เล่นหุ้นง่ายขึ้นด้วย’จิตตะ’ เทคโนโลยีเพื่อการเงิน

เทคโนโลยีเริ่มเข้าไปมีบทบาทมากขึ้นในแทบทุกอณูของการใช้ชีวิตในปัจจุบัน รวมไปถึงการทำธุรกิจต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของ “การเงิน” ที่เรียกว่า ฟินเทค หรือเทคโนโลยีด้านการเงิน ที่มีให้เห็นเพิ่มมากขึ้นทุกวัน

จิตตะ (Jitta) ก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือเพื่อการวิเคราะห์หุ้น ที่เปิดตัวไปเมื่อมกราคม 2557 ด้วยโปรแกรมอัจฉริยะ วิเคราะห์งบการเงินของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ เวียดนาม ฮ่องกง และไทย ที่กำลังได้รับความสนใจจากบรรดานักลงทุนจำนวนมาก และทางจิตตะ ได้จับมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมันนี่ แชนเนล จัดสัมมนา Investing Transformation : วิวัฒน์การลงทุนสู่ความมั่งคั่ง ที่ได้รับเกียรติจาก นางแมรี่ บัฟเฟตต์ วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิระดับโลก อดีตลูกสะใภ้ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีผู้ประสบความสำเร็จจากการเล่นหุ้น ที่จะมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แนวคิด และกลยุทธ์การลงทุนแบบวีไอ หรือศาสตร์แห่ง

บัฟเฟตต์

แมรี่ บัฟเฟตต์ ซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือ Buffettology และเป็นที่ปรึกษาของจิตตะ กล่าวว่า ปัจจุบันผู้คนมีแนวโน้มที่จะลงทุนในตลาดหลักทรัพย์กันมากขึ้น แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจเป็นขาลง แต่มุมมองของนักลงทุนเองกลับมองว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับวีไอทั่วโลก อย่างเช่นในกรณีที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ คือการที่บริษัท เบิร์คเชียร์ แฮทอเวย์ ของวอร์เรน เข้าไปลงทุนในบริษัท แอปเปิลแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยบอกไว้ว่าจะไม่ลงทุนในบริษัทเทคโนโลยี แต่เมื่อเห็นแล้วว่าบริษัทเทคโนโลยีมีโอกาสไปได้ไกล ก็ทำการลงทุน โดยเฉพาะแอปเปิล ที่เริ่มเข้าไปทำตลาดในประเทศจีนแล้ว

Advertisement

และสำหรับประเทศไทยนั้น แมรี่มองข้อมูลจากตลาดหุ้นที่ผ่านมาแล้ว เห็นว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยนับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา ไทยถือว่ามีการซื้อขายมากที่สุดในภูมิภาค ขณะที่ผู้คนก็เริ่มหันมาลงทุนกันมากขึ้น ส่วนผลตอบแทนในการลงทุนในตลาดหุ้น ก็ถือว่าสูงมาก ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลกเพียงเล็กน้อย และเป็นการให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในทองหรือเงินฝากธนาคาร โดยมูลค่าการซื้อขายต่อวันเมื่อเทียบกับประเทศในอาเซียน ของไทยถือว่าสูงเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักลงทุนไทยมีแอ๊กทีฟ มีกิจกรรมเรื่องการซื้อขาย แต่การที่จะซื้อขายได้มากขนาดนี้ ย่อมแปลว่า นักลงทุนมีความเข้าใจ แน่นอนว่ามาจากการให้ข้อมูลความรู้นั่นเอง

แมรี่ยังกล่าวด้วยว่า วอร์เรนไม่ใช่นักลงทุนที่ดีที่สุด แต่เขาเป็นนักบริหารที่ดีที่สุด รู้จักการสร้างอาณาจักร รู้ว่าต้องลงทุนในบริษัทไหน เข้าไปถือหุ้นของบริษัทไหน เขาจะรู้ว่าเขาจะไปซื้อบริษัทไหนเมื่อไหร่ ซึ่งทุกคนไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำ

แต่สิ่งที่จิตตะทำก็คือ ช่วยนำข้อมูลของบริษัทต่างๆ มาให้ดู ทำให้สามารถสแกนได้อย่างง่ายดาย ก็เหมือนกับข้อมูลที่วอร์เรนได้รู้ และทำให้ตัดสินใจได้ว่าจะซื้อบริษัทนั้นเมื่อใด

Advertisement

หลังจากแมรี่ได้เจอกับจิตตะเมื่อสามปีที่แล้ว ก็ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนแบบ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่มีหลักการอยู่สองอย่างก็คือ การเลือกบริษัทที่ดี และบริษัทที่มีราคาถูกกว่าราคาที่แท้จริง ซึ่งวอร์เรนจะเลือกซื้อหุ้นเหล่านี้เอาไว้

และจิตตะก็เอาศาสตร์ของบัฟเฟตต์มาใช้ในโปรแกรมสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลในตลาดหลักทรัพย์นั่นเอง

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จิตตะ เปิดเผยว่า การเรียนรู้การลงทุนด้วยตัวเองนั้นไม่ยาก แต่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ รู้เรื่องราคาหุ้น พอเข้าใจทุกอย่างก็จะเป็นเรื่องง่าย และจิตตะได้นำเทคโนโลยีมาช่วยในเรื่องนี้ ในการอ่านงบการเงินเพื่อดูมูลค่าที่เหมาะสม ตามศาสตร์ของบัฟเฟตต์ คือการลงทุนในธุรกิจที่ยอดเยี่ยมในราคาที่เหมาะสม

จึงนำตรงนี้มาพัฒนาร่วมกับเทคโนโลยี เกิดขึ้นเป็น “จิตตะ” ขึ้นมา

โดยจิตตะจะดึงเอางบการเงินของบริษัทต่างๆ ที่นำมาจากทอมสัน รอยเตอร์ มาประมวลด้วยตัวเลขของหุ้นที่จิตตะมีอยู่เป็นหมื่นตัวในแพลตฟอร์ม แล้วก็นำมาพิจารณาตามเงื่อนไขของวอร์เรน บัฟเฟตต์ แล้วเอาทุกอย่างมาคำนวณ

จะมี จิตตะ สกอร์ (จิตตะคะแนน) และจิตตะ ไลน์ ที่ช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพของคุณภาพของบริษัทและมูลค่าที่เหมาะสมของหุ้นนั้นๆ ได้อย่างชัดเจน ประหยัดเวลา และสามารถตัดสินใจในการลงทุนได้ดีขึ้น และ จิตตะ แรงกิ้ง คือการจัดลำดับหุ้นที่น่าลงทุน โดยคำนวณจาก จิตตะ สกอร์ และจิตตะ ไลน์ ของหุ้นเป็นหลักในหลักการ “ลงทุนบริษัทที่ยอดเยี่ยม ในราคาที่เหมาะสม” เพื่อช่วยนักลงทุนค้นพบบริษัทที่น่าลงทุนได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว และเพิ่มโอกาสในการลงทุนมากขึ้น สร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า

ซึ่งแมรี่เองก็รู้สึกยินดีที่ได้เห็นจิตตะนำข้อมูลเหล่านี้มาให้นักลงทุนได้รับทราบกันโดยแทบไม่ต้องเรียนรู้ เพราะจิตตะจะบอกเองว่า เวลาไหนควรซื้อ เวลาไหนควรขายหุ้นตัวไหน ไม่ต้องเสียเวลาไปดูงบการเงินเองทั้งหมด เพราะจิตตะจะแปลงมาทำให้ดูได้ง่ายขึ้น และเข้าใจได้เร็วขึ้น

ในส่วนของจิตตะนั้น ก็ยังมีข้อมูลการเงินย้อนหลังไปสิบปี รวมถึงการแสดงให้เจ้าของพอร์ตได้ดูว่าพอร์ตของตัวเองกำไรหรือขาดทุนไปเท่าไหร่แล้ว

ตอนนี้ผู้ใช้งานก็ยังต้องใช้ผ่านทางเว็บไซต์ของจิตตะเท่านั้น และสามารถสมัครเพื่อเปิดดูข้อมูลต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าต้องการข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น ก็ต้องเสียเงินค่าสมาชิก มีทั้งรายปีและรายเดือน นอกจากนี้ ก็ยังมีการเข้าไปให้ข้อมูลในแอพพลิเคชั่นสตรีมมิ่งด้วย ก็สามารถเปิดดูได้จากทางสตรีมมิ่งเลย

เมื่อมีเครื่องมือพร้อมแล้ว ก็อย่าลืม ไปลองฟังประสบการณ์จากบรรดามือโปรทั้งหลาย ในงานสัมมนา Investing Transformation : วิวัฒน์การลงทุนสู่ความมั่งคั่ง ซึ่งจะมีขึ้นใน

วันที่ 24 พฤษภาคมนี้ ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก เข้าไปดูข้อมูลและสำรองที่นั่งได้ที่ www.jitta.com/investcon2016

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image