คนเล็ก หัวใจใหญ่ นักสังคมสงเคราะห์ดีเด่น ‘อุทิศชีวิต’ เพื่อผู้อื่น

นักสังคมสงเคราะห์ดีเด่น

คนเล็ก หัวใจใหญ่ นักสังคมสงเคราะห์ดีเด่น “อุทิศชีวิต” เพื่อผู้อื่น

นักสังคมสงเคราะห์ดีเด่น – เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้สนใจ และเป็นกำลังใจให้คนทำงานด้านสังคมสงเคราะห์ ยืนหยัดเดินหน้าช่วยเหลือสังคมต่อไป

กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จึงร่วมกับ มูลนิธิศาสตราจารย์ปกรณ์ อังศุสิงห์ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ และภาคเครือข่าย จัดงานพิธีประกาศเกียรติคุณนักสังคมสงเคราะห์ดีเด่น ประจำปี 2561 เนื่องในวันปกรณ์ 62 ณ ห้องประชุมชั้น 2 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ โดยได้ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ

ซึ่งปีนี้มีนักสังคมสงเคราะห์วิชาชีพ นักสังคมสงเคราะห์อาสาสมัคร และผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ ได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัล 23 คน

เบื้องหน้าผู้ได้รับรางวัลทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้ม มีคนมากมายร่วมแสดงความยินดี แต่เบื้องหลังทุกคนต่างมีเรื่องราวน่าสนใจ เพราะได้เสียสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น

Advertisement

เริ่มที่ นายสุรชัย สุขเขียวอ่อน หรือครูอ๊อด จากพื้นเพเดิมเป็นเด็กเร่ร่อนข้างถนนมาก่อน ได้รับความช่วยเหลือและการศึกษา จนกลับมาเป็นอาสาสมัครดูแลเด็กเร่ร่อนข้างถนนมากว่า 30 ปี ในฐานะผู้อำนวยการมูลนิธิบ้านนกขมิ้น ได้รางวัลประเภทผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ดีเด่น เล่าว่า รู้สึกเป็นเกียรติและดีใจที่ได้รับรางวัลนี้ เพราะเหมือนเป็นกำลังใจให้คนทำงาน เป็นความภาคภูมิใจแก่ตัวเอง

บ้านนกขมิ้น มีสาขาหลักอยู่ที่กรุงเทพฯ สาขาย่อยอยู่ในหลายจังหวัด อาทิ เชียงใหม่ เชียงราย สุโขทัย อุทัยธานี ฯลฯ ปัจจุบันดูแลเด็กเร่ร่อนและเด็กข้างถนนรวม 200 กว่าคน ด้วยระบบครอบครัวทดแทน คือสต๊าฟของมูลนิธิคอยดูแลฟื้นฟูเด็กเสมือนเป็นพ่อแม่คนหนึ่ง ตั้งแต่การส่งเสริมการศึกษา เป็นที่ปรึกษา ให้กำลังใจ ทำให้เด็กหลายคนสามารถเรียนจบปริญญาตรีและมีชีวิตที่ดี หลายคนก็กลับมาเป็นอาสาสมัครช่วยงานที่มูลนิธิ

“งานตรงนี้มันมีความสุข สุขที่ได้เห็นเด็กคนหนึ่งได้เติบโตเป็นคนดี มีอนาคตที่ดี”

Advertisement

ครูอ๊อดเชิญชวนคนในสังคมร่วมสนับสนุนมูลนิธิบ้านนกขมิ้นผ่านโครงการเหลือขอ คือหากมีสิ่งของอะไรไม่ใช้ ส่งมาให้มูลนิธิเพื่อขายนำทุนมาช่วยเหลือเด็ก พร้อมเปิดแผนสร้างศูนย์แรงบันดาลใจ ด้วยการนำกิจกรรมดนตรีและกีฬามาให้เด็กด้อยโอกาสเหล่านี้ได้เรียนรู้และค้นหาตัวเอง ซึ่งตั้งเป้าจะทำให้ได้ในปีนี้

ขณะที่ นางนภัสกรณ์ ธูปแก้ว จากข้าราชการกระทรวงยุติธรรม สู่ผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนและครอบครัว จ.ชัยนาท ปัจจุบันเป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดชัยนาท ได้รางวัลประเภทนักสังคมสงเคราะห์อาสาสมัครดีเด่น เล่าว่า หลังลาออกจากราชการก็ยังรักงานสังคมสงเคราะห์ที่ได้ร่ำเรียนมาจากคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโท จึงมาเป็นผู้พิพากษาสมทบ ทำงานช่วยเหลือคดีเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนให้ได้รับการคุ้มครองบำบัดฟื้นฟู ทำมา 12 ปี กระทั่งมาได้รับเลือกเป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรี ทำให้มีโอกาสได้ทำงานช่วยเหลือผู้หญิงด้วย

นภัสกรณ์ใช้ศาสตร์สังคมสงเคราะห์ในการพัฒนาสตรี เธอเล็งเห็นผ้าทอมือซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สวยงาม จะสามารถสร้างรายได้และอาชีพให้กับชาวบ้านได้ จึงนำร่องในชุมชนลาวเวียง บ้านเนินขาม จ.ชัยนาท พัฒนาจนได้เป็น “ผ้าทอลายช่อใบมะขาม” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน จากนั้นก็พลิกฟื้นการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในชุมชน พยายามส่งเสริมให้กระบวนการธรรมชาติ อาทิ สีธรรมชาติ พร้อมหาช่องทางขาย จนชาวบ้านมีอาชีพและรายได้มั่นคง และปัจจุบันยังได้รับเลือกจากกรมการพัฒนาชุมชนให้เป็น 1 ใน 111 หมู่บ้านโอท็อปเพื่อการท่องเที่ยว

“ภูมิใจมากที่ได้เข้ามาพัฒนาตรงนี้ ในอนาคตยังคิดอีกว่าจะขยายผลไปยังผลิตภัณฑ์อื่นๆ อาทิ กระเป๋า ของที่ระลึก นอกเหนือจากทอผ้าผืนใหญ่ รวมถึงเริ่มพัฒนาในชุมชนต่างๆ ของ จ.ชัยนาท อย่างจริงจัง”

สิ่งหนึ่งที่ทำให้นภัสกรณ์เป็นหญิงเก่งแถวหน้าของ จ.ชัยนาท “เพราะดิฉันศึกษาหาความรู้ให้ตัวเองอยู่ตลอด โดยเฉพาะความรู้ที่เกิดขึ้นใหม่ ขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งงานสังคมสงเคราะห์ที่เคยเรียนมา ไปอบรมตลอด ทั้งหมดนี้จะช่วยให้เรารู้ว่าจะสามารถพัฒนาเด็กเยาวชน สตรี ผู้ด้อยโอกาสได้อย่างไร” นภัสกรณ์กล่าว

ผ้าทอลายช่อใบมะขาม (6)

การทำงานที่ยิ่งใหญ่

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image