Sharp Objects มืดหม่น-พัง ชีวิตนางเอก 2018 เถื่อนกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว : คอลัมน์ เล่าเรื่องหนัง

มาครบทั้งความเงื่อนงำ ปมปริศนา ตัวละครมีหลุมดำในชีวิต ถ่ายภาพสวย ดนตรีซาวด์แทรคเสริมส่งเรื่องอย่างมีนัยยะ และนักแสดงชั้นดี คือ ความครบรสของซีรีส์มาแรงสุดในช่วง 2 เดือนนี้ “Sharp Objects” ซีรีส์ 8 ตอนของค่ายเอชบีโอ เพิ่งออกอากาศตอนสุดท้ายของซีซั่นแรกจบไปเมื่อสิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

นี่คืองานของผู้กำกับชาวแคนาดาที่ถนัดงาน “ถ่ายทอดชีวิตมนุษย์ที่ตกต่ำอยู่ก้นเหว” อย่าง ฌอง-มาร์ค วัลลี เขาเก่งกาจด้านการเค้นอารมณ์นักแสดง โดยเฉพาะ “ตัวละครชีวิตพัง” ระดับส่งให้พระเอก แมทธิว แม็คคอนนาเฮย์ คว้าออสการ์นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากบทบาทหนุ่มเอชไอวีที่ตั้งชมรมรักษาผู้ติดเชื้อด้วยกันในหนัง “Dallas Buyers Club” และงานซึ้งใน “Wild” เรื่องราวหญิงสาว (แสดงโดยรีส วิทเธอร์สปูน) ที่ตัดสินใจทั้ง “ค้นหาตัวตน” และ “ลงโทษตัวเอง” ที่ทำให้ชีวิตพินาศผ่านการ “เดินป่าเพียงลำพัง” อยู่หลายเดือน ฝ่าฟันทั้งความทุกข์ยากทางกายและต่อสู้กับความหลังในอดีตที่ตามมาหลอนในจิตใต้สำนึก

“ฌอง-มาร์ค วัลลี” หันมาชิมลางกำกับซีรีส์ก่อนหน้านี้หนึ่งเรื่อง คือ “Big Little Lies” ที่ได้รับคำชมล้นหลาม และดูท่าเสียงปรบมือจะยังไม่สงบเงียบง่ายๆ เมื่อมันส่งต่อมาถึงซีรีส์เรื่องถัดมาของเขา “Sharp Objects”

Advertisement

เรื่องราว “ดราม่าเขย่าขวัญ” แนวสืบสวนสอบสวน พร้อมกับไขปมตัวละครไปด้วย ผ่านแก่นหลักของการตามติดคดีฆาตกรรมวัยรุ่นหญิง 2 ราย ในเมืองเล็กที่ผู้คนแทบจะรู้จักกันและกันหมด

โดยนางเอกของเรื่อง คามิลล์ พรีกเกอร์ รับบทโดยนักแสดงหญิงฝีมือจัดอย่าง เอมี่ อดัมส์ ในบท “นักข่าว” ที่ถูกกดดันจากบรรณาธิการให้จำใจเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อติดตามคดี เขียนสกู๊ปข่าวอาชญากรรมที่มีเงื่อนงำนี้

เปิดฉากมาซีรีส์ “หวดแส้ใส่คนดู” ทันทีเมื่อ “คามิลล์” มีภาวะติดเหล้าเรื้อรัง ก่อนฟาดต่อมาอีกนับไม่ถ้วนว่าเธอมีอาการเห็นภาพหลอนที่อาจสืบเนื่องจากการติดเหล้า ไปจนถึงอาการทางจิตเวชที่ชอบ “กรีด” ร่างกายทำร้ายตัวเอง

Advertisement

รอยกรีดมากมายตามแขน ทั้งกรีดไม่มีจุดหมาย กรีดสลักเป็นตัวอักษร ราวกับกำลังลงโทษตัวเอง ผุดให้คนดูเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับรอยกรีดใหม่ที่มีมาเติมตามการดำเนินเรื่องที่ส่งคนดูไปพบเงื่อนงำลึกขึ้น

ขณะเดียวกันซีรีส์ก็พาไปดูความสัมพันธ์ร้าวฉานระหว่าง “คามิลล์” กับ “แม่” ที่มีครอบครัวใหม่และมีน้องสาวคนละพ่อ พฤติกรรมสองบุคลิกร่วมเป็นสมาชิกครอบครัวเดียวกัน

เป็นนางเอกสายชีวิตมืดหม่น และพังอย่างไม่มีชิ้นดีจนน่าคิดว่าชีวิตนี้เธอโตขึ้นมาแบบไหน และโตจนรอดมาถึงขนาดนี้ได้อย่างไร และอะไรคือหลุมดำในอดีตนั้น

ฉากย้อนอดีตวัยเด็กของ “คามิลล์” นั้น ฌอง-มาร์ค วัลลี ใช้วิธีเล่าผ่านความทรงจำ และความนึกคิดของ

“คามิลล์” ที่ผุดมาเป็นระยะแบบที่ยังเชื่อมโยงทั้งหมดไม่ได้ซะทีเดียว ตัดฉับเหมือนชั่วแล่นความคิดที่พุ่งมาและหายไป

แต่เพียงพอที่จะส่งความรู้สึกให้เราสัมผัสได้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลในเมืองบ้านเกิด ที่น่าจะเชื่อมโยงกับอดีตและปัจจุบันของ “คามิลล์”

ดนตรีของวงดังในตำนาน เลด เซพพลิน (Led Zeppelin) ถูกใช้เป็นเพลง “ซาวด์แทรคชีวิต” ของคามิลล์ เราได้เห็นหลายต่อหลายฉากที่เธอเปิดเพลงของเลด เซพพลิน 3-4 เพลงวนไปมา ทั้งใส่หูฟัง หรือเปิดดังสนั่นในรถ สอดคล้องกับธรรมชาติของเพลง “ร็อก แอนด์ โรล” ที่ดนตรีแผดเสียงดัง บางครั้งเปล่งเสียงเสียดหูราวกับการเชื้อเชิญให้ตะโกนระเบิดอารมณ์ ผลักความรู้สึกจากภายในออกมา

แน่นอน “คามิลล์” ที่ขังความรู้สึกตัวเองอยู่ ก็ใช้เพลงของเลด เซพพลิน “ดีลกับชีวิต” ตัวเอง เมื่อถึงจุดต้องการ “หนีจากโลก” หลายครั้งหลายครา

ซีรีส์เรื่องนี้นำเสนอในยุคสมัยปัจจุบัน ทว่าผู้กำกับเลือกถ่ายภาพและดีไซน์ฉากที่ให้ “ความวินเทจ” ผสาน “ความร็อก” จากคาแร็กเตอร์ของตัวนางเอกที่เป็นนักข่าวเข้าไปพัวพันชีวิตผู้คนมากหน้าหลายตาเพื่อปะติดปะต่อเรื่องราวออกมา พอๆ กับชีวิตพังดิบของตัวเองที่แตกเป็นชิ้น แต่ไร้วี่แววประกอบให้เป็นรูปร่างให้สมดุลได้

เอมี่ อดัมส์ ให้บทบาทการแสดงดำดิ่งของ “คามิลล์ พรีกเกอร์” พาคนดูสะกดรอยตามตัวละครนี้ให้ถึงก้นเหวกันเลยทีเดียว

ใครชื่นชอบซีรีส์หม่นหมอง นิ่งเงียบ “Sharp Objects” คือ “ความบันเทิงสายฮาร์ดคอร์ชั้นดี” ประจำไตรมาส 3 ของปีนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image