| ที่มา | มติชนรายวันหน้า 18 |
|---|---|
| คอลัมน์ มาดามตวง FOOD CELEB | |
| เผยแพร่ |
ถ้าพูดถึงหนึ่งในอาหารของโลกแล้ว อาหารอิตาเลียน เป็นอาหารที่เป็นที่นิยมอย่างสูงมาก เนื่องจากถูกปากคน เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา ราคาไม่แพง อาทิ พิซซ่า ที่เข้ามาเริ่มมีในเมืองไทยเมื่อประมาณ 30-40 ปีที่ผ่านมา
สมัยนั้นยังจำความได้ว่า พ่อเคยซื้อพิซซ่ามารับประทานในครอบครัวจากร้านแถวๆ เกสรพลาซ่า ราชประสงค์ พ่อไม่ได้เรียกว่า พิซซ่า แต่บอกว่า อันนี้คือขนมเบื้องฝรั่ง ความหอมจากกลิ่นออริกาโน ชีส และแป้งอบเสร็จใหม่ๆ ช่างติดอยู่ในความทรงจำจนถึงตอนนี้ พิซซ่าเป็นอาหารหลักของคนอิตาเลียนจริงๆ ทุกหัวมุมถนนต้องมีร้านขายพิซซ่า
ถ้าเทียบบ้านเราก็คงร้านก๋วยเตี๋ยว ที่คนส่วนใหญ่กินเป็นอาหารหลัก รสชาติของพิซซ่าจะแตกต่างกันบ้างตามท้องถิ่น ในสูตรของแป้งพิซซ่า ทางเหนือของประเทศอย่างมิลาน แป้งจะนุ่ม และมีความหนามากกว่าทางใต้ แป้งจะกรอบบางกว่า เตาอบพิซซ่าตามแบบฉบับโบราณแท้ๆ จะเป็นเตาอิฐ มีฐานอบที่ใช้วางพิซซ่า ทำจากแผ่นหินที่ทนความร้อนสูง เนื่องจากในเตาอบพิซซ่าจะมีอุณหภูมิสูงถึง 400 องศาเซลเซียส เมื่อนำแป้งพิซซ่าเข้าเตาแล้ว แป้งพร้อมดีดตัวและสุกภายในเวลาไม่เกิน 3 นาที
ดังนั้น ถ้ามาอิตาลีแล้วต้องลองกินพิซซ่าเป็นอันดับแรก แบบที่นิยมมากที่สุดไม่มีเนื้อสัตว์คือ พิซซ่ามาเกอริต้า ประกอบด้วย วัตถุดิบที่มี 3 สี เช่นเดียวกันกับสีธงชาติอิตาลี เขียวจากใบเบซิล หรือโหระพาอิตาเลียน สีขาวจากมอซซาเรลลาชีส และสีแดงจากมะเขือเทศที่มาทำเป็นซอส มะเขือเทศของอิตาลีมีหลายสายพันธุ์ ต้องยกนิ้วให้ว่ามะเขือเทศเขาอร่อยมากจริงๆ รสเข้มข้นจัดจ้านมาก เนื่องจากแดดดีและดินเพาะปลูกเป็นดินภูเขาไฟ ผลไม้ต่างๆ ก็มีผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามฤดูกาล เช่นในช่วงหน้าร้อนเริ่มมิถุนายนนี้ เป็นฤดูของเชอรี่ ลูกพีช แอปริคอต ลูกมะเดื่อ (Fig) เมลอน แตงโมผลยักษ์ รสหวานเจี๊ยบ
วันนี้ขอแนะนำร้านที่มีชื่อเสียงติดระดับท็อปของเมืองมิลานชื่อ Pizzium พิซซ่าอบในเตาอิฐระบบแก็ส ไม่ได้ใช้ฟืน คนแน่นตั้งแต่ 1 ทุ่มเป็นต้นไป คือถ้าไปช้าต้องยืนรอคิวหน้าร้าน พิซซ่าของร้านนี้เป็นแบบหนาหนุ่ม แป้งผ่านการหมักมานาน 72 ชั่วโมง ทำให้มีความหอมของเนื้อแป้งมากๆ รับประทานแล้วไม่แน่นท้อง ย่อยง่ายกว่าพิซซ่าที่หมักมาแบบใช้เวลาน้อยเพราะยีสต์ได้โตเต็มที่แล้วชาวอิตาเลียนจะสั่งพิซซ่าคนละถาด ไม่มีการแบ่งในกรณีรับประทานเป็นมื้ออาหารค่ำ ซึ่งมักจะรับประทานกันประมาณสองทุ่ม พิซซ่าสามารถสั่งหน้าต่างๆ ได้ตามชอบ
ส่วนอาหารเรียกน้ำย่อย อาจจะสั่งพวกสลัด เมนูสลัดยอดนิยมแทบทุกร้านมีผักสลัดหลากหลายอย่าง แต่น้ำสลัดก็จะมีแค่น้ำมันมะกอกและน้ำส้มสายชูบัลซามิค ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย แนะนำให้ลอง Caprese salad ประกอบด้วย มอสซาเรลล่าชีสสดที่เสิร์ฟมาเป็นลูก พร้อมกับมะเขือเทศและใบเบซิล หรือผักสลัด จานนี้ชีสไม่มีกลิ่นเพราะเป็นชีสสด ได้รสความมันหอมนม รับประทานคู่กับมะเขือเทศรสจัด ตัดรสด้วยความหอมของใบเบซิล นอกจากสลัดแล้วยังมีแฮมที่แสนอร่อยขึ้นชื่อ เช่น พาร์มาแฮม ความแตกต่างรสชาติจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการหมักแฮม เพื่อให้ความชื้นออกจากเนื้อหมูและได้รสชาติที่เข้มขึ้น
ส่วนเครื่องดื่มที่อิตาลี คนนิยมดื่มไวน์ ทั้งขาวและแดงเนื่องจากเป็นแหล่งปลูกองุ่นที่ดี ส่วนมื้อบ่ายๆ ก่อนมื้อค่ำ คนอิตาเลียนมักจะไปดื่มครื่องดื่มประเภท Aperatif ก่อน เมนูยอดนิยม ประเภทค๊อกเทล เรียกว่า Aperol Spritz มีส่วนผสมของส้ม Bitter Orange ไวน์ขาว Procecco -Aperol (ลิเคียวร์ชนิดหนึ่ง) โซดาและน้ำแข็ง ในส่วนของเครื่องดื่มที่เป็นที่ชื่นชอบคือ กาแฟ เอสเปรสโซ คาปูชิโน ล้วนแล้วแต่มี่ต้นกำเนิดในอิตาลีทั้งนั้น
นอกจากพิซซ่าแล้ว เมนูจำพวกเส้นพาสต้าต่างๆ รูปทรงที่แตกต่างกัน คนไทยรู้จักดีคือ เส้นสปาเกตตี, มักกะโรนี เป็นต้น แป้งพาสต้านั้นมีการดัดแปลงให้เป็นแผ่นราวิโอลีคล้ายๆ เกี๊ยวตัวเล็กๆ มีไส้ต่างๆ ซึ่งเป็นอีกเมนูยอดนิยมอีกเมนูหนึ่ง
นอกจากนี้ของหวานที่ขึ้นชื่อที่ไม่ควรพลาด คือ ไอศกรีมเจลาโต ที่มีทุกหัวมุมถนน ที่มิลานมีร้านไอศกรีมเจลาโตขึ้นชื่อมากๆ ได้แก่ Massimo, Cioccolat Italiani, Venchi ขนมหวานที่มีส่วนผสมของกาแฟเอสเปรสโซ และชีสมาสคาร์โปน เช่น Tiramisu
ถ้าหากมีโอกาสมาอิตาลี ขอแนะนำว่าเป็นอีกหนึ่งดินแดนที่ควรค่าต่อการเดินทางมาชิมอาหารตามธรรมชาติ แบบเข้าใจง่าย อร่อยง่ายๆ ค่ะ
