ยุคสมัยนี้ คำกล่าวที่ว่า “ผู้หญิงต้องเป็นแม่บ้าน คอยเลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน” ดูจะเปลี่ยนไปเสียแล้ว เพราะไม่ว่าจะบทบาทของพ่อ หรือแม่ ก็ล้วนต้องช่วยเหลือกันทั้งสิ้น
สถาบันพัฒนาบุคลิกภาพ จอห์น โรเบิร์ต เพาเวอร์ส ประเทศไทย จึงร่วมกับกลุ่มบริษัท จิมมี่ เดอะ โค้ช ดีไซน์หลักสูตร พาเรนซ์ : เดอะ เฟิร์สท์ โค้ช นำทางพ่อแม่สู่การเป็นโค้ชคนแรกของลูก เพื่อครอบครัวที่อบอุ่น
ธัญญา รอตก้า ถาวรเวช ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ สถาบันพัฒนาบุคลิกภาพ จอห์น โรเบิร์ต เพาเวอร์ส ประเทศไทย ให้มุมมองเกี่ยวกับบทบาทของพ่อว่า ยุคนี้ หน้าที่ของพ่อแม่ไม่จำกัดว่าใครทำอะไรแล้ว แต่ทั้งคู่ต้องร่วมกันปรึกษาหารือว่าจะช่วยแบ่งเบากันได้อย่างไร ร่วมเป็นทีมเวิร์กดูแลลูก โดยสิ่งสำคัญคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับลูก ซึ่งสิ่งสำคัญคือ จะต้องเข้าใจว่าจะสื่อสารกับลูกอย่างไร แม้ว่าเราจะมีเจตนาดี คิดดี แต่คำพูดน้ำเสียง หรือสีหน้าท่าทางที่แสดงออกสวนทางกับสิ่งที่เราพยายามจะบอกลูก
แม้ว่าเราจะปรารถนาดีเพียงใด ก็อาจ ‘สื่อสารผิดพลาด’ ทำให้ผู้รับสารตีความผิดไปได้ ต้องตระหนักเสมอว่าทุกสิ่งที่ทำทั้งหมดล้วนมีผลต่อสภาพจิตใจและการกระทำของลูกทั้งสิ้น
ด้าน โค้ช จิมมี่-พจนารถ ซีบังเกิด ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท จิมมี่ เดอะ โค้ช เผยว่า คนที่ทำหน้าที่พ่อมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจของลูก
สำหรับเด็กผู้ชาย พ่อคือต้นฉบับของผู้นำครอบครัว ที่เขามักจะเลียนแบบพฤติกรรม ไม่ว่าดีหรือไม่ ขณะที่ลูกสาวนั้น พ่อเป็นแบบฉบับของผู้ชายทุกคนในโลก รวมทั้งการเลือกคู่ครองในอนาคต ความสัมพันธ์ของพ่อกับลูกสาวจึงมีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน
สำหรับพ่อยุค 4.0 นั้น คือ 1.รู้อารมณ์ของตนเอง เข้าใจความรู้สึกและความต้องการลูก โดยอาจลองตรวจสอบดูว่า ล่าสุดที่อยู่กับลูกมีความรู้สึกอย่างไร เกิดขึ้นได้อย่างไร เหตุผลของการกระทำต่างๆ เกิดขึ้นจากอะไร 2.มองเห็นถึงคุณสมบัติที่ดีที่อยู่ในตัวตนของลูก แม้ว่าจะชอบหรือไม่ แต่ทุกพฤติกรรมมีเจตนาและคุณสมบัติที่ดีผลักดันอยู่เบื้องหลังเสมอ
เลี้ยงลูกยุคใหม่