ย้อนหลังไปเมื่อเกือบ 40 ปีก่อน เจอร์รี เอห์แมน นักดาราศาสตร์อเมริกันใช้ “บิ๊กเอียร์ เรดิโอ เทเลสโคป” ของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอ กวาดไปทั่วท้องฟ้าด้วยความคาดหวังว่า อาจได้รับสัญญาณการติดต่อจากอารยธรรมต่างดาวก็เป็นได้ ลงเอยด้วยการที่นักดาราศาสตร์รายนี้เจอสิ่งที่น่าสนใจเข้าจริงๆ
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ระหว่างที่กล้องโทรทรรศน์บิ๊กเอียร์ชี้ไปที่กลุ่มดาวไคซากิททารี หรือกลุ่มดาวคนยิงธนู เจอร์รี เอห์แมน ตรวจสอบพบสัญลักษณ์การได้รับสัญญาณวิทยุที่จู่ๆก็ดังขึ้นฉับพลันกินเวลานาน 72 วินาทีแล้วก็ยุติลง เจอร์รีจัดการใช้ปากกาหมึกแดงวงกลมไว้บนกระดาษอ่านค่าตรงที่เกิดสัญญาณดังกล่าว พร้อมกับเขียนกำกับเอาไว้ด้วยว่า “ว้าว!” การวิเคราะห์ในเวลาต่อมา พบว่าสัญญาณดังกล่าวมีคุณลักษณะทุกอย่างสอดคล้องกับคุณลักษณะที่ควรจะเป็นของสัญญาณวิทยุที่มาจากห้วงอวกาศระหว่างระบบดาวที่ไกลโพ้น และกลายเป็น “สัญญาณว้าว” ที่บรรดานักล่าการติดต่อจากมนุษย์ต่างดาวยึดถือเป็น “ตัวอย่าง” ที่ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด
ปัญหาที่ทำให้เรื่องนี้ไม่ได้รับการยืนยันในเชิงวิทยาศาสตร์แบบ 100% ก็คือ ไม่ว่าจะพยายามอีกกี่ครั้งก็ตามที ไม่เคยมีใครได้รับสัญญาณเดียวกันนี้ซ้ำอีกแม้แต่ครั้งเดียว จน “สัญญาณว้าว” กลายเป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้ไปในที่สุด
หลายสิบปีให้หลัง อันโตนิโอ ปารีส ศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์ดาราศาสตร์ จากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก คอลเลจ ในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ซึ่งเคยทำหน้าที่เป็นนักวิเคราะห์ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ กลับมาให้ความสนใจตรวจสอบเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการได้รับสัญญาณประหลาดดังกล่าว รวมถึงศึกษาพิเคราะห์ข้อมูลในคลังข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อหาความกระจ่างเกี่ยวกับเรื่องนี้
ศ.ปารีสไม่พบร่องรอยของมนุษย์ต่างดาว แต่พบ 2 ผู้ต้องสงสัย เป็นดาวหาง 2 ดวง คือ 266พี/คริสเตนเซน กับ 335พี/กิบส์
ดาวหางทั้งสองไม่เคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยในปี 1977 หรือใกล้เคียง เพราะมันเพิ่งถูกค้นพบภายหลัง ในปี 2006 และ 2008 ตามลำดับ แต่จากการตรวจสอบย้อนหลัง ศ.ปารีสพบว่า ในวันที่เจอร์รี เอห์แมน เจอ “สัญญาณว้าว” นั้น ดาวหางทั้งสองอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับกลุ่มดาวคนยิงธนู
ประเด็นก็คือ ดาวหางนั้น โดยปกติแล้วมักถูกหุ้มห่อด้วยเมฆที่ประกอบขึ้นจากก๊าซไฮโดรเจนที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหลายล้านกิโลเมตร “สัญญาณว้าว” ที่เจอร์รี เอห์แมน รับได้นั้นอยู่ที่คลื่นความถี่ 1420 เมกะเฮิรตซ์ อันเป็นคลื่นความถี่เดียวกันกับที่กลุ่มก๊าซไฮโดรเจนปล่อยออกมาโดยธรรมชาติ
อันโตนิโอ ปารีส ตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานตรวจสอบวิเคราะห์ดังกล่าวออกมาเมื่อต้นปีนี้ แต่การ “ปิดคดี” นี้ ศ.ปารีสจำเป็นต้องทดสอบทฤษฎีของตนให้ทุกคนได้ประจักษ์อีกครั้งว่าดาวหางทั้งสองหรือดวงหนึ่งดวงใดเป็นที่มาของ “สัญญาณว้าว” ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว
นั่นคือ เมื่อใดก็ตามที่ดาวหางทั้ง 2 เคลื่อนเข้ามาอยู่ใกล้กลุ่มดาวคนยิงธนู สัญญาณวิทยุในลักษณะเดียวกันก็จำเป็นต้องเกิดขึ้นอีก
266พี/คริสเตนเซน จะผ่าน “ไคซากิททารี” อีกครั้งในวันที่ 25 มกราคม 2017 ส่วน 335พี/กิบส์ ก็จะผ่านในวันที่ 7 มกราคม 2018 ทั้งสองวันนั้นคือวาระสำคัญของการพิสูจน์ทฤษฎีของอันโตนิโอ ปารีส
ขนาดที่ไม่สามารถหาเวลาจองใช้กล้องโทรทรรศน์ได้ ศ.ปารีสถึงกับลงมือระดมทุนผ่านโลกออนไลน์ แล้วก็ได้เงินทุนเกือบครบตามเป้าเพื่อสร้างกล้องโทรทรรศน์สำหรับการสังเกตการณ์ครั้งนี้
เอาไว้ลุ้นระทึกกันว่า ใช่หรือไม่ใช่ “มนุษย์ต่างดาว”
