| ที่มา | คอลัมน์ ไซเบอร์ทีน มติชนรายวันหน้า 18 |
|---|---|
| ผู้เขียน | พี่ศรีหนุ่ย |
| เผยแพร่ |
เชื่อได้เลยว่า หลายคนในที่นี้ น่าจะเคยทำมือถือตก และหน้าจอ “แตก” กันมาแล้ว แต่คุณพี่ก็ไม่เคยคิดว่า จะมีใครทำการสำรวจในเรื่องนี้
หน้าจอมือถือแตก – กระทั่งไปเจอผลสำรวจของ “สแควร์ เทรด” ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับการปกป้องมือถือ ที่ทำการสำรวจเรื่องหน้าจอแตกในสหรัฐอเมริกา แล้วก็พบกับตัวเลขที่น่าตกตะลึงว่า ในแต่ละวินาที จะมีสมาร์ทโฟนที่หน้าจอแตกเกิดขึ้นถึง 2 เครื่อง!!
และแต่ละชั่วโมง จะมีสมาร์ทโฟนที่หน้าจอเสียมากถึง 5,761 เครื่อง และในแต่ละปี หน้าจอแตกมากกว่า 50 ล้านเครื่อง
ขณะที่เงินที่ต้องเสียไปกับการเปลี่ยนหน้าจอใหม่ในแต่ละปีของชาวอเมริกัน สูงถึง 3,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1 แสนล้านบาท
เป็นตัวเลขที่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว เพราะมันมากกว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของประเทศซูดานใต้ ซึ่งมีแค่ 2,870 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม มีถึง 38 เปอร์เซ็นต์ของเจ้าของสมาร์ทโฟน ที่เมื่อหน้าจอแตกแล้ว ไม่ได้สนใจที่จะเปลี่ยนหน้าจอใหม่แต่อย่างใด และราว 65 เปอร์เซ็นต์ของเจ้าของสมาร์ทโฟน ที่ปฏิเสธที่จะซ่อมสมาร์ทโฟนของตัวเอง เนื่องจาก “ค่าซ่อมที่แพงเกินไป”
ผลสำรวจยังพบด้วยว่า 74 เปอร์เซ็นต์ของสมาร์ทโฟนที่ได้รับความเสียหาย เนื่องจาก “หล่นลงพื้น” แล้วที่หล่นจากกระเป๋า มีมากถึง 49 เปอร์เซ็นต์ที่ได้รับความเสียหาย ส่วนการหล่นลงน้ำ มี 39 เปอร์เซ็นต์ที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่หล่นลงในชักโครก มี 26 เปอร์เซ็นต์ที่ได้รับความเสียหาย
และที่น่าตกใจคือ เคสมือถือทั้งหลายที่ใส่ๆ กัน จริงๆ แล้ว มันไม่สามารถช่วยทำให้สมาร์ทโฟนปลอดภัยได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะ 27 เปอร์เซ็นต์ของชาวอเมริกันที่ทำมือถือตกแตกนั้น บอกว่า ตอนตก ก็ใส่เคสอยู่นี่แหละ แต่ก็ยังไม่รอด
คำถามก็คือ เมื่อมือถือตกแตกมากขนาดนี้แล้ว ทำไมบรรดาผู้ผลิตมือถือถึงไม่ผลิตมือถือที่หน้าจอแตกยากๆ ออกมา
ก็ต้องบอกว่า ตอนนี้มีข่าวดีที่ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ซัมซุงได้ออกแบบสมาร์ทโฟนที่หน้าจอไม่แตกหัก แต่จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และจากการทดสอบ ก็พบว่า ทำเครื่องหล่น 26 ครั้ง ที่ความสูง 4 ฟุต เครื่องก็ยังไม่แตก แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้ขายกันเมื่อไหร่
เอาจริงๆ ก็คือ ใช้กันอย่างระวังๆ ก็เข้าใจว่า ไม่มีใครอยากทำให้มือถือตกแตก แต่ถ้ามันแตกไปแล้ว ก็ต้องซ่อมกันไป
