“ชุมชนไม่จำเป็นต้องไปหาตลาดที่ไหน ชุมชนมีอะไรที่น่าสนใจแล้วดึงคนเข้ามาหาในพื้นที่ จะเป็นวิถีที่ดีและยั่งยืน”
ปัจจุบันชุมชนแห่งนี้ได้รับการพัฒนาจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งล่าสุด กรมการค้าต่างประเทศได้เข้ามามีส่วนร่วมช่วยขับเคลื่อนให้ชุมชนแห่งนี้กลายเป็นชุมชนต้นแบบด้านการเกษตรที่มีความเข็มแข็ง สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตนเอง
การส่งเสริมและพัฒนาภาคเกษตรในจังหวัดต่างๆให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เป็นอีกหนึ่งทางออกที่จะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้แข็งแรงอย่างเช่นหมู่บ้านท่องเที่ยวเกษตรที่ยาวที่สุดในโลกความยาวกว่า 3 กิโลเมตรของชุมชนสายยาว ตำบลคลุงเหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ถือเป็นต้นแบบหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจในชุมชนขับเคลื่อนได้
ตลอดสองข้างทางของชุมชนแห่งนี้เต็มไปด้วยวิถีเกษตรพอเพียงที่สืบทอดกันมายาวนาน ผสมผสานกับความงามของธรรมชาติอย่างลงตัว
ปัจจุบันชุมชนแห่งนี้ได้รับการพัฒนาจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งล่าสุด กรมการค้าต่างประเทศได้เข้ามามีส่วนร่วมช่วยขับเคลื่อนให้ชุมชนแห่งนี้กลายเป็นชุมชนต้นแบบด้านการเกษตรที่มีความเข็มแข็ง สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตนเอง
คุณดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเกษตรกรอยู่ด้วยการเพิ่งพารัฐบาลค่อนข้างมาก โดยเฉพาะโครงการแทรกแซงทางการตลาด โครงการรับจำนำต่างๆ ซึ่งช่วงเวลาที่ผ่านมาพบว่าวิธีการนี้เป็นการช่วยฤดูต่อฤดูทำให้เกษตรกรไม่มีความยั่งยืน
“โครงการเศรษฐกิจพอเพียง เป็นโครงการที่จะทำให้ประชาชนและเกษตรกรอยู่ได้อย่างยั่งยืนเกษตรกรต้องยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยรัฐบาลจะคอยสนับสนุนด้านความรู้ สนับสนุนเรื่องการให้โอกาสต่างๆ รวมถึงการเข้ามาช่วยเหลือในส่วนที่เกษตรกรต้องการ ไม่ได้หยิบยืนมาเฉพาะเงิน
ในระยะต่อไปการเข้ามาพัฒนาภาคเกษตรต้องเกิดจากความร่วมมือร่วมใจจริงๆ เฉพาะนั้น ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกร ทั้ง 3 ฝ่ายร่วมมือกัน น่าจะเป็นแนวทางที่ดี ที่จะทำให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนโดยชุมชนเอง”
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ยังบอกอีกว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงคัดกรองในทุกภาค ซึ่งในแต่ละภาคจะมีชุมชนที่แข็งแรงลักษณะนี้ในหลายพื้นที่ เพื่อจะดึงชุมชนที่เป็นต้นแบบที่ดีออกมา
“การพัฒนาเกษตรกร ไม่จำเป็นต้องออกมาในรูปแบบเดียวกัน เนื่องจากแต่ละชุมชนจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไปในแต่ละชุมชน ถ้าเราพัฒนาไปตามศักยภาพและธรรมชาติที่ชุมชนนั้นมี เขาก็จะสามารถทำได้ดี”
ปัจจุบันชุมชนสายยาว เป็นตนแบบหมู่บ้านท่องเที่ยวที่มีฐานเศรษฐกิจการเรียนรู้มากกว่า 16 ฐาน ซึ่งไฮไลท์เด่นที่ไม่ควรพลาด เริ่มจากการแปรรูปน้ำตาลปึกจากน้ำอ้อย แบบดั่งเดิมไม่เหมือนใคร ซึ่ง 1 ปี ทำอยู่เพียง 5 เดือน คือ ธันวาคม – เมษายน การทอผ้า และการปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้
“การส่งออกในช่วงที่ผ่านมาส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์หรือผลผลิตทางการเกษตรยังไม่มาก เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีค่อนข้างสูง ซึ่งที่เรามองไม่จำเป็นต้องพึ่งแต่การส่งออก เกษตรกรเวลานี้มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายแล้ว ภายในประเทศเองก็เป็นตลาดใหญ่ที่รองรับได้ ซึ่งแต่ละปี ทั้งประชาชนคนไทย นักท่องเที่ยวที่เข้ามาจำนวนมาก เพราะฉนั้นการสนับสนุนเกษตรกรให้เกษตรกรเกิดความแตกต่างไม่จำเป็นต้องทำในปริมาณมาก แต่ทำให้มีการกระจายและมีความแตกต่างในแต่ละพื้นที่ที่มีความเป็นตัวของตัวเอง”อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าว