รู้จัก ‘พลอย ปิ่นแสง’ สปอร์ตเกิร์ล ที่ชีวิตไม่ได้มีแค่ด้านเดียว

รู้จัก ‘พลอย ปิ่นแสง’ สปอร์ตเกิร์ล ที่ชีวิตไม่ได้มีแค่ด้านเดียว

เอ่ยถึง “พลอย ปิ่นแสง” ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของ กนกศักดิ์ ปิ่นแสง นายกสมาคมขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสาวสังคมชื่อดัง นักกีฬาขี่ม้าโปโลทีมชาติไทย ที่คว้าชัยมาแล้วทั่วโลก และสาวสปอร์ตี้ เจ้าของสตูดิโอปั่นจักรยานแนวใหม่ ในชื่อ Tribe ย่านชิดลม

แต่กับอีกภาคหนึ่ง น้อยคนนักจะรู้ว่าเธอหลงใหลในโลกของเครื่องประดับเข้าเต็มเปา จนถึงขั้นออกแบบและผลิตเอง ในชื่อ cosmic kids ที่เผยให้เห็นอีกความสามารถของเธอที่น้อยคนจะนึกถึง

แม้ทั้ง 2 สิ่ง อาจจะดูไม่ค่อยน่าจะบรรจบได้ แต่พลอยก็บอกว่า หลงรักในบรรดาเครื่องประดับก็เพราะต้องเดินทางไปแข่งทั่วโลกนั่นเอง

พลอย ปิ่นแสง กับคุณพ่อ กนกศักดิ์ ปิ่นแสง

Advertisement

 

ย้อนกลับไปเมื่ออายุได้ 4 ขวบ พลอยบอกว่าด้วยความเป็นเด็กที่โตเกินเกณฑ์ จึงได้เริ่มเรียนขี่ม้าครั้งแรกตั้งแต่ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ขณะที่คนอื่นต้องเริ่มเรียนตอน 5-6 ขวบ ชีวิตหมดเวลาไปกับคอกม้า เรียกได้ว่าเริ่มหัดถักเปียก็เพราะม้านี่เอง จากขี่ม้าขยับสู่การ

กระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง จนมีโอกาสได้ไปแข่งขันทั่วโลก ทั้งที่เยอรมนี อังกฤษ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนกระทั่งปี 2007 เธอเกิดอุบัติเหตุ พลาดการเก็บคะแนนสุดท้ายทำให้อดรับใช้ชาติในซีเกมส์ครั้งนั้น

Advertisement

“ตอนนั้นพลอยเหมือนหัวใจสลาย”

“ตั้งแต่เด็ก เรารักการขี่ม้ามาก ชีวิตจิตใจคิดแต่เรื่องนี้ อยากมีธงแปะที่หน้าอกมาตลอด เสียใจอยู่นานมาก”

แต่แล้ว โชคชะตาก็ทำให้เธอได้กลับมาลงสนามหญ้าอีกครั้ง เมื่อ เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา คุณอาที่เธอรักมาก ชวนเธอมาขึ้นหลังม้าลงสนามอีกครั้งกับกีฬาขี่ม้าโปโล ที่ครั้งนี้เธอมุ่งมั่นเต็มที่ จนได้เป็นนักกีฬาทีมชาติไทย

“พอมาเล่นแล้วรู้เลยว่ายากมาก แต่พลอยโชคดีที่มีทักษะการขี่ม้าอยู่แล้ว จึงเหลือแต่การฝึกตีลูก อาทิตย์นึงจะต้องไปฝึก 5 วันเป็นอย่างน้อย วันละ 1-2 ชั่วโมง อินมากขนาดที่ว่าหากได้นอน 6 โมงแล้ว 7 โมงต้องตื่นไปซ้อม พลอยก็จะไป”

“ในสนามพลอยจะรับหน้าที่เป็นคนไปเบียด แย่งลูก ม้าที่เราใช้ก็จะตัวใหญ่ๆ หนักๆ เพราะพลอยตีไม่ค่อยเก่งแต่ขี่ม้าดี เมื่อเริ่มเก่งก็เริ่มไปแข่ง ไปหลายที่ทั่วโลก จนกระทั่งได้เป็นตัวแทนประเทศไปแข่งซีเกมส์ที่มาเลเซีย ได้เหรียญเงินมา ครั้งนั้นถือเป็นความภูมิใจที่สุด”

กับราชวงศ์ต่างประเทศ

แต่นอกจากกีฬาขี่ม้าโปโลจะทำให้เธอได้เดินทางไปแข่งขันทั่วโลกแล้ว ยังทำให้เธอได้มีเพื่อนทั่วโลกด้วย

พลอยเผยว่า บางคนมองว่าโปโลเป็นกีฬาคนรวย แต่ที่จริงไม่ใช่เลย โปโลเป็นกีฬาเดียวที่ราชวงศ์และคนขี่ม้าจะนั่งดื่มชาร่วมกันได้ เพราะในสนามทุกคนเท่ากัน และยังเหมือนเป็นพาสปอร์ตให้เราได้เปิดโลก ทุกวันนี้หากพลอยเดินทางไปไหนก็มักจะหาว่ามีแมตช์ไหนแข่งอยู่ไหม และไปขอร่วมทีมแข่งกับเขาด้วย ถ้าอยู่เมืองไทยก็จะซ้อมตลอด เพราะพลอยยังมีเป้าหมายที่จะติดทีมชาติ และทำให้โปโลบรรจุในซีเกมส์ต่อไป

ไม่เพียงแต่กีฬาขี่ม้าโปโล ที่เธอเรียกว่าหลงรักจนยกให้เป็นเบอร์ 1 แล้ว กับกีฬาชนิดอื่น พลอยก็ชื่นชอบ และทำได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะกับกีฬาปั่นจักรยานแนวใหม่ ซึ่งแค่เล่นเธอก็เริ่มติดใจ จนเอาจริงเอาจังถึงขนาดเปิดเป็นสตูดิโอจักรยานเอง

“ตั้งแต่เด็ก คุณพ่อจะสอนว่าเรื่องกีฬา ดนตรี ศิลปะ เป็นเรื่องที่เราต้องฝึกฝน เราถึงจะทำได้ดี เมื่อได้ลองปั่นจักรยาน พลอยก็ชอบมาก เพราะไม่ใช่แค่ปั่นจักรยาน แต่ได้เล่นเวทไปพร้อมกัน ถึงกับเอาเครื่องไปไว้ที่บ้าน ลดน้ำหนักไปครั้งเดียว 25 กิโลกรัมเลย

จนเรามาคิดได้ว่า จริงๆ ไลฟ์สไตล์คนเมืองไม่ค่อยมีเวลา ทำงานแล้วก็กลับไปนั่ง ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ก็เลยร่วมกับเพื่อนสนิท พสุ ลิปตพัลลภ และ ณัฐภาณุ์ ศรียุกต์สิริ เปิดสตูดิโอปั่นจักรยาน ที่มีเวลาไม่นานก็เข้ามาเล่นได้ก่อนออกไปทำงานต่อ บวกกับตอนนั้นเราอิ่มตัวกับงานธนาคาร พลอยจึงออกมาลุยเต็มตัว ที่นี่พลอยสอนเองด้วย ไปเรียนที่ต่างๆ ที่เขาว่าดี มาปรับสอน นอกจากนี้ก็ยังออกแบบแอคเซสเซอรี่ต่างๆ รับกับสไตล์ของคน ที่ชอบสตรีทแวร์กำลังมาแรง”

เมื่อสตูดิโอของเธอกำลังไปได้ดี พลอยจึงเริ่มนำเอาความชอบส่วนตัวอย่าง “เครื่องประดับ” ที่รักมากตั้งแต่เด็กๆ มาเริ่มโปรเจ็กต์ใหม่

พลอยเผยว่า ตั้งแต่เด็ก พลอยเป็นเด็กอ้วน ไม่ค่อยจะมีเสื้อผ้าสวยๆ ใส่ ก็จะซื้อเครื่องประดับแทน โดยเฉพาะแบบพวกชนเผ่าพื้นเมือง จะชอบมาก ยิ่งเราได้เดินทางไปต่างประเทศ ได้ไปเห็นสไตล์เครื่องประดับแปลกๆ เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งตัวได้ พอวันหนึ่งได้ไปศึกษาเรื่องหินที่บาหลี เพราะจะนำมาปรับใช้กับสตูดิโอ ให้เป็น wellness center ก็ไปเห็นแอคเซสเซอรี่น่ารักๆ มองว่าเมืองไทยยังไม่ค่อยมีอะไรแบบนี้ เราเลยลองนำเข้ามาขาย ซึ่งไม่ใช่แค่นำเข้า เราก็นั่งร้อยเอง ออกแบบเอง มาขายด้วย วัสดุต่างๆ ก็มาจากที่เก็บสะสมมา

“เวลาไปแข่งที่ไหน พลอยก็จะชอบไปเดินตลาดที่นั่น ซื้อแอคเซสเซอรี่เก็บไว้ บางอย่างหายากและมีชิ้นเดียวในโลก เช่นที่เอธิโอเปีย หากชอบชิ้นไหน ก็ต้องไปถอดจากคอเขามาเลย วันนึงๆ จะต้องใส่สักชิ้นติดมือตลอด แม้กระทั่งตอนสอนจักรยาน จนได้นำออกมาขายกับเพื่อนๆ เริ่มขายตามเทศกาลต่างๆ เล็กๆ น้อยๆ จากตอนแรกที่ทำเพราะชอบเฉยๆ ก็มาคิดว่าต้องทำให้จริงจังมากขึ้น”

 


แม้ว่าอาจจะไม่ได้เงินมากนัก แต่ก็มีความสุขที่ได้ทำ


“พลอยถือคติว่า หากทำอะไรแล้วต้องดีที่สุดแม้จะยากหรือลำบาก ไม่งั้นก็ไม่ทำเสียดีกว่า งานขายสร้อยแม้จะได้เงินไม่เยอะ ได้แค่เส้นละไม่กี่ร้อย แต่มันก็คือเงิน คุณพ่อสอนว่าอย่าคิดว่าเรารวย แม้ว่าจะเป็นสิ่งเล็กน้อยแต่หากจะทำก็ต้องทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะโปโล จักรยาน หรือว่าเครื่องประดับก็ตาม”

“ซึ่งถ้าเลือกทำสิ่งที่เรารักแล้ว มันจะไม่มีวันเหนื่อยเลย” พลอยทิ้งท้าย


 

ติดตามข่าวบันเทิงไลฟ์สไตล์ กับ Line@มติชนนิวเจน

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image