แนะนำ 3 เรื่องน่าดูวันหยุด บทดี-มีชั้นเชิง-เล่าเรื่องประทับใจ คอลัมน์ เล่าเรื่องหนัง

วงสนทนาเมื่อไม่นานมานี้ ตั้งวงคุยกับเหล่าเพื่อนฝูงถึงภาพยนตร์แนว “ระทึกขวัญ” หรือ “Thriller” ที่น่าสนใจ เรื่องไหนน่าชม มาแลกเปลี่ยนกันไว้ดูช่วงวันหยุดยาวสัปดาห์นี้ นึกได้หนึ่งเรื่องที่หากให้แนะนำ คือ หนังทริลเลอร์ “สัญชาติสเปน” เรื่อง “Contratiempo” หรือในชื่อภาษาอังกฤษ “The Invisible Guest”

หนังเรื่อง “แขกไม่ได้รับเชิญ” นี้ จัดเป็นหนังที่ดูสนุกในมุมให้ความบันเทิงเต็มที่ ตัวหนังมีลูกล่อลูกชนที่ใช้ชั้นเชิง “เล่าเรื่อง” ให้ซ่อนเงื่อน น่าติดตาม เพราะมีความ “หักมุม” ไปมาตลอดเรื่อง

ใครที่ชอบหนังแนวทางลุ้นระทึกแบบ “Gone Girl” ใน The Invisible Guest จัดเป็นหนังชมง่าย แต่มีชั้นเชิงการเล่าที่น่าสนใจ ไร้จังหวะให้รู้สึกเบื่อ

หนึ่งในวิธีเล่าที่หนังนำมาใช้คือ “ใครพูดความจริง” และเรื่องใครเป็นเรื่องจริง?

Advertisement

หนังเปิดเรื่องด้วยหนุ่มนักธุรกิจชีวิตสมบูรณ์ และกำลังมีอนาคตไกล ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมชู้รักของเขา หลังจากเขาตื่นขึ้นมาในห้องพักของโรงแรม ที่ห้องพักถูกล็อกกุญแจจากด้านใน หน้าต่างเปิดไม่ได้ เปิดเรื่องด้วยความตระหนก และนำไปสู่การไขปริศนาว่าฆาตกรรมในห้องปิดตายนี้ใครเป็นคนลงมือ?

เขาได้ว่าจ้างทนายสาวใหญ่ฝีมือดี ผู้กำลังจะเกษียณตัวเองจากอาชีพ และต้องมารับมือคดีสุดท้ายที่สังคมกำลังให้ความสนใจนี้ และแน่นอนว่า ไพ่ใบสุดท้ายจะออกหัวออกก้อยต้องติดตามกันให้ถึงบทสรุป

แม้หนังจะดำเนินเรื่องด้วย “บทพูด” ทั้งเรื่อง ผ่านการแสดงในแบบ “จิตวิทยา” ใส่กันของตัวละคร แต่การ “หักมุม” ที่ถาโถมใส่คนดูไปตลอดทางก็ถือเป็นหนึ่งใน “หนังขวัญใจมหาชน” ที่หลายคนยกนิ้วให้ในมุมที่ดูแล้ว “สนุกจนอยากบอกต่อ”

ขยับจากอารมณ์ “Thriller” มาสู่เรื่องราวแนว “Horror” หรืองาน “สยองขวัญ”

The Haunting of Hill House

ห้วงนี้ถ้าไม่แนะนำหรือพูดถึง “The Haunting of Hill House” ซีรีส์ความยาว 10 ตอน ที่กลายเป็นขวัญใจผู้ชมอีกหนึ่งเรื่องก็ต้องบอกว่าเชยเอามากๆ สำหรับแฟนคลับซีรีส์ต่างประเทศ

เหตุที่ซีรีส์เรื่องนี้เล่าเรื่อง “ผี” ได้ทั้ง “น่ากลัว” และ “ซาบซึ้ง” ในเวลาเดียวกันจนได้คะแนนแนะนำปากต่อปากในหมู่คนดู

ซีรีส์เรื่องนี้ดัดแปลงบทมาจากนิยายคลาสสิกเมื่อปี 1959 ที่มีชื่อเดียวกัน แต่งโดยนักเขียนหญิง “เชอร์ลีย์ แจ็กสัน” เล่าเรื่องราวแบบสองช่วงเวลาของครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่งที่พ่อแม่ และลูกๆ อีก 5 คน ย้ายเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ร้างหลังใหญ่ แต่ปรากฏว่าคฤหาสน์แห่งนี้กลับมีเรื่องราวน่าสะพรึงกลัวซุกซ่อนอยู่

ความที่ซีรีส์เล่าเรื่องคู่ขนานของครอบครัวนี้ในต้นยุค 90 ที่อาศัยในคฤหาสน์ผีสิงนี้ กับสมาชิกของครอบครัวในยุคปัจจุบันที่ลูกๆ ต่างเติบโตกันหมดแล้ว และแต่ละคนยังต้อง “แบกรับ” ความหลอนในวัยเด็กที่ตามมาถึงตอนโต โดยตัวซีรีส์ใช้การเล่าสลับช่วงเวลาไปมา ทำให้คนดูคุ้นเคยผูกพันกับตัวละครและครอบครัวนี้

โดยเนื้อหา “The Haunting of Hill House” เป็นเรื่องราวดราม่าในแบบ “หนังครอบครัว” ที่มี “เรื่องผี” เป็นโครงเรื่องรองรับ แต่ “แก่นแท้” คือการพูดถึง “ปัญหาความสัมพันธ์” และความร้าวฉานของสมาชิกในครอบครัว ที่พยายาม “กอบกู้ความผูกพัน” และความเข้าใจกันให้กลับคืนมา แม้จะผ่านวันคืนที่โหดร้ายจากภูตผีปีศาจกันแบบบ้าระห่ำ

ซีรีส์เรื่องนี้จัดว่ามีระดับความหลอนพอตัว ขนาดที่บรรดาแฟนคลับต้องย้อนกลับไปดูแต่ละฉากกันหลายรอบ เพื่อเมียงมองสิ่งที่ผู้กำกับตั้งใจซุกซ่อนผีไว้ตามฉากต่างๆ นั่นเอง

แต่ต่อให้เห็นผีทันหรือไม่ทันในบางฉาก ซีรีส์เรื่องนี้ก็คุ้มค่าต่อการใช้เวลาหลายชั่วโมงในการรับชมแน่นอน

ปิดท้ายวันหยุด สำหรับใครที่ต้องการ “อาหารสมอง” กับหนังสารคดีชั้นดี ที่ไม่ได้ฉายในวงกว้างของปีนี้ อย่าง “The China Hustle” สารคดีที่เล่าเรื่องยาก แต่เปรียบเทียบและอธิบายให้เข้าใจง่ายในโลกของ “ตลาดทุน” ระหว่าง “สหรัฐอเมริกา” และ “จีน”

สารคดีเรื่องนี้พาไปทำความรู้จักวิธีทางลัดในตลาดหุ้น ที่เรียกว่า “การควบธุรกิจแบบย้อนกลับ” (Reverse merger) ซึ่งบริษัทในจีนหลายร้อยแห่ง ใช้วิธีการนี้ในการเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา ในช่วงที่เศรษฐกิจจีนร้อนแรงสุดสุด จนใครก็อยากจะมีส่วนร่วมในกระแสธารสร้างรายได้นี้

แต่ในทุกเม็ดเงินที่ได้กลับมา ก็ย่อมมีความเสี่ยง กระทั่งคนที่ตกเป็นเหยื่อ และคนที่ต้องสูญเงินจำนวนมาก

และยิ่งค้นก็ยิ่งเจอว่าบริษัทจีนหลายร้อยแห่งที่อยากจะเข้าสู่ตลาดหุ้นสหรัฐ ใช้วิธีการควบธุรกิจแบบย้อนกลับ นั่นคือ บริษัทจีนมองหาบริษัทในสหรัฐมาควบกิจการด้วย โดยที่บริษัทในสหรัฐที่เลือกมานั้นไม่มีการดำเนินกิจการ แต่มีชื่อถูกต้องตามกฎหมาย และอยู่ในรายชื่อบนตลาดหลักทรัพย์ เรียกว่าเป็นแค่บริษัทแต่เปลือกนอกเท่านั้น

ตัวสารคดีใช้การเล่าเรื่องผ่านนักลงทุนหลายคนผู้อยู่ในสถานการณ์ข้างต้น ไปจนถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับความไม่โปร่งใสนี้ ทั้งยังใส่มุมมองจากนักข่าวด้านการเงิน และเศรษฐกิจจากทั้งสำนักข่าวบลูมเบิร์ก และวอลสตรีท เจอร์นัล เป็นต้น

ตัวสารคดียังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมายที่นำเสนอให้เราเห็นแง่มุมที่ธุรกิจหา “ช่องโหว่” ของข้อกฎหมายจนนำไปสู่ความ “ฉ้อฉล” ในตลาดทุน เช่นที่สารคดี “The China Hustle” เปิดเรื่องจั่วหัวไว้แต่ต้นว่า เรื่องนี้ไม่มี “ฝ่ายธรรมะ” ไม่ว่าจะภาคเอกชน-กลุ่มทุนทั้งจีนและสหรัฐ รวมถึงหน่วยงานตรวจสอบระดับภาครัฐ ลามถึงฝ่ายการเมือง

ใครเป็นคอหนังสารคดีสายหนัก หรือชื่นชอบเรื่องราวธุรกิจ…ห้ามพลาด

และนี่คือความบันเทิง 3 เรื่อง 3 สไตล์ในวันหยุดนี้ สามารถรับชมทั้งหมดได้ผ่านเน็ตฟลิกซ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image