หลายคนคุ้นชินกับผลโพลที่เป็นสถิติ รับรู้แล้วปล่อยผ่านไป แต่กับผลโพลนี้คงลืมไม่ลง เพราะถูกนำมาสะท้อนผ่านศิลปะการแสดง หาคำตอบได้ในงานมอบรางวัลการประกวดละครเยาวชน “Act Out Loud x U-Report ตอน เสียงของเยาวชน” ณ โรงละคอน มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตกล้วยน้ำไทย
โดย นายโธมัส ดาวิน ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า เพราะเสียงของเด็กและเยาวชนมีความหมาย ไม่แพ้เสียงของผู้ใหญ่ ยูนิเซฟจึงสำรวจเสียงของเด็กและเยาวชนผ่านโครงการยูรีพอร์ต ซึ่งเก็บข้อมูลเยาวชนอายุระหว่าง 13-24 ปี ผ่านระบบเฟซบุ๊กแมสเสนเจอร์ จากนั้นจะนำข้อมูลมาเป็นสิ่งประกอบการวางแผน หรือดำเนินการด้านนโยบายแก่ยูนิเซฟ หรือส่งต่อไปยังรัฐบาล ตลอดจนหน่วยงานองค์กรที่เกี่ยวข้องต่างๆ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงสร้างสรรค์ต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้ผลโพลดังกล่าวเป็นที่น่าสนใจ ยูรีพอร์ตจึงร่วมกับภาควิชาศิลปะการแสดง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เพื่อจัดประกวดดังกล่าว
การประกวดนี้มีนิสิตนักศึกษาจาก 18 สถาบัน รวม 100 กว่าชีวิตส่งผลงานเข้าประกวด โดยนำศิลปะการแสดง อาทิ ทอล์กโชว์ ละครเวที ยกผลโพลที่สำคัญให้ยิ่งจับต้องได้ และน่าสนใจ
อย่างแบบสอบถาม
- ร้อยละ 77 ยอมรับได้หากผู้หญิงพกถุงยาง
- มากกว่าครึ่งยังไม่เต็มใจที่จะปรึกษาเรื่องเพศกับพ่อแม่
- ร้อยละ 61 พบเห็นหรือประสบเหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัว รวมถึงความรุนแรงทาง กาย วาจา และจิตใจ
- ร้อยละ 46 มองว่าความรุนแรงในครอบครัวถือเป็นเรื่องปกติ
- มีเพียงครึ่งหนี่งของผู้ตอบแบบสอบถาม ที่เลือกจะแจ้งผู้ใหญ่หากพบเห็นการทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะกลัวว่าจะถูกลงโทษ/ตักเตือน
- ร้อยละ 70 ต้องการที่จะร่วมออกแบบและวางแผนหลักสูตรการเรียนการสอนกับครูประจำชั้น
โดยทีมที่ได้รางวัลชนะเลิศคือ ทีม The Talkative แสดงทอล์กโชว์ชื่อ ‘พ่อคับ…อันนี้คืออะไร’ ได้รับเสียงปรบมือล้นหลาม เนื่องจากเป็นการแสดงที่โต้ตอบกับผู้ชมโดยตรงและให้แง่คิด ระหว่างครอบครัวที่กล้าพูดเรื่องถุงยางอนามัยกับลูก และไม่กล้าพูด
นายพันธกิจ หลิมเทียนลี้ นักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า ปัจจุบันแทบไม่มีเยาวชนคนไหนกล้าคุยเรื่องเพศสัมพันธ์กับคนในครอบครัวเลย โรงเรียนก็ไม่สอน ทำให้เยาวชนส่วนใหญ่ไม่รู้ ทีมจึงทำการแสดงที่ทิ้งแง่คิดระหว่าง เยาวชนกล้าถามคำถามนี้กับคนในครอบครัว และไม่กล้าถามเหมือนเดิม
“มองว่าในยุคนี้ การคุยเรื่องเพศสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ใช่เรื่องต้องปิด แต่ควรเปิดกว้างและทำให้เป็นเรื่องปกติ ต้องทำให้เรื่องที่หลายคนมองว่าผิดศีลธรรม เป็นเรื่องธรรมชาติที่ต้องคุยกัน ไม่อย่างงั้นไทยก็คงเผชิญปัญหาท้องวัยรุ่นเป็นอันดับ 2 ในอาเซียนตลอดไป” นายพันธกิจกล่าว
ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง เป็นละครเวทีสะท้อนความรุนแรงหลายรูปแบบที่เยาวชนต้องเจอ ตั้งแต่ถูกหยอกล้อแกล้งในโรงเรียน ถูกทอดทิ้ง ถูกกดดัน ความรุนแรงในครอบครัว ผ่านการแสดงชื่อ ‘ร.ระบาย’
โดยนายอาทิตย์ กมุลทะรา พร้อมนางสาวชนาภา เขตหนองโพธิ์ ตัวแทนทีม The Smart นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ขอนแก่น กล่าวว่า การแสดงนี้ต้องการให้ผู้ชมได้สำรวจตนเอง ว่าเคยถูกกระทำความรุนแรงไหม เคยไปกระทำกับใครหรือไม่ เพื่อให้ผู้ชมตัดสินใจเองว่าจะช่วยกันแก้ปัญหานี้ด้วยการไม่ทำ หรือปล่อยผ่านไป
และ นายธีรภัทร สร้อยสั้น พร้อมด้วย นางสาวปราณิสา แซ่ลิ้ม ตัวแทนจากทีม TSU Drama นักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ กล่าวถึงละครเวทีชื่อ ‘ทางออก’ คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับสองว่า ละครของเราต้องการให้ผู้ชมเห็นว่า การให้โอกาสกันเยาวชนที่ผิดพลาดสำคัญอย่างไร โดยได้สะท้อนผ่านตัวละครนักเรียนหญิงมัธยมศึกษาคนหนึ่ง ที่ตั้งครรภ์ ถูกครอบครัว แฟนกดดันให้ทำแท้ง กลับไปเรียนไม่ได้ ถูกสังคมซ้ำเติมต่างๆ ไม่มีทางเลือก สุดท้ายตัดสินใจผูดคอตายจบชีวิตตัวเอง
“อย่างดิฉันเองแต่ก่อนเป็นคนเหลวไหลมาก จนเกือบเรียนไม่จบชั้นม.6 แต่เพราะครูและอาจารย์ที่ให้โอกาส จึงมุ่งมั่นตั้งใจเรียนด้านการแสดง พิสูจน์ความสามารถจนทำให้คนที่เคยดูถูกยอมรับในตนเองได้ ฉะนั้นอยากบอกว่าหากเราไม่ให้โอกาสกัน จะรู้หรอว่าเขาสามารถทำได้ดีแค่ไหน” นางสาวปราณิสากล่าวทิ้งท้าย