ที่มา | มติชนรายวันหน้า 23 |
---|---|
เผยแพร่ |
ใช่ว่าโรงเรียนจะเป็นสถานที่ของเด็กและเยาวชนเท่านั้น วันนี้ก็เป็นสถานที่ของผู้สูงอายุเช่นกัน ในรูปแบบโรงเรียนผู้สูงอายุ ซึ่งปัจจุบันมี 43 แห่งทั่วประเทศ ในโอกาสติดตาม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ลงพื้นที่เปิด โรงเรียนผู้สูงอายุเทศบาลตำบลหนองลาน อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี จัดโดยกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) มาทำความรู้จักโรงเรียนผู้สูงอายุกัน
พระครูกาญจนธรรมชัย เจ้าอาวาสวัดหนองไม้แก่น และผู้อำนวยการโรงเรียนผู้สูงอายุฯ เล่าถึงที่มาว่า โรงเรียนผู้สูงอายุแห่งนี้เกิดจากความร่วมมือของชุมชนและผลักดันโดยผู้นำท้องถิ่น ที่อยากจะพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุให้มากกว่าเดิม จึงไปศึกษาดูงานการจัดตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุที่อื่น ก่อนกลับมาดำเนินการจริงจังในเดือนสิงหาคมปี 2556 โดยใช้ศาลาปฏิบัติธรรมของวัดที่ใช้ประโยชน์ปีละ 2 ครั้ง เช่น วันมาฆบูชา มาใช้ประโยชน์ทางการศึกษา ทั้งนี้ ปัจจุบันมีนักเรียนในการดูแล 140 คน นักเรียนอายุน้อยสุดต่ำกว่า 60 ปีก็มี ส่วนอายุมากสุดคือ 85 ปี ซึ่งเป็นนักเรียนดีเด่นด้วย แม้จะหูตึง แต่ให้ความร่วมมือดีทุกอย่าง ทั้งยังเป็นไอดอลของนักเรียนหลายคน แต่เพิ่งเสียชีวิตไป
“ช่วงแรกเราไปเกณฑ์ผู้สูงอายุในหมู่บ้านมาเรียน ลองเปิดสอนแบบวิชาการโดยให้ กศน.มาช่วย ผลปรากฏว่าผู้สูงอายุไม่อยากเรียน บางคนตามองไม่ค่อยเห็น หูตึง เรียนไปร้องไห้ไป เพราะไม่รู้จะเอาไปใช้ประโยชน์อะไร จากนั้นก็พยายามปรับปรุงหลักสูตรมาเรื่อยๆ เน้นการศึกษาที่ผู้สูงอายุควรรู้ อยากรู้ ภายใต้การเรียนการสอนที่สนุกสนาน ในลักษณะเรียนไปเรื่อยๆ แต่เพิ่มความเข้มข้นขึ้นทุกปี” ซึ่งผลลัพธ์นั้นก็น่าสนใจไม่น้อย พระครูกาญจนธรรมชัยเล่าว่า เรียนมีแต่ได้จริงๆ
“จากผู้สูงอายุติดบ้าน ไม่กล้าเข้าสังคม ไม่ถูกกับลูกหลาน เปลี่ยนมาเป็นผู้สูงอายุที่แจ่มใส กล้าแสดงออก กล้าทำอะไรกว่าแต่ก่อน อย่างการช่วยเหลือสังคม ซึ่งสุดท้ายทำให้เขาเองเกิดความภูมิใจ บางคนยังสามารถเลิกเหล้า บางคนไม่เคยเข้าวัดเลยก็เริ่มเข้าวัด”
สำหรับหลักสูตรการเรียนการสอนนั้น เปิดสอนใน 4 ฐานหลัก ได้แก่ วิชาการ เช่น ภาษาไทย พุทธศาสนา สิทธิกฎหมาย สุขศึกษา, ส่งเสริมอาชีพรายได้ เช่น จัดอบรมอาชีพ เรียนรู้สวนสมุนไพร เกษตรพอเพียง พืชปลอดสารพิษ, นันทนาการ เช่น ศิลปะบำบัด หัวเราะบำบัด ดนตรีบำบัด การละเล่นพื้นบ้าน กีฬาผู้สูงอายุ และกิจกรรมพิเศษ เช่น บำเพ็ญประโยชน์การกุศล ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ ทัศนศึกษานอกสถานที่ ผ่านครูผู้สอนที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ พระสงฆ์ และครูประจำ โดยเปิดเรียนทุกวันพุธสัปดาห์ที่ 1 และที่ 3 ของเดือน กำหนดเวลา 09.00 น. เข้าแถวหน้าเสาธง 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน และเลิกเรียนตอน 14.00 น. ซึ่งทั้งหมดนี้เรียนฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
“เรียนมีแต่ได้ ได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งเงิน จากการทำขนมและอาหารขายผู้มาดูงาน และได้กำลังใจจากการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนรุ่นเดียวกัน ซึ่งพอเห็นพวกเขามีความสุขมีรอยยิ้ม มีน้ำใจช่วยเหลือเอื้ออาทรกัน อาตมาก็ดีใจ และอยากฝากไปถึงลูกๆ หลานๆ ให้มองผู้สูงอายุอย่างมีคุณค่า อย่างที่พระพุทธเจ้ายกย่องผู้สูงอายุคือผู้รู้ทุกอย่าง ดั่งสุภาษิตที่ว่าผู้สูงอายุอาบน้ำร้อนมาก่อน ต้องคิดว่าหากไม่มีเขาก็ไม่มีเรา เช่นเดียวกัน ผู้สูงอายุก็ต้องเข้าใจสังคมที่หมุนเร็ว ทำอย่างไรจะเป็นผู้สูงอายุที่น่ารัก ยิ้มแย้มแจ่มใสให้ลูกหลาน” พระครูกาญจนธรรมชัยกล่าว
คุณยายวานีพร ครุธคิริ อายุ 78 ปี นักเรียนชั้นปีที่ 3 กล่าวพร้อมเพื่อนร่วมรุ่นด้วยน้ำเสียงสดใสว่า ปกติอยู่บ้านกับลูกหลาน มันก็เหงา แต่พอมาเรียนได้เจอเพื่อนๆ ได้พูดคุย ได้ร้องเพลง เต้นรำ เรียนทำขนม มันก็มีความสุขมาก ตั้งใจว่าจะเรียนต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมาเรียนไม่ไหว
“การเรียนในโรงเรียนผู้สูงอายุไม่ได้น่ากลัว มันไม่ใช่การเรียนหนังสือเหมือนเด็กๆ แต่เรียนในสิ่งที่เราอยากเรียน” คุณยายวานีพรฝากถึงผู้สูงอายุคนอื่นๆ
ด้าน คุณตาแดง บัวบาน อายุ 77 ปี นักเรียนชั้นปีที่ 3 เล่าด้วยท่าทางมีความสุขว่า ตั้งแต่มาเรียนพบว่าสุขภาพจิตดีขึ้นมาก มันก็ส่งผลให้สุขภาพกายดีตาม การมาเรียนสนุกดี ได้ออกกำลังกาย ได้ร้องเพลง ได้รำไม้พลอง ทั้งยังได้ไปทัศนศึกษานอกสถานที่ ได้ไปไหว้พระในต่างจังหวัด ก็ฝากผู้สูงอายุลองเรียน ดีกว่าอยู่บ้านเหงาๆ
ขณะนี้ พม.ได้จัดทำคู่มือจัดตั้งและมาตรฐานโรงเรียนผู้สูงอายุแจกจ่ายให้ท้องถิ่นแล้ว เตรียมผลักดันให้เกิดโรงเรียนผู้สูงอายุในทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย