ที่มา | สรรหา มาเล่า มติชนรายวันหน้า 18 |
---|---|
ผู้เขียน | [email protected] |
เผยแพร่ |
รุ่นใหญ่ออกโรง “ดัชเชสแห่งยอร์ก” เผยในอดีต เคยถูกเปรียบเป็น “คู่แข่ง” กับเจ้าหญิงไดอานา มาตลอด
ดัชเชสแชห่งยอร์ก หรือ ซาร่าห์ เฟอร์กูสัน อดีตพระชายาเจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก เขียนเล่าในนิตยสาร Hello ว่าเรื่องราวของดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ พระชายาเจ้าชายวิลเลียม และดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ พระชายาเจ้าชายแฮร์รี “คู่สะใภ้หลวง” ของราชวงศ์อังกฤษที่ถูกพูดถึงอย่างไม่เหมาะสมในโลกโซเชียล หรือที่เรียกว่าถูกบูลลีอิง หรือถูกกลั่นแกล้ง รังแกในโลกออนไลน์ ทำให้พระองค์หวนระลึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เคยถูกนำไปเปรียบเทียบ และกล่าวหาว่าเป็น “คู่แข่ง” กับเจ้าหญิงไดอานา อดีตพระชายาเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และเป็นพระมารดาของเจ้าชายแฮร์รี่และเจ้าชายวิลเลียม
ดัชเชสแห่งยอร์ก ซึ่งหย่าขาดจากเจ้าชายแอนดรูว์ พระโอรสองค์ที่ 2 ในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษมานาน 23 ปี หากแต่ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันกับอดีตพระสวามีพระชันษา 58 ปี ซึ่งมีพระธิดาด้วยกัน 2 พระองค์คือ เจ้าหญิงเบียทริซแห่งยอร์ก และเจ้าหญิงยูจีนี เผยว่า ทรงรู้สึกตกใจที่เห็นการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ในโลกออนไลน์ที่เต็มไปด้วยถ้อยคำรุนแรง น่ากลัว หากแต่นับวันยิ่งเห็นถ้อยคำแบบนี้มากขึ้น
ในตอนหนึ่งของจดหมาย ดัชเชสแห่งยอร์ก พระชันษา 59 ปี กล่าวว่า “การกลั่นแกล้งรังแก การพูดใส่ร้าย หรือแม้แต่การเหยียดเพศ เหยียดผิวอย่างน่ากลัว และการเหยียดคนรักเพศเดียวกัน กลายเป็นเรื่องธรรมดาในโลกออนไลน์ และโดยเฉพาะ ผู้หญิงที่มักจะถูกนำมาพูดเชิงเปรียบเทียบกันในแบบที่ทำให้ฉันนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ผู้คนพยายามสร้างภาพให้ฉันกับไดอานาเป็นศัตรูคู่แข่งกันตลอดเวลา ทั้งที่เราทั้งสองไม่เคยรู้สึกต่อกันแบบนั้นเลย”
ทั้งนี้ ดัชเชสแห่งยอร์ก ซึ่งร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการของนิตยสาร Hello ที่รณรงค์ให้ผู้คนมีน้ำใจ มีความเห็นอกเห็นใจกันในการแสดงความคิดเห็นผ่านโลกโซเชียล โดยนิตยสารดังได้แรงบันดาลใจที่ทำให้ผุดโครงการนี้ขึ้นมา จากข่าวของดัชเชสแห่งเคมบริดจ์และดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ที่ตกเป็นเหยื่อถูกกลั่นแกล้งในโลกออนไลน์ ตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ว่า เจ้าหน้าที่ของพระราชวังเคนซิงตันต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงในการเฝ้าจับตาดูข้อความต่างๆ ทั้งจากในไอจี ของพระราชวังเคนซิงตัน ที่เข้าข่ายบูลลีอิงต่อดัชเชสทั้งสองพระองค์ กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่สื่อต้องร่วมมือกันจัดการกับปัญหานี้ที่นับวันในโลกออนไลน์ยิ่งเหมือนท่อระบายของเสีย
“มันถึงเวลาที่เราต้องเผชิญกับความจริงที่ว่า โลกโซเชียลนับวันยิ่งเหมือนท่อระบายน้ำทิ้ง ผู้คนต่างรู้สึกว่า พวกเขามีสิทธิจะพูดอะไรก็ได้ในโลกออนไลน์ ที่พวกเขาไม่เคยนึกฝันว่าจะกล้าพูดกับใครต่อหน้า แล้วยังยุยงให้คนอื่นเข้าร่วมวงด้วย มันกลายเป็นสิ่งที่มีให้เห็นเต็มไปหมด แล้วพวกเราก็ได้แต่นิ่งเงียบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะต้องยืนหยัด นี่ไม่ใช่เรื่องของสิทธิเสรีภาพในการพูด แต่ความจริงก็คือ การโพสต์ข้อความที่เป็นการทำร้าย ใส่ร้าย ข่มขู่ คุกคามบนสื่อโซเชียล หรือในเว็บข่าวต่างๆ เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และการพูดจาด่าว่าผู้คนที่ไม่เห็นด้วยกับคุณ ก็เป็นสิ่งที่ไม่เป็นที่ยอมรับเช่นกัน และการที่นำผู้หญิงคนหนึ่งไปเปรียบเทียบ เป็นคู่ปรับกับผู้หญิงอีกคนตลอดเวลา ก็เป็นสิ่งที่ไม่เป็นที่ยอมรับ”