ทีมแพทย์ภายใต้ความร่วมมือระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกากับเยอรมนี ประสบความสำเร็จในการทดลองปลูกถ่ายหัวใจของหมูไปใส่ไว้ในช่องท้องของลิงบาบูน โดยอาศัยกระบวนการปรับแต่งพันธุกรรมและยาเข้าช่วย พบว่า หัวใจของหมูยังคงทำงานได้ตามปกติ หลังเวลาผ่านไปนานถึงกว่า 2 ปี สร้างความหวังให้กับการวิจัยในอนาคตเพื่อหาทางปลูกถ่ายอวัยวะของสัตว์ให้ทำหน้าที่ทดแทนอวัยวะของคน ท่ามกลางการขาดแคลนอวัยวะบริจาค
การปลูกถ่ายอวัยวะข้ามสายพันธุ์ หรือซีโนทานสแพลท์ ดังกล่าว ปกติแล้วจะกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้เกิดการต่อต้านและปฏิเสธอวัยวะที่ปลูกถ่ายให้ในที่สุด แต่งานวิจัยของทีมวิจัยที่นำโดย นพ.มูฮัมหมัด โมฮิดดิน จากสถาบันหัวใจ ปอด และเลือดแห่งชาติ ในรัฐแมรีแลนด์ สหรัฐ แสดงให้เห็นว่าวิธีการนี้สามารถนำไปช่วยชีวิตคนที่ต้องการเปลี่ยนอวัยวะนับเป็นพันๆ รายในแต่ละปีได้
ทีมวิจัยใช้วิธีการปรับแต่งพันธุกรรมของหมูซึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้บริจาค เพื่อให้หัวใจของหมูเหล่านี้เพิ่มระดับความทนทานต่อภาวะภูมิคุ้มกันในตัวผู้รับ ซึ่งในกรณีนี้คือลิงบาบูนมากขึ้น หลังจากนั้นก็นำหัวใจของหมูที่ผ่านการปรับแต่งพันธุกรรมเหล่านี้ปลูกถ่ายให้กับลิงบาบูน 5 ตัว โดยลิงทั้งหมดจะได้รับยาที่ผสมกับสารภูมิต้านทาน เพื่อป้องกันการปฏิเสธอวัยวะที่ปลูกถ่ายให้ใหม่ โดยหัวใจที่ปลูกถ่ายนี้จะไม่ได้เข้าไปทำหน้าที่แทนหัวใจของลิง แต่จะเชื่อมต่ออยู่กับระบบไหลเวียนโลหิตผ่านทางเส้นเลือดใหญ่ 2 เส้นในช่องท้องของลิง หัวใจหมูที่ปลูกถ่ายจะทำหน้าที่เหมือนหัวใจปกติ แต่หัวใจลิงบาบูนจะเป็นทำหน้าที่สูบฉีดเลือดเป็นหลัก วิธีการนี้เป็นวิธีการที่รับรู้กันทั่วไปในการศึกษาการปฏิเสธอวัยวะปลูกถ่ายในวงการแพทย์
ค่ากลางหรือค่าเฉลี่ยที่หัวใจหมูสามารถทำงานเป็นปกติในช่องท้องของลิงก็คือ 298 วัน ในขณะที่หัวใจซึ่งอยู่รอดได้นานที่สุดอยู่ได้ถึง 945 วัน หรือกว่า 2 ปี 6 เดือน
อนึ่ง ทีมทดลองใช้หัวใจหมู เพราะนอกจากจะมีสภาพทางสรีระคล้ายกับของมนุษย์แล้ว ยังลดอันตรายของการส่งผ่านเชื้อข้ามสายพันธุ์ ซึ่งจะเกิดขึ้นสูงมากในกรณีใช้หัวใจลิงซึ่งมีลักษณะทางพันธุกรรมใกล้ชิดกับคนมากที่สุดอีกด้วย