ล้วงลึกความแซ่บ ดีไซเนอร์สุดฮอตแห่งยุค ‘วทานิกา’ เจ้าของวลีฮิต ‘สาจ๋า’

“ไฮโซคืออะไร คำจำกัดความของคำว่า ไฮโซ มันไม่มี แพรก็เป็นผู้หญิงทำงานคนหนึ่ง บางคนบอกว่าเราใช้ชีวิตหรูหรา ถ้าถามแพร แพรบอกเลยแพรไม่ใช่คนที่ร่ำรวยที่สุด แพรก็ยังทำงาน 7-8 วัน แต่ว่าเรามีสิทธิเลือกว่าจะใช้ไลฟ์สไตล์แบบไหน เราอาจจะไม่รวยก็ได้ แต่เราชอบแบบนี้ เราก็ต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น เรื่องทั้งหมดที่เห็นไม่ใช่ว่าเราอวด แต่เรานำเสนอเรื่องจริง ซึ่งเราก็ต้องทำงานหนัก”

ถ้าจะพูดถึงดีไซเนอร์ที่เปรี้ยงที่สุดแห่งปี 2018 เชื่อว่าชื่อของ แพร-วทานิกา ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา แห่งแบรนด์ “วทานิกา” คงจะต้องเป็นชื่อต้นๆ ที่แม้จะเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจแฟชั่นเท่าไหร่ ก็ยังต้องเคยได้ยินชื่อของดีไซเนอร์สาวสุดแซ่บคนนี้

ทั้งแบรนด์เสื้อผ้า ที่โลดแล่นเป็นที่นิยมของสาวไทย และโด่งดังไปไกลจนดารา เซเลบริตี้ ฮอลลีวู้ดหลายคนเลือกใส่ ไม่ว่าจะเป็น เคนดัล-ไคลี่ เจนเนอร์, เฟอร์กี้, แอชลี่ แกรแฮม, คริสซี ทีเกน, อารีอานน่า แกรนเด, เจนนิเฟอร์ โลเปซ หรือแม้แต่อดีตมิสยูนิเวิร์ส โอลิเวีย คัลโป

Advertisement

แต่ที่โด่งดังเปรี้ยงปร้างชนิดว่า “ฉุดไม่อยู่” เห็นจะเป็นจากรายการเรียลิตี้ “This is me Vatanika” ที่สาวมั่นคนนี้ตั้งใจทำขึ้นเพื่อนำเสนอเรื่องราว “ชีวิตของเธอ” ผ่านไลฟ์สไตล์ แฟชั่น และการใช้ชีวิต

เพราะเพียงไม่กี่ตอน ก็มีผู้ชมเข้าไปคลิกชมวิดีโอที่ฉายทางยูทูบแล้วหลายล้านครั้ง ออกอากาศไปเพียง 6 ตอน แต่เกือบทุกตอนมีผู้ชมเกิน 1 ล้านครั้งไปแล้ว ยังไม่รวมกระแสในทวิตเตอร์ ที่ส่งแฮชแท็ก #ThisismeVatanika ขึ้นเทรนด์ในชั่วขณะ

แน่นอนว่าทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หรือได้มาอย่างฟลุคๆ สำหรับเธอคนนี้

Advertisement

หลังจากเรียนจบที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย เธอเลือกไปเรียนพื้นฐานด้านศิลปะที่เซ็นทรัล เซนต์ มาตินส์ เพื่อให้รู้ทุกเรื่องของศิลปะ ทั้งโครงสร้าง การดีไซน์เครื่องประดับต่างๆ จากนั้นจึงเริ่มเรียน Women?s wear ที่ลอนดอน คอลเลจ ออฟ แฟชั่น ก่อนจะย้ายไปเรียนคอร์ส Product Design and Development เรียนทำเครื่องหนังอย่างรู้จริง ด้วยชอบในเครื่องหนังแปลกๆ และเมื่อเดินทางกลับประเทศไทย จึงถึงเวลาที่ต้องสร้างแบรนด์ของตัวเอง

“แพรไม่เคยคิดว่าจะมาเป็นดีไซเนอร์เลย” วทานิกาว่า ก่อนจะขยายความว่า

 

“แพรชอบศิลปะ ก็เลยไปเป็นนักเรียนอาร์ต พอกลับมาไทย ก็คิดว่าที่บ้านเราไม่เคยบังคับให้ต้องเรียนอะไร หรือให้ทำอะไร ค่อนข้างให้อิสระ ก็เลยไม่อยากเอาเปรียบ เมื่อเราเสียเวลาหลายปีไปค้นหาตัวเองแล้ว ก็ควรต้องกลับมาทำธุรกิจ ต้องยืนได้ด้วยตัวเอง”

เริ่มแรก เธอจึงคิดทำแบรนด์กระเป๋าเครื่องหนัง และเสื้อผ้าไปพร้อมกัน ในชื่อ “วทานิกา” ปรากฏว่ากลายเป็นเสื้อผ้าที่ได้รับเสียงตอบรับดีกว่ากระเป๋า แม้ว่าอุดมการณ์จะอยากทำกระเป๋า แต่เมื่อคิดถึงครอบครัวแล้ว เสื้อผ้าจึงเป็นตัวเลือกที่มาก่อน นับแต่วันนั้นคอลเล็กชั่นใหญ่ครั้งแรกของวทานิกาจึงเกิดขึ้น

ทุกวันนี้ แบรนด์วทานิกาเติบโตมา 6 ปีครึ่ง มีร้านอยู่ทั่วโลกกว่า 50 แห่ง โดยมีโชว์รูมอยู่ที่ปารีสและมิลาน ซึ่งหากมีโอกาสดีไซเนอร์สาวอย่างเธอจะบินไปขายสินค้าให้กับลูกค้าด้วยตัวเอง เพราะเชื่อว่าไม่มีใครรู้ดีเรื่องชุดเท่าเธอ นอกจากนี้ เธอยังควบคุมดูแลทุกอย่างของแบรนด์ด้วยตัวเอง และไม่มองว่าประสบความสำเร็จแล้ว เพราะแบรนด์ยังเติบโตได้อีก

“ตั้งแต่เริ่มทำแบรนด์ แพรเจอปัญหาทุกวัน อย่างที่คนมีแบรนด์หลายคนคงรู้ดี มันไม่ใช่อาชีพที่คูล หรือง่ายๆ เลย มันเหนื่อยมากกว่าจะดีไซน์ชุดออกมาได้แต่ละคอลเล็กชั่น 40 ลุค เป็น 100 ชิ้นแต่ละลุคต้องมีสตอรี่เดียวกัน แยกกันแล้วต้องโดดเด่น ขายได้ มีเรื่องราวของตัวเองได้อีก ซึ่งกว่าชุดแต่ละชุดจะออกมาได้อย่างภาพในหัวเรา มันยากมาก”

“อย่างเราส่งออกเสื้อผ้าไปขายทั่วโลก เราต้องดีไซน์ล่วงหน้าเป็นปี เพราะเราต้องไปขายก่อน เราก็ต้องปรับไปเรื่อยๆ เพราะคนแต่ละชาติชอบไม่เหมือนกัน หากเป็นอาหรับเอมิเรตส์ เขาจะขอซับในเพิ่ม ความยาวเพิ่ม ผู้หญิงอเมริกาจะชอบเรียบๆ สีที่โบลด์หน่อย ส่วนไทยจะขายลายพรินต์ได้ดี แต่ละที่ไม่เหมือนกันเลย ส่วนใหญ่แพรจะเจอคำถามที่ว่า ทำไมดาราเมืองนอกถึงเอาไปใส่ เรื่องนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า ดาราเมืองนอกจะมีสไตลิสต์ที่คอยจัดเสื้อผ้าให้ และถือเป็นโชคดีของแพร ที่เขาเลือกใส่ บางคนชอบเขาก็ซื้อไปเก็บไว้”

และเมื่อ “ฮอต” ขนาดนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะต้องถูกเลียนแบบ

กับเรื่องนี้ วทานิกาเผยว่า แพรเข้าใจว่าที่ถูกเลียนแบบก็เพราะมันคงเป็นที่รู้จักระดับหนึ่ง คิดในแง่บวกก็ทำให้คนมีอาชีพ แต่บางทีเห็นมากๆ แล้วก็โกรธ สงสารลูกค้าของเรา คือเราคิดแทบตาย แต่เขาทำออกมามีสีมากกว่าเราอีก เคยมีครั้งหนึ่งไปกินข้าวแล้วเห็นโดยบังเอิญ แพรเดินเข้าไปถามเขาทันที จนเพื่อนไม่ให้ผ่านไปเห็น แต่มีครั้งหนึ่งก็ไปเห็นแจ๊กเก็ตเดรสของเราตัวหนึ่ง ซึ่งจริงๆ ต้องเป็นผ้าลินินทอสีทราย แต่เขาทำไม่ได้ก็พรินต์ลงไปบนผ้าโพลีเอสเตอร์ คือเราโกรธจริง แต่ก็ขำด้วย ให้คะแนนความพยายาม

“แต่เอาจริงๆ แล้ว เขาเลียนแบบอะไรของแพรไม่ได้เลย”

หลังจากที่แบรนด์ “วทานิกา” เริ่มแข็งแรง แพรก็เริ่มสนุกกับสิ่งใหม่อย่างรายการ This is me Vatanika

“ทีมเราคุยกันว่า เดี๋ยวนี้คนเริ่มเสพอะไรที่เป็นดิจิทัลมากขึ้น บวกกับเวลาเราขายของ ลูกค้าเห็นลุคบุ๊ก ก็ชอบถามว่าเขาใส่แบบนางแบบไม่ได้หรอก หุ่นไม่ได้ดี ขาไม่ได้ยาว คนมักจะมองนางแบบเกินจริง ก็เลยมาคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนรู้สึกว่าเสื้อผ้าเรา ใครใส่ก็ได้ ผู้หญิงวทานิกามีทุกอาชีพ ทุกหุ่น แพรเองเป็นคนมีพุง ก็จะใส่กระโปรงเอวสูงหรือกางเกงเอวสูง แพรอยากให้ผู้หญิงกล้าแต่งตัว มีแขนก็เปิดแขนโชว์ มีก้น มีโค้งเว้าแล้วอย่างไร หุ่นเป็นแท่งน่าจะเครียดมากกว่า หุ่นดีจะตายมั่นใจไปเลย ผู้หญิงใส่อะไรก็ได้ขอแค่ให้เหมาะกับรูปร่างตัวเอง นี่คือสิ่งที่แพรอยากจะสื่อ”

“เลยคิดว่าการทำคลิปวิดีโอมันลงตัว แต่ถ้าทำคอนเทนต์แบบนั้นเพียวๆ มันคงไม่สนุก ก็เลยสอดแทรกความเป็นตัวเราเข้าไป”

ซึ่งความเป็น “วทานิกา” นี่แหละ เป็นสิ่งที่ดีไซเนอร์สุดแซ่บ อยากให้คนได้รู้

ภาพความหรูหรา เว่อร์วัง ของดีไซเนอร์สาวที่มีบัตเลอร์ส่วนตัว หรือความรักความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในบ้านแบบฉบับที่เรียกว่า เพอร์เฟกชั่นนิสต์ กลายเป็นภาพติดตาคนไม่น้อย เช่นเดียวกับภาพความแซ่บในชุดของวทานิกา ในอีกมุมหนึ่งก็ยังได้เห็นความเรียบร้อยเช่นกัน

นอกจากแก๊งเพื่อนๆ ทั้ง 9 คน ที่ช่วยสร้างความน่าสนใจให้กับรายการแล้ว ยังส่งให้ “สาจ๋า” แม่บ้านสุดชิคให้เป็นที่รู้จักกับฉากที่หลายคนแปลกใจเมื่อแม่บ้านของเธอ บอกกับเธอว่าผ้าหยาบเกินไป และกลายเป็นวลีฮิตไปทั่วโลกออนไลน์ บ้างก็ออกมาชื่นชมว่ากับเพื่อนจะเป็นเช่นไร แต่กับคนที่ทำงานด้วย เธอมักจะพูดจาดีด้วยเสมอ

เรื่องนี้ทำให้วทานิกายิ้มออกมา พร้อมตอบว่า แพรคิดว่าเราทุกคนบนโลกนี้ควรให้เกียรติกันอยู่แล้ว ยิ่งกับคนที่ทำงานใกล้ชิดกับเรา เราต้องเคารพสิทธิเรื่องความเป็นคนซึ่งกันและกัน ที่เขามาบอกว่าเสื้อหยาบ เราก็รู้สึกดีนะเพราะเราทำแฟชั่นเฮาส์ คนของเราให้ความสำคัญกับควอลิตี้มันก็ดี ซึ่งตอนนี้เขาก็เขินที่มีคนพูดถึงเขาเยอะ ส่วนหากพูดกับเพื่อนอีกแบบหนึ่ง ก็เพราะเราโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็กๆ

“ส่วนคลิปวิดีโอล้อต่างๆ ก็ยังดูแล้วชอบ ครีเอทีฟดี”

และแน่นอน คลิปปังระดับนี้ ก็มีทั้งผลตอบรับที่ดีและไม่ดี โดยเฉพาะที่บอกว่าเฟคหรือเปล่า

“พอออกอากาศ ฟีดแบ๊กดีมาก ไม่คิดว่าจะมีคนดูขนาดนี้ ก็มีไปอ่านคอมเมนต์บ้าง เอามาพัฒนาตัวเอง ดูว่าเราทำอะไรได้อีก ที่ว่าเราแรงๆ อ่านไปอ่านมาหลังๆ เราก็ขำไปแล้ว คือภาพมันอาจจะสวย จนคนคิดว่าจัดวาง คือด้วยความที่เราทำเสื้อผ้า ของๆ เรามันก็ต้องสวย ด้ายโผล่นิดเดียวเรายังต้องเก็บ คลิปวิดีโอแสงมันก็ต้องดี ภาพสวย พอเขาจะมาถ่ายเราก็ต้องไปจัดวางให้สวย เลยอาจทำให้คนคิดว่าเฟค”

“แพรเองไม่ได้ไปคิดเรื่องว่าคนติอย่างไร จากแต่ก่อนจะมองโลกลบไว้ก่อน เผื่อว่ามันดีจะได้ไม่คิดมาก แต่มาทำรายการนี้แพรกลายเป็นคนบาลานซ์ทุกอย่าง แพรไปโฟกัสเรื่องดีๆ จากรายการมากกว่า อย่างมีคนไดเร็กต์เมสเสจมาหาแพร ว่าพี่เป็นแรงบันดาลใจให้หนูมีแรงผลักดันในการทำงาน กล้าที่จะสร้างสรรค์แบรนด์ ตั้งใจเรียน ซึ่งทำให้เราดีใจ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้คนทำสิ่งนี้เป็นอาชีพได้ ส่วนคอมเมนต์อื่นๆ เราก็นำคำติไปปรับปรุง พัฒนาต่อไป”

“ซึ่งที่ทุกอย่างมันดี ทั้งหมดต้องยกเครดิตให้กับทีมซึ่งทำให้ประสบความสำเร็จ แพรโชคดีที่มีทีมเวิร์กที่แม้จะเล็ก แต่แข็งแรง”


เรื่องที่สุด ‘วทานิกา’

– นิยามตัวเอง

แพรขอไม่นิยามตัวเอง อยากให้คนอื่นมองมากกว่า หากให้พูดถึง ก็คงจะเป็นว่าแพรเป็นคนที่ตัดสินใจอะไรแล้วทำเลย ไม่ชอบรอ และถ้าต้องงอ ก็ขอหักเลยดีกว่า เด็ดขาด

– ดีใจที่สุด

นานๆ ทีได้ฝันเห็นคุณปู่ เพราะว่าตอนเด็กๆ คุณปู่เป็นคนเลี้ยงแพรมา

– เสียใจที่สุด

วันที่เสียคุณปู่

– ประสบการณ์ที่สุด

สำหรับแพร ทุกวันเป็นที่สุดของเราอยู่แล้ว ในออฟฟิศมีเรื่องเยอะมาก หากจะให้เล่าเรื่องแปลกๆ ก็เช่น มีอยู่วันหนึ่ง มีผู้ชายแต่งตัวดี ใส่สูท ผูกไท ดูเป็นคนสุภาพ ถือกระเป๋าเดินเข้ามาในออฟฟิศ ทุกคนก็ตกใจ นึกว่าใครนัดประชุมไว้ แล้วเขาก็มาบอกจอย ซึ่งเป็นซีอีโอของแพรว่า ขอมาเจอแพรหน่อย อยากไปกินข้าว อยากคุยกัน เชื่อว่าเป็นคู่แท้ของกันและกัน ทุกคนรีบบอกว่าไม่อยู่ เจอไม่ได้ เขาก็ทิ้งนามบัตรไว้ให้ มั่นใจว่าเป็นคู่แท้ เราก็ตกใจมาก ทุกคนก็แบบแปลกใจ มันไม่ใช่

– เชื่อเรื่องฮวงจุ้ย

เรียกว่าหมกมุ่นเลยก็ได้ แพรคิดว่าเรื่องนี้ไม่ดีก็มีแค่เสมอตัว ก็เลือกเชื่อไว้ ฮวงจุ้ยก็คือความสมดุลของธาตุต่างๆ อย่างมีหินอ่อน มีน้ำหมุนเวียน มีผลึกแวววาว ก็นำมาปรับแก้ที่ออฟฟิศตามคำแนะนำของอาจารย์ เช่นเดียวกับเวลาออกอากาศ 18.49 น. วันศุกร์ ซึ่งอาจารย์ดูให้ว่ามันจะดี

– ไม่ดูดวง

แม้จะเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยแต่ก็จะไม่นำมาใช้กับชีวิตส่วนตัว พักหลังๆ ยังไม่ไปดูดวง เพราะเคยไปดูเยอะๆ แล้วก็รู้สึกว่าเหมือนดวงเราเปลี่ยน ก็เลยขอเชื่อตัวเอง

กับกลุ่มเพื่อนสนิท
คุณพ่อ คุณแม่ มาให้กำลังใจในโชว์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image