| ที่มา | หนังสือพิมพ์มติชน หน้า 23 |
|---|---|
| เผยแพร่ |
นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ระบบคุ้มครองผู้บริโภคกับสังคมผู้สูงวัย” ในงานประชุมสมัชชาผู้บริโภคประจำปี 2559 จัดโดยมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ณ โรงแรมเบสท์เวสเทิร์นพลัส แวนด้าแกรนด์ แจ้งวัฒนะ นนทบุรี ว่า จากการสำรวจเมื่อปี 2558 พบผู้สูงอายุไทยที่มีประมาณ 10 ล้านคน ร้อยละ 85.1 สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้เองทั้งหมด ร้อยละ 13.2 สามารถช่วยเหลือตัวเองได้บางส่วนหรือจัดเป็นผู้สูงอายุติดบ้าน และร้อยละ 1.7 ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลยหรือจัดเป็นผู้สูงอายุติดเตียง ตรงนี้ต้องทำอย่างไรที่จะให้ผู้สูงอายุเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นพลัง ไม่ใช่ภาระ ตั้งแต่พัฒนาให้ช่วยเหลือตัวเองได้ จากนั้นพาเข้าสังคม และสามารถเป็นพลังของสังคมในที่สุด ซึ่งแม้จะยาก แต่ก็ต้องทำ
นพ.วิชัยกล่าวว่า สำหรับประเด็นผู้สูงอายุในฐานะผู้บริโภคนั้น แม้ผู้สูงอายุจะผ่านโลกมามาก ไม่ควรมีใครมาหลอกได้ แต่จริงๆ ไม่เป็นอย่างนั้น อย่างผู้สูงอายุส่วนใหญ่ที่หลังเกษียณแล้วไม่ได้ทำงานต่อ ทำให้ถูกชักจูงจากผู้ต้องการแสวงหาผลประโยชน์ได้ง่าย ถัดมาเป็นผู้สูงอายุที่ร่างกายเสื่อมโทรมตามสภาพ ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากบริการรักษาพยาบาลของรัฐอาจไม่เป็นที่พึงพอใจ ทำให้ผู้สูงอายุกลุ่มนี้มีโอกาสถูกโน้มน้าวให้ซื้อบริการจากเอกชน ซึ่งต้องสูญเสียทรัพย์สินที่เก็บมาตลอดชีวิต
รวมถึงการมีเวลาว่างมากทำให้การตกเป็นเหยื่อให้ซื้อผลิตภัณฑ์เสริมสร้างสุขภาพจากสื่อทุกรูปแบบ ซึ่งนอกจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะไม่มีผลต่อร่างกายให้ดีขึ้นแล้ว ยังทำลายสุขภาพอีกด้วย สำหรับพัฒนาเรื่องผู้สูงอายุต้องทำ 4 ด้านคือ 1.ผู้สูงอายุเข้มแข็ง ด้วยการส่งเสริมให้ทำงานต่อ มีโรงเรียนผู้สูงอายุ 2.องค์กรผู้สูงอายุ ด้วยการส่งเสริมให้เกิดกลุ่มผู้สูงอายุต่างๆ เช่น ชมรม สมาคม 3.เครือข่าย เชื่อมโยงกลุ่มผู้สูงอายุเป็นเครือข่ายทำงานเข้มแข็ง และ 4.สภาพแวดล้อม ตั้งแต่กฎหมาย สถานที่ ให้รองรับและคุ้มครองผู้สูงอายุ
“ในบรรดากลุ่มประเทศอาเซียน ไทยเป็นที่สองรองจากสิงคโปร์ที่เข้าสู่สังคมสูงวัย ขณะที่ผู้สูงอายุสิงคโปร์ก็ไม่เหมือนไทย เขารวยก่อนแก่ ส่วนเราแก่ก่อนรวย ฉะนั้นยิ่งต้องเตรียมพร้อม ก่อนไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มตัวอีกไม่กี่ปีข้างหน้า” นพ.วิชัยกล่าว
