| ที่มา | มติชนรายวันหน้า 18 |
|---|---|
| เผยแพร่ |
เก็บตกไฮไลต์ เวที ‘นางงามจักรวาล’
เก็บตกไฮไลต์ มิสยูนิเวิร์ส 2018 – ปิดฉากลงอย่างสวยงามแล้ว กับการประกวด “มิสยูนิเวิร์ส 2018” ที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพในรอบ 13 ปี ถือเป็นการจัดประกวดครั้งที่ 3 ของคนไทย
ได้รับเสียงปรบมือล้นหลาม ว่า จัดได้ “ยิ่งใหญ่” สมชื่อ “ไทยแลนด์”
แต่จากวันแรกจนถึงประกาศผลการตัดสิน ผู้ได้รับมงกุฎ นางงามจักรวาล ก็นับได้ว่ามีเรื่องราวที่น่าสนใจ หลากหลายแง่มุม
ดราม่าลิขสิทธิ์การประกวด
หลังจากที่แฟนนางงามทั่วโลก รวมถึงคนไทย ต่างปล่อยข่าวว่า “ไทยแลนด์” จะได้เป็นเจ้าภาพการประกวดครั้งที่ 67 จนกระทั่ง ธนวัฒน์ วันสม จาก ทีดับบิล จัดแถลงข่าวใหญ่ ทุ่ม 400 ล้านบาท ซื้อลิขสิทธิ์การประกวด ดึง เดมี ลีห์เนล ปีเตอร์ มิสยูนิเวิร์ส 2017 และ พอลล่า แมร์รี่ ชูการ์ต ประธานองค์กรมิสยูนิเวิร์ส มาแถลงข่าวยิ่งใหญ่
ทำให้ทุกสายตาของแฟนนางงามทั่วโลกจับจ้องมาที่ประเทศไทยทันที
แต่หลายเดือนผ่านไป แฟนนางงามก็เริ่มครุ่นคิด เมื่อทุกอย่างดูจะ เงียบกริบ จนกระทั่งเซอร์ไพรส์เปลี่ยนมือผู้ถือลิขสิทธิ์การจัดประกวด มาอยู่ในมือ “ตี๋-แมทชิ่ง” หรือ สมชาย ชีวสุทธานนท์ โดยบริษัท ทีพีเอ็น 2018 แถมเปลี่ยนผู้ถ่ายทอดจากช่อง 3 มาเป็นพีพีทีวี แม้จะพบกับอุปสรรคอย่างหาสปอนเซอร์ไม่ได้ แต่งานนี้ตี๋ลั่นวาจา
ทำให้ดีที่สุด ต้องทำเพื่อประเทศแม้เป็นหนี้
ครั้งแรก สาวงามข้ามเพศ
นับเป็นครั้งแรกของการประกวด ที่มีผู้เข้าร่วมมากที่สุด 94 คน และเป็นครั้งแรก ที่มีสาวงามทรานส์เดอร์ จากสเปน “อังเฆลา ปอนเซ” วัย 27 ปี หญิงข้ามเพศคนแรกในประวัติศาสตร์ เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์ส หลังจากเปลี่ยนกฎให้สาวข้ามเพศประกวดได้เมื่อปี 2012
ซึ่ง หลังจากที่เธอเดินทางถึงไทย ก็เรียกแสงแฟลช และความสนใจจากสื่อไม่น้อย
94 สาวงาม แลนดิ้งถึงไทย
แม้ว่าปม ผู้ถือลิขสิทธิ์การประกวด จะยังดูเหมือนไม่เคลียร์สักเท่าไหร่ แต่การประกวดก็ต้องโก ออน ต่อไป นับแต่ 29 พฤศจิกายน ก็ถึงเวลาที่ 94 สาวงามจะร็อกเดอะสเตจ เหล่าแฟนนางงามแห่ไปต้อนรับสาวงามถึงประตูสนามบินสุวรรณภูมิ และโรงแรมดุสิตธานี
ถึงเมืองไทยทั้งที สาวงามได้เที่ยวชม วัดพระแก้ว และวัดอรุณฯ ไปจนถึงแต่งไทยย้อนยุคเที่ยวงานอุ่นไอรัก ท่ามกลางแฟนคลับที่มาให้กำลังใจแน่นทุกที่
เที่ยวกรุงแล้ว ก็ยังได้ออกไปสัมผัสน้ำทะเลใสแจ๋ว ที่เกาะห้อง จ.กระบี่ ซึ่งได้กัปตันนางงาม น้อด – ชนันภรณ์ รสจันทน์ มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2005 พาเหินฟ้าไปลงสนามบินกระบี่ ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่ง นั่งเรือยอร์ชเที่ยวเกาะล้าน พัทยา
เที่ยวไทยก็ว่าถูกใจ แต่เรื่องอาหารดูจะเป็นอะไรที่สาวๆกรี๊ดสุด โดยเฉพาะ ข้าวเหนียวมะม่วง ที่ล้วนถูกใจกันถ้วนหน้า
ขวัญใจมหาชน #ลูกฉันเป็นคนดี
และในบรรดาสาวงามผู้เข้าประกวดปีนี้ พูดได้ว่า เตรย์ซี เซย์ดีนี จากประเทศแอลเบเนีย ดูจะโด่งดังไม่มีใครเกิน
ลูกสาวคนใหม่คนไทย มากับภาพลักษณ์ที่สวย เซ็กซี่ ขี้เล่น เป็นตัวของตัวเอง เอาอยู่กับทุกลุค แถมยังเอาอกเอาใจแฟนๆ มือไม้อ่อน เซอร์วิสทุกอย่าง
ยิ่งคลิปวิดีโอที่พูดว่า “สวัสดีค่ะคุณแม่” ส่งเธอได้ใจชาวเน็ตสุดๆ
เห็นได้ชัดจากการประกวดรอบพรีลิมมินาลี เธอเรียกเสียงกรี๊ดสนั่นฮอลล์ ซึ่งเธอยังได้ทำมือเป็นสัญลักษณ์รูปนก ที่ปรากฏในธงชาติแอลเบเนีย
เรียกว่า ไม่ว่าวันไหน รอบไหน แฟนๆก็ต่างจดจ้องคอยชมภาพของเธอ ทำอะไรก็น่าเอ็นดู จนส่ง #ลูกฉันเป็นคนดี ขึ้นไปยืนหนึ่งในทวิตเตอร์ทันที
ฉาวข้ามโลก เมื่อนางงามไม่สปีกอิงลิช
ข้ามมาที่ข่าวที่ไม่ค่อยจะดีนัก ของ 3 สาวตัวเต็ง เมื่อ แซราห์ โรส ซัมเมอส์ มิสยูเอสเอ ชวนแก๊งเพื่อนสาว บาเลเรีย โมราเลส มิสโคลอมเบีย และ แฟรนเชสกา หง มิสออสเตรเลีย ไลฟ์สดเมาธ์มอยหลังเวที แต่ดันไปล้อเลียน นางงามจากประเทศกัมพูชา ริน สีณาต และ เห่อแฮน เนีย จากเวียดนาม ว่าเธอทั้ง 2 คน เหมือนฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่อง แต่เอาเข้าจริงกลับไม่พูดอังกฤษ ทำให้สื่อสารกันไม่ได้
ดราม่าสนั่น จนสื่อนอกตีข่าวฉาวนี้สะพัด ล่าสุดหลังการประกวดรอบอุ่นเครื่อง แซราห์ได้ออกมาโพสต์อินสตาแกรมขอโทษ 2 สาว ตระหนักถึงความ ไม่เคารพผู้อื่นในการใช้คำพูดของตน เผยอีกว่า เวทีนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้ผู้หญิงทั่วโลก เรียนรู้วัฒนธรรม และเติบโตไปพร้อมๆกัน
ปิดท้ายด้วยภาพเกิร์ลกรุ๊ป 5 คนอย่างอบอุ่น
เป็นอันจบ สยบดราม่า แต่อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่าเหตุการณ์นี้อาจตัดคะแนน 3 ตัวเก็ง ให้ตุ๊บ หลุดจากตำแหน่งได้
เก็บตกขาอ่อน มาไม่ทัน-ชุดราตรีพัง
นอกเหนือจากประเด็นดราม่า เรื่องเหยียดไม่พูดภาษาอังกฤษแล้ว ปริศนาการหายตัวไปของนางงามจากเซียร์รา ลีโอน ก็ดูจะเป็นที่สนอกสนใจ เพราะหลังจากผ่านไปเกือบ 2 อาทิตย์ เหล่าสาวงามที่ทุกคนถามหาอย่าง “มารี เอสเธอร์ บังกูรา” ก็เดินทางมาถึงไทยจนได้ เพียงแต่ว่าเธอมาช้าเกินไป ทำให้กองประกวดตัดสิทธิ ไม่ได้เข้าประกวด ของเธอเสียแล้ว
เหตุผลของการเดินทางที่ยาวนานนี้ นั่นเพราะประเทศของเธอมีสงคราม ทั้งยังไม่มีสถานทูตไทยในเซียร์รา ลีโอน จึงต้องเดินทางไปกานา ไนจีเรีย และเอธิโอเปีย ด้วยกระเป๋า 1 ใบ เพื่อมาไทย เธอซึ่งเป็นสาวงามคนสุดท้ายที่เพิ่งได้รับรางวัลในบ้าน จึงมาไม่ทัน แต่แฟนๆก็ไม่ทำให้ผิดหวัง พาเธอไปเที่ยวตามรอยเพื่อนๆ รวมถึงกอง ที่จัดให้ได้ดูการประกวดทุกรอบ
อีกหนึ่งเรื่องก็คงเป็นชุดราตรียาว ของ “มาเรียนา การ์ซิอา” มิสยูนิเวิร์สกัวเตมาลา ที่ใส่ในรอบพรีลิมินาลี ที่ทำให้เธอเดินดูไม่คล่องแคล่ว จนมีคนบอกว่าเธอถึงกับร้องไห้หลังเวที จนเธอออกมากล่าวผ่านอินสตาแกรมว่า ชุดของเธอพัง ไม่ว่าจะซ่อมอย่างไร ชุดก็ยังติดระหว่างขา และ รองเท้าของเธอ ทำให้เธอเป็นกังวลตลอดโชว์ แต่อย่างไรก็จะทำให้ดีที่สุด เพราะการเป็นตัวแทนกัวเตมาลาเป็นเกียรติอันสูงสุด
นางงามจักรวาล คืนเวที
หลังจากแถลงข่าวใหญ่ ว่าไทยจะเป็นเจ้าภาพปีนี้ ชื่อของ ปุ๋ย – ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก มิสยูนิเวิร์สคนที่ 2 ของไทย ก็ปรากฏออกมาว่าจะมานั่งเป็นกรรมการในปีนี้ด้วย ซึ่งปีนี้ถือเป็นปีแรกที่กรรมการตัดสิน เป็นชุดเดียวกันทั้งรอบอุ่นเครื่องและรอบไฟนอล ถือเป็นการคัมแบ็กเมืองไทยของนางงามจักรวาลไทย ฉลองครบ 30 ปี พอดิบพอดี
นั่งตัดสินรอบแรกเป็นที่เรียบร้อย ปุ๋ย ก็โพสต์ซึ้งลงเฟซบุ๊ก ว่า เต็มตื้นที่ได้อยู่หน้าเวทีมิสยูนิเวิร์สอีกครั้ง เมื่อได้เห็นสาวงามนำเสนอประเทศชาติของพวกเธอด้วยความภูมิใจ พากลับไปสู่ความทรงจำที่เต็มไปด้วยความรู้สึก ก่อนจะทิ้งท้ายอวยพรสาวงามให้โชคดี และว่านี่คือประสบการณ์ครั้งเดียวในชีวิต
ถือเป็นความภูมิใจในนามของคนไทย อย่างที่สุด
ปังจนขอเป็นเจ้าภาพทุกๆปี
แม้จะมีดราม่า หรือเรื่องราว ท้าทายความสามารถของผู้จัดไทย แต่ก็เป็นที่ประจักษ์ในสายตาของแฟนนางงามโลกแล้วว่า การประกวด “มิสยูนิเวิร์ส 2018” ปังจริง
เริ่มตั้งแต่การประกวดรอบชุดประจำชาติ ที่ยิ่งใหญ่ อลังการ ต่างจากรอบชุดประจำชาติในประเทศอื่นๆ หรือการประกวดรอบอุ่นเครื่องและรอบตัดสิน ที่นำเอาเวที ซูเปอร์เอ็กซ์ มาจัดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ทำให้ผู้ชมได้เห็นนางงาม 360 องศา
รวมถึงแสง สี เสียง จอแอลอีดี ที่ได้ทีมงานที่เคยทำ ออสการ์ และซูเปอร์โบวล์ มารังสรรค์ให้บวกกับเพลง และโชว์
ที่เรียกว่าเลิศ จนทำให้แฟนนางงามชื่นชมสุดๆ กระทั่งเข้ามาคอมเมนต์ว่า ไทยแลนด์ เป็นเจ้าภาพที่ดีที่สุด และอยากให้จัดทุกๆปี
