tsai Ing-wen ) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ซึ่งเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของไต้หวัน ร่วมเปิดไฟอย่างเป็นทางการเพื่อเปิดเทศกาลโคมไฟไต้หวันประจำปี 2561

แต่ก่อนจะได้ชมโคมไฟอย่างจุใจ ทางผู้จัดงานได้เริ่มพิธีเปิดอย่างยิ่งใหญ่ด้วยแสง สี เสียง และการแสดงสุดตระการตา ที่สำคัญคือการแสดงแต่ละชุดอัดแน่นไปด้วยวัฒนธรรมที่หลากหลาย และสอดแทรกประวัติศาสตร์ ประเพณีของชาวไต้หวันไว้อย่างน่าสนใจ

นอกเหนือจากการโชว์ศิลปะการแสดงและการแสดงโคมไฟแล้ว ในพิธีเปิดยังมีการแสดงทางอากาศอันน่าทึ่งของเครื่องบินรบ F-16 จำนวน 5 ลำ ที่จัดแสดงโดยกองทัพอากาศไต้หวันในโอกาสพิเศษด้วย

และเช่นเคยเนื่องด้วยงานเทศกาลโคมไฟศักราชใหม่ปีนี้ตรงกับ “ปีจอ” ซึ่งมี “สุนัข” เป็นสัญลักษณ์ของปีนักษัตร ผู้จัดงานจึงได้เลือกโคมไฟหลักของงานซึ่งมีความสูงถึง 21 เมตรเป็นรูปของ “เด็กชายชาวพื้นเมือง” กำลังยิ้มแย้มพร้อมโบกมือให้กับผู้คน ส่วนด้านข้างมี “สุนัข” ที่นับเป็นสัตว์เลี้ยงคู่ใจของชาวเมืองมาตั้งแต่อดีตยืนอยู่บนภูเขาอาหลี่ซาน (Alishan) ในเขตตะวันตกเฉียงใต้ เป็นไฮไลต์เด็ดที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางพื้นที่จัดงาน

โดยมีชื่อว่า “Loyal Auspiciousness” เป็นสัญลักษณ์ของการสะท้อนให้เห็นถึงอดีต ที่ยืนหยัดอย่างมั่นคงกับปัจจุบัน และการมองไปยังอนาคตข้างหน้า

ความพิเศษของโคมไฟนี้นอกจากจะมีขนาดใหญ่ ยังสามารถหมุนได้รอบทิศทางและปรับแสงสีได้หลายแบบด้วยระบบไฟส่องสว่างมากกว่า 20,000 ชุด เป็นผลงานสร้างสรรค์ครั้งใหญ่ของเมืองเจียอี้ ซึ่งนับเป็นความท้าทายอย่างมาก ขณะที่ผู้ร่วมงานจะได้รับของที่ระลึกเป็นโคมไฟรูปน้องหมา ที่มีชื่อว่า “สุนัขต้าหลี่” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของงานปีนี้ ที่มีการออกแบบอย่างแยบยลแสดงถึงความหวัง ความโชคดี และความสุขในปีจอ

เมื่อมีโอกาสได้รับเชิญจากกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เพื่อเข้าร่วมงานเทศกาลโคมไฟไต้หวันทั้งที พลาดไม่ได้ที่จะบันทึกภาพมาให้ชมกัน ซึ่งปีนี้พิเศษกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาทั้งระยะเวลานานที่สุดและครอบคลุมพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจัดขึ้น

จางฮัวก้วน ผู้ว่าการเมืองเจียอี้ ระบุว่า การจัดงานเทศกาลโคมไฟครั้งนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่วันตรุษจีน ต่อเนื่องเป็นเวลาทั้งหมด 24 วัน นับว่าเป็นการจัดงานที่ยาวนานที่สุด โดยสร้างโคมไฟที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิมเสียทีเดียว แต่มีการใช้แสงสีที่ให้ความรู้สึกสมัยใหม่ และสร้างสรรค์เอกลักษณ์ของเมือง

โดยพื้นที่โล่งใจกลางเมืองเจียอี้มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนต่างๆ ตั้งแต่โซนเวทีใหญ่ โซนวัฒนธรรมศาสนา โซนโคมไฟประวัติศาสตร์จนถึงโซนโคมไฟร่วมสมัย แต่ละโซนประกอบด้วยโคมไฟขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่จำนวนมาก แต่ละอันล้วนมีเอกลักษณ์และสวยงามต่างกัน มีทั้งรูปแบบดั้งเดิมและแบบร่วมสมัย

ส่วนที่เป็นโคมไฟแบบดั้งเดิม นอกจากโคมไฟหงเติงหลง หรือโคมไฟสีแดง ที่ทุกคนยอาจจะคุ้นตา เพราะเป็นสัญลักษณ์แสดงความเป็นสิริมงคล ที่ชาวจีนนิยมแขวนประดับไว้ในช่วงที่มีพิธีการสำคัญๆ ยังมีโคมไฟสัตว์ราศีของจีน หรือที่เรียกว่า 12 นักษัตร และโคมไฟที่แสดงความเชื่อทางศาสนา อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย

แต่ภาพรวมโคมไฟที่จัดแสดงส่วนใหญ่ เป็นโคมที่มีการออกแบบโดยสอดแทรกสัญลักษณ์ที่สื่อถึงวัฒนธรรมของไต้หวันและเมืองเจียอี้ เช่น โคมไฟปลา โคมไฟสัตว์ทะเล โคมไฟชาวประมง โคมไฟชาวไร่ และโคมไฟชาวพื้นถิ่น

เป็นการออกแบบให้สะท้อนถึงวัฒนธรรมพื้นถิ่นและวิถีชีวิตของชาวใต้ที่อยู่ติดกับชายทะเล

นอกจากนี้ยังมีโคมไฟที่จำลองสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวของไต้หวันเอาไว้ เช่น โคมไฟอุทยานแห่งชาติอาลีซาน โคมไฟรูปตึกไทเป 101 เป็นต้น และโคมไฟที่ออกแบบอย่างสร้างสรรค์เป็นรูปการ์ตูนต่างๆ โดยผลงานทั้งหมดเป็นการออกแบบสร้างสรรค์ไว้อย่างสวยงามโดยศิลปินและเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่เป็นชาวเจียอี้ และบางส่วนเป็นผลงานสร้างสรรค์จากศิลปินชาวต่างชาติ

โคมไฟทั้งหมดนอกจากจะสวยงามแฝงไปด้วยวัฒนธรรมประหนึ่งผลงานศิลปะระดับโลกแล้ว ยังมีการสอดแทรกการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีด้วย โดยโคมไฟจะเป็นรูปแบบไร้สาย และเทคโนโลยีที่ใช้มีการออกแบบให้ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เนื่องจากผู้จัดงานต้องการเน้นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ และถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของเมืองเจียอี้ที่มีในการจัดงานโคมไฟด้วย

ภายในงานยังส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกซื้อสินค้าและอาหารอร่อยแบบง่ายๆ ด้วยการชำระเงินที่สะดวกผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ยังมีระบบเทคโนโลยีนำทางผ่านมือถือ ให้นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวในจุดต่างๆ ได้ง่ายขึ้นพร้อมระบบไวไฟฟรีให้ใช้ตลอดทั้งงาน

ถึงแม้เมืองเจียอี้จะปิดฉากงานเทศกาลครั้งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่งานเทศกาลโคมไฟไต้หวันจะกลับมาอีกครั้งที่ “เมืองผิงตง” (Pingtung) บริเวณท่าเรือ “ต้าเผิง” (Dapeng)

ฉะนั้นใครที่อยากจะสัมผัสประสบการณ์แบบอิ่มตา อิ่มใจกับโคมไฟด้วยตัวเองปีหน้า ห้ามพลาด!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image