เริ่มแล้วพรุ่งนี้ 1 ต.ค. ผู้ป่วยรับยาร้านยาใกล้บ้าน ทีมอนุทินลุยตรวจความพร้อม – สปสช.แนะขั้นตอนร่วมโครงการ

เรวดี รัศมิทัต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

สธ. รับนโยบาย “อนุทิน” เดินหน้าตรวจความพร้อมโครงการรับยาที่ร้านยาคุณภาพใกล้บ้าน ดีเดย์ 1 ต.ค.นี้ มุ่งลดปัญหาความแอดอัดในโรงพยาบาล ด้านเลขาธิการสปสช. แนะขั้นตอนร่วมโครงการ พร้อมสั่งประสาน สสจ.-สปสช. เขตทุกพื้นที่ ตรวจดูความพร้อมก่อนเริ่มระบบ ย้ำไม่มีการบังคับ ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ป่วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า โครงการลดความแออัดในโรงพยาบาลโดยร้านยาแผนปัจจุบัน ที่จะเริ่มต้นในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ขณะนี้ทั้งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข และ สปสช. ได้จัดเตรียมความพร้อมแล้วทั้งในส่วนของโรงพยาบาลและร้านยา เพื่อเป็นทางเลือกในการรับยาหลังพบแพทย์ให้กับผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทำให้ไม่ต้องมารอคิวรับยาที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน โดยให้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ป่วยและความเห็นของแพทย์ว่าผู้ป่วยสามารถร่วมโครงการรับยาที่ร้านยาได้หรือไม่ โดยร้านยาที่เข้าร่วมโครงการต้องเป็นร้านยา ข.ย.1 ที่มีเภสัชกรประจำร้าน เพื่อเป็นหน่วยบริการร่วมเป็นเครือข่ายกับโรงพยาบาล

สำหรับในช่วงเริ่มต้นโครงการจะดูแลผู้ป่วย 4 กลุ่มโรค คือ เบาหวาน ความดัน หอบหืด และจิตเวช รวมถึงโรคเรื้อรังอื่นที่ไม่ซับซ้อน ซึ่งยาที่ผู้ป่วยจะได้รับจากร้านยาในระยะแรกจะเป็นยาที่จัดส่งมาจากโรงพยาบาล เป็นยารายการเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ป่วย

Advertisement

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า สิ่งสำคัญของโครงการนี้คือการเชื่อมต่อข้อมูลของผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลและร้านยา ที่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยในการส่งข้อมูล โดยโรงพยาบาลจะจัดส่งจำเพาะข้อมูลที่จำเป็นของผู้ป่วยให้กับร้านยาเพื่อให้จ่ายยาและให้คำแนะนำกับผู้ป่วยได้ ซึ่งเป็นส่วนที่โรงพยาบาลและร้านยาต้องพูดคุยกัน และหลังจากดำเนินโครงการจะต้องมีการประเมินเพื่อนำไปสู่การปรับปรุง ทั้งในส่วนของผู้ป่วยที่มารับยา ทั้งในด้านสุขภาพและความพึงพอใจต่อระบบ ในส่วนของโรงพยาบาลในด้านบริการ ทำให้มีเวลาในการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะโรคซับซ้อนมากขึ้น การควบคุมคุณภาพยาในหอผู้ป่วย เป็นต้น

Advertisement

ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ผู้ป่วยที่สนใจและต้องการเข้าร่วมโครงการ สามารถสอบถามโรงพยาบาลว่าได้เข้าร่วมโครงการหรือไม่ ซึ่งหากเป็นโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการจะมีรายชื่อร้านยา ข.ย.1 ให้เลือก โดยผู้ป่วยสามารถเลือกรับยาร้านยาที่เป็นเครือข่ายร่วมบริการกับโรงพยาบาลได้ตามความสะดวก ซึ่งจะมีการติดป้าย “ร้านยาชุมชนอบอุ่น” ที่ร้านยาเพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์ ทั้งนี้ร้านยาที่ผู้ป่วยเลือกไว้กับโรงพยาบาลจะเป็นจุดบริการด้านยาที่ผู้ป่วยรับยาในคราวต่อไป เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลต่อเนื่อง

“ช่องทางง่ายสุดในวันที่ 1 ต.ค. ให้ผู้ป่วยที่สนใจถามโรงพยาบาลก่อน เพราะจุดเริ่มต้นบริการต้องเริ่มที่โรงพยาบาลก่อน คุณหมอจะเป็นผู้ประเมินผู้ป่วยที่จะเข้าร่วมโครงการและออกใบสั่งจ่ายยาให้ เช่น อาการโรคคงที่ ไม่ต้องได้รับการดูแลซับซ้อน หรือการตรวจพิเศษ ขณะนี้มีโรงพยาบาลจำนวน 37 แห่ง และร้านยาจำนวนกว่า 300 แห่ง ที่ได้ขึ้นทะเบียนเข้าสู่ระบบอย่างเป็นทางการแล้ว และยังมีที่อยู่ระหว่างดำเนินการเพิ่มเติม”  เลขาธิการ สปสช. กล่าว

เลขาธิการ สปสช. ระบุอีกว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ร่วมกับ สปสช. โดยให้ สสจ.และ สปสช.เขต ลงไปตรวจดูความพร้อมของโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ ดูว่ามีปัญหาและอุปสรรคอะไรหรือไม่ เพื่อที่จะได้ร่วมกันแก้ไขปัญหา และต้องชี้แจงว่า ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ถือเป็นวันเริ่มต้นระบบผู้ป่วยรับยาที่ร้านยา แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกโรงพยาบาลที่ร่วมโครงการต้องเริ่มต้นไปพร้อมกัน แต่จะเดินหน้าเฉพาะโรงพยาบาลที่มีความพร้อมก่อน โดยประชาชนที่สนใจและต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สอบถามได้ที่สายด่วน สปสช.1330

ขณะเดียวกัน นางสาวเรวดี รัศมิทัต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายเพื่อมุ่งลดความแออัดในโรงพยาบาล โดยใช้กลไกร้านยาแผนปัจจุบันเข้ามาช่วยลดเวลาการรอคอยยาในโรงพยาบาล ทั้งช่วยเพิ่มความสะดวกในการรับยาให้กับผู้ป่วย โดยเมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้รับมอบหมายให้ตรวจเยี่ยมความพร้อมการดำเนินโครงการของโรงพยาบาลสมุทรปราการ และร้านขายยา Pure สาขาบิ๊กซีสมุทรปราการและบิ๊กซี สาขาสุขสวัสดิ์ เครือข่ายร้านยาที่เข้าร่วมโครงการ

โรงพยาบาลสมุทรปราการเป็นโรงพยาบาลศูนย์ขนาดใหญ่ แต่ละวันมีผู้ป่วยนอกรับบริการจำนวนมากประมาณ 2,500 ราย/วัน เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยต้องรอรับบริการเป็นเวลานาน ที่ผ่านมาจึงได้พัฒนาสู่การเป็น สมาร์ท ฮอสปิทัล (Smart Hospital) และโครงการที่ให้ผู้ป่วย 4 กลุ่มโรค คือ เบาหวาน ความดัน หอบหืด และจิตเวช รวมถึงโรคเรื้อรังที่ไม่ซับซ้อนรับยาใกล้บ้าน จะเป็นส่วนที่สนับสนุนเพื่อลดการลดคอยและความแออัดในโรงพยาบาลได้ ซึ่งโครงการนี้จะเริ่มในวันที่ 1 ตุลาคม นี้

นางสาวเรวดี กล่าวต่อว่า จากการตรวจเยี่ยมความพร้อมการดำเนินโครงการของ รพ.สมุทรปราการในวันนี้ ได้มีการจัดเตรียมระบบ มีการเชื่อมต่อกับร้านยาที่ร่วมเป็นเครือข่ายและได้มีการทำประชาสัมพันธ์ทั้งที่โรงพยาบาลและร้านยาเพื่อให้ประชาชนที่มารับบริการทราบ โดยภายหลังจากดำเนินโครงการฯ ในระยะแรกแล้ว จะมีการประเมินผลการดำเนินโครงการเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาต่อไป

ผู้สื่อข่าวแจ้งว่า ผู้ที่ต้องการตรวจสอบรายชื่อ โรงพยาบาลและร้านขายยาคุณภาพในจังหวัดต่างๆ ที่ร่วมโครงการนำร่องในครั้งนี้ สามารถคลิกไปที่ลิงก์  http://bit.ly/nhso_drugstore_lists

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image