นางแบบข้ามเพศ ร้อง วลพ.วินิจฉัยคำนำหน้านาม ชี้ประสบปัญหามากเวลาเดินทางตปท.
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ กรุงเทพฯ นิชนัจทน์ สุดลาภา หรือซาริน่า ไทย นางแบบข้ามเพศชื่อดัง ยื่นจดหมายร้องเรียนยังคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ (วลพ.) กรณีได้รับผลกระทบจากคำนำหน้านามบนหนังสือเดินทางข้ามประเทศไม่ตรงกับเพศสภาพ ทำให้มีปัญหาต่อการเดินทางไปต่างประเทศ โดยมี นางสาวสิริวรรณ เย็นตั้ง ผู้อำนวยการกองส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ในฐานะเลขานุการ วลพ.รับจดหมายร้องเรียน
ซาริน่า ไทยกล่าวว่า ตนเคยร้องเรียนเรื่องถูกเลือกปฏิบัติเพราะเหตุแห่งเพศมาแล้วครั้งหนึ่งตอนปี 2557 ที่ไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านอาร์ซีเอแล้วถูกห้ามเข้าเพราะคำนำหน้านามไม่ตรงกับเพศสภาพ ตอนนั้นรู้สึกเสียใจอย่างมาก คิดว่าการเป็นคนข้ามเพศเป็นเรื่องผิดหรือ ซึ่งตอนนั้นยังไม่มี พ.ร.บ.ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ.2558 จึงไปร้องขอความเป็นธรรมกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ซึ่งได้เรียกผู้ถูกร้องมาชี้แจงและเกิดการขอโทษในที่สุด แต่ที่ผ่านมาตนและเพื่อนๆก็ยังถูกเลือกปฏิบัติเพราะเหตุแห่งเพศอย่างนี้มาตลอด อย่างเมื่อเร็วๆนี้ก็สถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิทที่ไม่ให้หญิงข้ามเพศเข้าใช้บริการ โดยอ้างว่าหญิงข้ามเพศชอบมาสร้างปัญหาค้าประเวณี ทั้งที่ไม่ว่าเพศชายหรือหญิงก็สร้างปัญหานี้ได้เหมือนกัน
และล่าสุดกับปัญหาคำนำหน้านามบนหนังสือเดินทางข้ามประเทศหรือพาสสปอร์ตที่ไม่ตรงเพศสภาพ ซึ่งคนข้ามเพศจะประสบปัญหามากเวลาเดินทางไปยังประเทศจีน สิงคโปร์ หลายคนถูกกักที่ตรวจคนเข้าเมืองเพื่อขอตรวจสอบ เสียเวลาหลายชั่วโมง ขณะที่ตนกำลังเดินทางไปจีนซึ่งมีคำพูดจากบริษัทเอเจนซี่ที่พาไปว่าขอให้แต่งกายเป็นผู้ชายมานะ จะได้ไม่มีปัญหาเวลาเข้าประเทศจีน ฉะนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอย่างนี้กับคนข้ามเพศคนอื่นๆ ตนจึงยื่นคำร้องกับ วลพ.เพื่อให้วินิจฉัยแก้ไขคำนำหน้านามตามเพศสภาพกับสำนักทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง เพื่อไม่ให้คำนำหน้านามเป็นอุปสรรคต่อคนข้ามเพศ และอาจรวมไปถึงการผลักดันให้มี พ.ร.บ.การรับรองเพศ พ.ศ….ให้เกิดขึ้นด้วย และฝากประเด็นนี้ไปยังพรรคการเมืองต่างๆด้วย
ด้าน นางสาวสิริวรรณกล่าวว่า ขั้นตอนจากนี้คือเราจะดูว่าคำร้องได้กรอกแบบฟอร์ม ยื่นเอกสารหลักฐานครบถ้วนไหม จากนั้นจะยื่นให้คณะกรรมการ วลพ.พิจารณาว่าอยู่ในขอบเขตกฎหมายที่ให้อำนาจไหม หากอยู่ในอำนาจก็จะดำเนินการไต่สวนและวินิจฉัยต่อไป ซึ่งจะประชุมวันที่ 5 หรือ 6 มีนาคมนี้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาก็เคยมีคำร้องเรียนแบบนี้เข้ามา แต่ยังไม่เคยเข้าสู่การพิจารณา เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องหลายกฎหมายและหลายหน่วยงาน ทำให้ผู้ร้องขอยกเลิกคำร้องไปเอง
ทั้งที่ปัญหาคำนำหน้านามไม่ตรงกับเอกสารราชการนี้สร้างผลกระทบมากต่อคนข้ามเพศ อย่างเลือกตั้งที่ผ่านมาก็เช่นกัน ที่คนข้ามเพศหลายคนไปใช้สิทธิ์แล้วถูกจับกุมไปสถานีตำรวจฐานปลอมแปลงเอกสาร ฉะนั้นเลือกตั้งครั้งนี้แนะนำคนข้ามเพศโดยเฉพาะที่แปลงเพศมาให้นำใบรับรองแพทย์ที่ระบุถึงการผ่าตัดแปลงเพศติดไปด้วย
