ห่วงเด็กไทยเสียชีวิตช่วงปิดเทอมสูง จมน้ำตายสาเหตุอันดับ 1 รองลงมาอุบัติเหตุบนถนน

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ที่สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวในการแถลงข่าว “การตายของเด็กจากอุบัติเหตุในช่วงปิดเทอมและ10 ทักษะความปลอดภัยที่เด็กป.1-ป.3ต้องมี” ว่า แต่ละปีเด็กไทยอายุ 1-14 ปีจะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุจำนวนกว่า 2,500 รายต่อปี หรือเฉลี่ย 200 รายต่อเดือน เดือนที่มีเด็กตายจากอุบัติเหตุสูงสุดคือเมษายน เฉลี่ย 350 รายต่อเดือน รองลงมาเดือนมีนาคม พฤษภาคม และตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่และปิดเทอมกลางปีของเด็ก จึงเป็นช่วงเวลาแห่งความเสี่ยงที่พ่อแม่และชุมชนต้องตระหนักและช่วยกันดูแลเด็กๆ

รศ.นพ.อดิศักดิ์กล่าวอีกว่า ข้อมูลในปี 2560 พบร้อยละ 47 ของการตายในเด็กอายุ 1-14 ปีเป็นการตายจาการบาดเจ็บ อุบัติเหตุ และความรุนแรง สาเหตุสำคัญพบว่าร้อยละ 33 หรือ 740 รายตายจากการจมน้ำ โดยแหล่งน้ำเสี่ยงมักอยู่ละแวกชุมชนใกล้บ้าน เช่น บ่อขุด สระน้ำในชุมชน คลองหรือบริเวณชุมชน รองลงมาร้อยละ 31 หรือ 700 รายตายจากภัยทางถนน เหตุจากการขับขี่ ซ้อนมอเตอร์ไซด์ เด็กขี่ เด็กซ้อน ถูกรถชนบริเวณชุมชน ที่เหลือร้อยละ 36 ตายจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ตกที่สูง ของตกกระแทก พลัดตกหกล้ม ตกบันได หน้าต่าง ระเบียง ต้นไม้ ชิงช้า เสาฟุตบอล นอกจากนี้ จากการสำรวจสนามเด็กเล่นของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล และโรงเรียนทั่วประเทศ พบกว่าร้อยละ 90 ยังไม่ได้มาตรฐาน

“ข้อมูลช่วง 10 ปีในช่วงปิดเทอมจะพบสาเหตุการตายจากค่าเฉลี่ยทั้งปี อันดับแรกสูงสุดร้อยละ 56 เป็นการตายจากการจมน้ำ รองลงมาร้อยละ 25 ตายจากภัยทางถนน ร้อยละ 8 ตายจากตกที่สูง ของแข็งชนกระแทก ร้อยละ 7 ตายจากความรุนแรง และร้อยละ 3 ตายจากไฟฟ้า ฉะนั้นเด็กต้องมีทักษะในการอยู่รอดปลอดภัย อาทิ ทักษะความปลอดภัยทางน้ำ อย่างการใช้เสื้อชูชีพ การลอยตัวในน้ำได้ 3 นาที, ทักษะความปลอดภัยในบ้าน ตั้งแต่ของมีคม ไฟฟ้า สารพิษ ที่ลื่น, ทักษะการปฐมพยาบาล ซึ่งทักษะเหล่านี้จะลดการตายในเด็กให้น้อยลงได้” รศ.นพ.อดิศักดิ์

รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image