Yakiniku Aroi

ผมไม่ได้ไปเดินแถว “ธนิยะ” มานาน บริเวณนี้เป็นแหล่งท่องราตรีของชาวญี่ปุ่น คึกคักไม่แพ้ “พัฒน์พงศ์” ที่ฝรั่งจะเป็น “เจ้าถิ่น” ส่วนไทยๆ อย่างเรา เข้าออกได้ตามสถานการณ์ และการต้อนรับ บาร์ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่รับคนไทย หรือถ้ารับก็อาจโดน “ชาร์จ” จนหมดตัว ในขณะที่บาร์ฝรั่งเที่ยว เรานั่งไปก็ดู “ผิดที่ผิดทาง”

อย่างว่า สมัยหนุ่มๆ โลดแล่นได้ เดี๋ยวนี้ “ล้างมือในอ่างทองคำ” เลิกมานาน จนวันก่อน มีพรรคพวกชวนไปชิมอาหารร้านอาหารแถวนั้น ผ่านไปนึกว่าจะรู้สึกว่าได้มา “เปิดหูเปิดตา” แต่กลับเดินทะลุถนนเส้นนั้นด้วยความ “เขินๆ” ด้านเพื่อนชาวญี่ปุ่นที่ไปด้วยก็ “อาวุโส” เช่นผม เลิกราแล้วเหมือนกัน เดินก้มหน้าก้มตาเสมือนกลัว “ตบะแตก”

แหม…ก็ “สาวๆ” ยืนกันเป็น “ฝูง” เสียง “เจี๊ยวจ๊าว” เรียกแขกกันนัว แต่ปรากฏว่า มีนักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นที่แต่งตัวใส่สูท เป็นนักธุรกิจเดินบ้างเป็นกลุ่มๆ จำนวนไม่มากเท่าที่คิด จำนวนผู้หญิงทำงานมากกว่าผู้ที่ “อาจ” เป็น “ลูกค้า”

เพื่อนวิเคราะห์ทันทีว่า “เศรษฐกิจไม่ดี” ที่ไม่ดีนั้นทั้งที่ญี่ปุ่นและที่เมืองไทย พนักงานบริษัทญี่ปุ่นที่เมื่อก่อนมี “งบบริษัท-Corporate Account” เบิกจ่ายได้สนุกสนาน “Entertain” ได้ไม่อั้น ปัจจุบันโดนตัดเรียบ สิ้นสุด “ยุคทอง” ด้านไทยเรา “เงื่อนไข” ก็ไม่ “ดึงดูด” ให้มีธุรกิจใหม่เกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ยังมีบริษัทอยาก “ย้ายฐาน” ญี่ปุ่นบริษัทใหญ่ๆ ไปแล้วไม่กลับมา

Advertisement

ว่าแล้วรีบไปที่หมาย หาอะไรกินดีกว่า แก้กลุ้ม!!

ยากินิกุ02

ร้าน “ยากินิกุ อร่อย-Yakiniku Aroi” ตั้งอยู่เยื้องตรงสามแยกที่ถนนธนิยะตัดกับถนนสุรวงศ์ เข้าทางสุรวงศ์ ธนิยะอยู่ซ้าย ร้านอยู่ขวา หาง่าย จอดรถในธนิยะคอมเพล็กซ์ใกล้ๆ

Advertisement

“ยากินิกุ” แปลว่า “ปิ้งย่าง” ส่วน “อร่อย” คือ “โออิชิ” นั่นเอง อิอิ

ผมถามทางผู้จัดการร้านว่า ทำไม่ใช้คำว่า “อร่อย” โดนตอกกลับว่า คนไทยยังเอาคำว่า “โออิชิ” ไปตั้งชื่อเลย ครับ “ยอมจำนน” ต่อเหตุผล

ร้านนี้ตั้งมากว่า 10 ปี ดูภายนอกจะเป็นร้านเล็กๆ ห้องแถวเดียว แต่พอเข้าไป มีหลายชั้น เป็นห้องๆ ออกแบบได้ดี นั่งสบาย

ไม่อึดอัด ใช้วัสดุตกแต่งสวยทั้งไม้และเก้าอี้เบาะหนัง มี “เตาปิ้งย่าง” ที่ใช้ถ่านกลางโต๊ะ

ของที่ “ปิ้งย่าง” ก็มี “เนื้อวากิว” เกรด A4 จากวัว “คุโรเกะ”

ที่ “คิวชู” ซึ่งเขาเลือกตรง “Strip Loin” มาใช้ โฆษณาว่าเป็นส่วนที่ดีที่สุด คงเป็นอย่างนั้น เพราะย่างเสร็จเข้าปากแทบไม่ต้องเคี้ยว นุ่มมาก

ตามด้วย “ลิ้นวัว” ผมเคยทานแต่ “สตูลิ้ววัว” แบบฝรั่ง แต่ลิ้นวัวย่างไม่เคย ที่นี่เขาแนะนำให้โรยหอม บีบมะนาว หนืดๆ หน่อย แต่เคี้ยวง่าย อร่อยสมชื่อร้านครับ

ใครไม่กินเนื้อวัว มีเนื้อหมู “คุโรบูตะ” เป็น “หมูดำ” ไม่ใช่ “หมูแดง” กินได้ไม่ต้องปรับทัศนคติ มีทั้งเนื้อสันใน สันนอก สันคอ และสามชั้น ถึงตรงนี้ไม่ต้องบอกอีกก็ได้ว่า “นุ่ม” จริงๆ

ด้าน “น้ำจิ้ม” มีแบบรส “เข้มข้น” เรียก Koikuchi และ “เบา” ขึ้นมาหน่อยเรียก Usukochi ใส่กา ติดป้ายชัดเจน

ทั้งสองเป็นการผสมจากพื้น “โชยุ” ซึ่งน่าจะใช้หมักเนื้อด้วย (ผู้จัดการร้านไม่ยอมบอก) ทำให้มีรสชาติกลมกล่อม

ส่วนใครจะขอพริกแบบไทยๆ ทางร้านเขาก็ “จัดให้”

ยากินิกุ

ที่ขาดไม่ได้ จะเป็น “ข้าวยำ” แบบเกาหลี และ “ซุปเนื้อ” เพื่อนผมบอกว่า วัฒนธรรมปิ้งย่างแบบนี้ ญี่ปุ่นได้อิทธิพลจากเกาหลี จึงมีข้าวยำมาด้วย โดยที่รสชาติจะเนียนกว่า ไม่แหลมสไตล์เกาหลี แต่นุ่มนวลแบบญี่ปุ่น

เมนูที่ขอบอกว่า “อย่าพลาด” เข้าร้านมาไม่กินอย่างอื่น สั่ง “ซุปเนื้อ” อย่างเดียว “คุ้ม” สุดสุด ซดร้อนๆ กลิ่นหอม เนื้อไม่เหนียว ได้ข้าวสวยร้อนๆ ก็พอ

ตบท้ายด้วยไอศกรีม “ชาเขียว” ล้างปาก อิ่มกลับที่จอดรถโดยไม่แวะเวียน!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image