หญิงชราวัย 72 เผย”วิธีรอดตาย” หลังติดอยู่กลางป่า 9 วัน

คอลัมน์ ร่อนตามลม

เรื่อง “ติดเกาะ” หรือเดินหลงเข้าไปติดอยู่กลางป่า ดูจะเป็น “เรื่องไกลตัว” สำหรับเราแทบทุกคน บางคนอาจมั่นใจด้วยซ้ำว่า ชาตินี้ “ไม่มีวันเกิดขึ้นกับฉันแน่”

แต่เรื่องแบบนี้ “มั่นใจ” ได้จริงๆ อ่ะ?

เชื่อว่า นางแอน ร็อดเจอร์ หญิงอเมริกันชาวเมืองทูซอน รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา วัย 72 ที่เพิ่งรอดตาย หลังจากหลงเข้าไปติดอยู่กลางป่าไวท์ เมาน์เท่น ในรัฐอริโซนานานถึง 9 วัน ก็คง “เชื่อมั่น” อย่างนั้นเช่นกัน แต่เธอก็ยังพลาดจนได้

Advertisement

เรื่องของนางร็อดเจอร์นับว่ามี “สาระประโยชน์” ทีเดียว เพราะส่วนหนึ่งที่ทำให้หญิงชราอายุปูนนี้รอดชีวิตมาได้หลังติดอยู่ในป่านานถึง 9 วัน ก็เพราะเธอพอมีความรู้เรื่องวิธีเอาตัวรอดเมื่อเจอสถานการณ์เลวร้าย เสี่ยงเป็น เสี่ยงตาย อยู่บ้าง ซึ่งเป็นความรู้ที่นางร็อดเจอร์บอกว่า เป็นสิ่งที่เธอเคยศึกษาอบรม วิธีเอาตัวรอดเมื่อติดอยู่กลางทะเลทรายนานมาแล้ว แต่เธอยังจำได้ และได้เห็นคุณค่าของวิชานั้น เมื่อเร็วๆ นี้

จากข่าวเล่าว่า ระหว่างติดอยู่กลางป่า นางร็อดเจอร์อาศัยกินพืช กินเต่า และหากิ่งไม้ ก้อนหิน มาเรียงเป็นคำว่า “help (ช่วยด้วย)” ที่มีขนาดใหญ่พอที่เฮลิคอปเตอร์จะสามารถสังเกตเห็น กระทั่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถค้นหาเธอจนพบเมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา

นอกจากนั้น สิ่งที่เธอพยายามทำทุกวันระหว่างหาทางออกมาไม่ได้ก็คือ “แต่ละวันฉันจะพยายามเดินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถเดินได้ แต่พอพระอาทิตย์เริ่มตก ฉันจะหยุดเดิน แล้วรีบหาที่นอน หากิ่งไม้มาก่อเป็นกองไฟ และคอยดูไม่ให้กองไฟดับตลอดคืน” ร็อดเจอร์ให้สัมภาษณ์ในงานแถลงข่าว

Advertisement

อย่างไรก็ตาม โคดี้ ลันดิน ผู้เชี่ยวชาญและครูสอนวิชาเอาตัวรอด ซึ่งเป็นพิธีกรร่วมในรายการ “Dual Survival” ทางช่องดิสคัฟเวอรี่ ซึ่งได้รับเชิญไปร่วมงานแถลงข่าวด้วยในวันนั้น ก็ชี้แนะว่า ถึงนางร็อดเจอร์จะโชคดีที่รอดตายมาได้ แต่เธอก็ “ทำผิดกฎข้อสำคัญ” ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากๆ นั่นก็คือ “เธอควรอยู่ที่รถ” เธอไม่ควรทิ้งรถยนต์ แล้วเดินไปเรื่อย ทั้งนี้ เพราะรถยนต์เป็นสิ่งที่ทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยจะสังเกตเห็นได้ง่ายกว่าตัวคน และกรณีของนางร็อดเจอร์ ทีมกู้ภัยก็พบรถยนต์ของเธอก่อนจะพบตัวเธอหลายวัน อีกทั้งก่อนที่นางร็อดเจอร์จะขับรถออกจากบ้านเพื่อไปเยี่ยมหลานในเมืองฟีนิกซ์ เธอก็ไม่ได้บอกให้คนในครอบครัวรู้เลยว่าเธอกำลังจะขับรถไปหา ทำให้ไม่มีใครในครอบครัวรู้เลยว่านางร็อดเจอร์หายตัวไป จึงไม่มีการแจ้งความเรื่องคนหาย

“แน่นอนว่า เธอได้ทำสิ่งต่างๆ ที่ทำให้เธอรอดชีวิตมาได้ แต่ที่จริง เธอไม่จำเป็นต้องทำสิ่งต่างๆ ที่เธอทำเลย และเธอก็ไม่ต้องทนเผชิญชะตากรรมอยู่ในป่าถึง 9 วัน (ถ้าหากเธอจะอยู่ที่รถ และบอกให้คนในครอบครัวรู้ว่าเธอกำลังจะไปหา)” ลันดินบอก

ทั้งนี้ จากรายงานข่าว ลำดับเหตุการณ์การหลงป่าของนางร็อดเจอร์ ว่าเธอหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม ระหว่างเธอขับรถออกจากบ้านที่เมืองทูซอนจะไปเยี่ยมหลานที่เมืองฟีนิกซ์ รัฐอริโซนา โดยขับรถไปตามถนนหมายเลข 10 แต่แล้วเธอขับรถเลี้ยวผิดไป 2 ครั้ง ทำให้ขับรถหลงทางไปเจอถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่น แถมน้ำมันรถก็ดันมาหมด โทรศัพท์มือถือก็ไม่มีสัญญาณอีก ความบังเอิญที่น่าจะเป็นเรื่องราวในหนังมากกว่าเรื่องจริง แต่นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ กับเธอ!!!

นางร็อดเจอร์เล่าว่า คืนแรกเธอตัดสินใจนอนในรถกับแมวและสุนัขที่เธอพานั่งรถไปด้วย และใส่เสื้อผ้าหนาถึง 3 ชั้น เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น และกินขนม ดื่มน้ำที่เธอนำติดไปในรถ จากนั้นพอวันที่ 2 เธอก็เริ่มออกเดินไปตามถนนพร้อมด้วยสุนัขของเธอ เพื่อมองหาบ้านคน แต่ก็ไม่เจอ

ทั้งนี้ ตลอดเวลาที่ติดอยู่ในป่า ร็อดเจอร์เล่าว่า เธอพยายามมองหาพืชที่สามารถกินได้ และพยายามมองหาหนองน้ำ โดยเธอพอมีความรู้ว่าพืชชนิดไหนที่สามามรถกินได้อยู่บ้าง จากความรู้ในการเอาตัวรอดที่เคยเรียนรู้มานานแล้ว

ทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยของไวท์ เมาน์เท่น อาปาเช่ ฟอร์เรสต์ พบรถยนต์ของนางร็อดเจอร์เมื่อวันที่ 3 เมษายน จากนั้นก็เช็กข้อมูลจากป้ายทะเบียนรถ แล้วโทรศัพท์แจ้งไปยังสำนักงานนายอำเภอจีล่า เคาน์ตี้ เชอริฟ ออฟฟิศ จากนั้นปฏิบัติการออกตามหาตัวนางร็อดเจอร์จึงเริ่มขึ้น

จอห์นนี่ โฮล์มส์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของสำนักงานนายอำเภอ เล่าว่า การตามค้นหาตัวนางร็อดเจอร์เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะจะอาศัยสัญญาณหรือข้อมูลจากโทรศัพท์ก็ไม่มี และเจ้าหน้าที่ต้องใช้สุนัขตำรวจ ช่วยตามหาด้วย

“เราไม่มีข้อมูลอะไรเลยที่จะค้นหาว่าเธออยู่ที่ไหน” จอห์นนี่ โฮล์มส์ เล่า

พอวันที่ 4 เมษายน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของนางร็อดเจอร์ เธอเล่าว่าเธอเดินไปเจอลำธารเล็กๆ แห่งหนึ่ง และเห็นเต่า เธอจึงจับเต่ามาถอดกระดองแล้วนำไปย่างกับกองไฟ เพื่อประทังชีวิต

หลังจากผ่านไปหลายวันแล้วยังไร้วี่แววว่าจะมีใครมาช่วย นางร็อดเจอร์เล่าว่า “ฉันก็เริ่มท้อ แต่ฉันก็รู้ว่าจะต้องมีใครสักคนที่เป็นห่วงเป็นใยฉันมากพอ ที่จะพยายายามตามหาฉันจนพบ และพาฉันออกไปจากป่านี้จนได้”

จอห์นนี่ โฮล์มส์ เล่าว่า ในที่สุดทีมกู้ภัยก็เดินไปเจอร่องรอยที่เชื่อว่าน่าจะเป็นรอยเท้าของมนุษย์

พอวันที่ 9 เมษายน สำนักงานนายอำเภอก็ติดต่อไปยังหน่วยงานด้านความปลอดภัยสาธารณะ ขอให้นำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินค้นหา แล้วนักบินก็สังเกตเห็นสัญลักษณ์ “help” ซึ่งนางร็อดเจอร์ใช้กิ่งไม้และก้อนหิน นำมาประกอบกันเป็นคำว่า Help หรือช่วยด้วย ซึ่งสามารถช่วยชีวิตเธอได้ในที่สุด

โลเวลล์ เนเช็ม นักบินเฮลิคอปเตอร์กู้ภัย เล่าถึงความรู้สึกในวินาทีที่เจอนางร็อดเจอร์ว่า “ผมตกใจมาก เพราะพวกเราคิดว่าคงพบศพเธอมากกว่า ผมไม่คิดเลยว่าจะพบเธอในสภาพที่ยังมีชีวิตอยู่”

วันนั้นนางร็อดเจอร์ยังมีเรี่ยวแรงพอที่จะเดินไปที่เฮลิคอปเตอร์ และใช้เวลาตรวจเช็กร่างกายอยู่ที่โรงพยาบาลเพียง 2-3 ชั่วโมง ก็ได้กลับบ้าน และถัดจากนั้นมาอีก 2 วัน เธอก็ยังมีแรงออกไปเดินป่าได้อีกด้วย

 

image

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image