คอลัมน์ “Taste Test” : ไอโฟน เอสอี (iPhone SE) ตัวเล็ก แต่สเปกใหญ่

เปิดตัวขายกันไปในประเทศไทยเรียบร้อย สำหรับ ไอโฟน เอสอี (iPhone SE) หรือไอโฟน สเปเชียล เอดิชั่น ที่มองดูแต่ภายนอก ก็อาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดี เพราะหน้าตาเหมือนกับไอโฟน 5เอส ยังไงยังงั้น ด้วยขนาดหน้าจอ 4 นิ้วเหมือนกัน และขนาดเท่ากัน จนสามารถใส่เคสเดียวกันได้เลย

ไอโฟน เอสอี นี้ ตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียม เพียงแต่มีการใช้เทคโนโลยีบีทบลาสต์ ทำให้พื้นผิวของเครื่องมีความคล้ายกับผ้าซาติน จับแล้วก็จะนุ่มๆ มือ และถนัดมือแม้ว่าเครื่องจะบางก็ตาม แม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะเหมือนกับรุ่น 5เอส แต่เทคโนโลยีที่ใส่เข้าไปนั้นถือว่าเป็นระดับไอโฟน 6เอส เลยทีเดียว อย่างชิปที่ใช้ก็เป็นชิป เอ9 ที่ใช้ในไอโฟน 6เอส ทำให้ทำงานได้เร็วขึ้น ตอบสนองได้เร็วขึ้น สามารถเล่นเกมได้ลื่นไหลกว่า ด้วยโปรเซสเซอร์ เอ็ม9 ที่รวมอยู่ใน เอ9 ซึ่งจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์จับการเคลื่อนไหว ที่ทำให้ใช้เครื่องเพื่อการตรวจวัดความเร็วของการวิ่งหรือเดินได้ และที่สำคัญ ยังทำให้ สิริ พร้อมที่จะรอรับคำสั่งจากเสียงได้ตลอดเวลา เพียงพูดว่า “หวัดดี สิริ” เท่านี้ เครื่องไอโฟส เอสอี ก็จะตื่นขึ้นจากการพักหน้าจอ เพื่อรอคำสั่งจากเจ้าของเครื่อง ซึ่งเป็นความสามารถที่เทียบเท่ากับรุ่น 6เอส เลยทีเดียว ส่วนแบตเตอรี่ แม้จะมีขนาดแค่ 1,650 มิลลิแอมป์ แต่ก็สามารถใช้งานได้นานมากกว่า 5เอส เนื่องจากมีหน่วยประมวลผลที่ดี ที่ช่วยทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น

มาถึงเรื่องกล้อง ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่เหมือนกับรุ่น 6เอส โดยกล้องหลังที่เป็นกล้องไอไซท์ (iSight) ความละเอียดอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยีแอดวานซ์ พิกเซล ที่ช่วยตัดสีได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้ภาพมีความคมชัด แยกแแยะสีได้มากขึ้น ชัดเจนขึ้น และการโฟกัสภาพที่เร็วขึ้น ขณะที่แฟลชที่ใช้ก็จะเป็น ทูโทนแฟลช คือ มีที่เป็นคูล กับ วอร์ม ที่จะช่วยทำให้การเปิดแฟลชถ่ายแล้วได้ภาพที่ดีสมจริงมากขึ้น ต่างจากแฟลชอื่นๆ ที่จะทำให้ได้ภาพที่ไม่สวยเพราะแสงที่จ้าเกินไป ส่วนเรื่องการย้อนแสง ฟีเจอร์ เอชดีอาร์ จะช่วยทานได้ เพราะจะเป็นการนำภาพ 3 ช็อตจากการปรับแสงมารวมกัน ทำให้ได้ภาพที่สวยกำลังดี และที่ขาดไม่ได้คือ ไลฟ์โฟโต้ ที่จะทำให้ภาพกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ด้วยภาพเคลื่อนไหวที่ใช้พื้นที่เก็บนิดเดียว และสามารถแบ่งปันภาพเคลื่อนไหวนี้ไปยังอุปกรณ์ไอโอเอสทั่วไปได้ด้วย ส่วนการนำไปแชร์บนเฟซบุ๊กยังอยู่ระหว่างการทดสอบ

สำหรับภาพวิดีโอที่ได้เป็นภาพระดับ 4เค เมื่อเวลาถ่ายแล้วนำมาดู ก็จะสามารถซูมเข้าซูมออกได้ด้วย ซึ่งเวลาถ่ายวิดีโอเราสามารถเลือกได้ว่าต้องการความละเอียดเท่าไหร่ และจะมีคำอธิบายว่า ถ่ายที่ความละเอียดเท่าไหร่ต้องใช้เนื้อที่เท่าไหร่ภายในเวลาเท่าไหร่

Advertisement

ส่วนกล้องหน้าเป็นกล้องเฟซไทม์ เอชดี ที่แม้จะมีความละเอียดแค่ 1.2 ล้านพิกเซล แม้ว่าจะเท่ากับตอน 5เอส แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ใส่เข้าไปพร้อมกับซอฟต์แวร์ จึงทำให้ความสามารถของกล้องดีขึ้นและถ่ายภาพได้สวยขึ้น และแม้กล้องหน้าจะไม่มีแฟลช แต่แอปเปิลก็สามารถสร้างแฟลชขึ้นที่กล้องหน้าได้ด้วยการทำให้หน้าจอสว่าง เวลาถ่ายภาพด้วยกล้องหน้าในที่มืด ก็จะเห็นหน้ากล้องเป็นสีขาว 2 ระดับขึ้นมา ทำให้การถ่ายภาพในที่มืดด้วยกล้องหน้าได้ภาพที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น

โดยรวม ต้องบอกว่าใช้แล้วเหมือนกับใช้ไอโฟน 6เอส เพียงแต่ตัวเล็กลงมาเท่านั้น ใครที่ชอบเครื่องเล็กๆ ก็ไม่ต้องกังวล เพราะสเปกแรงได้ใจ ราคาก็สบายกระเป๋า มีให้เลือกรุ่น 16GB กับ 64GB

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image