หากไม่อยาก ‘เจ็บ’ แล้ว ‘เจ็บ’ อีก โปรดคิดให้รอบคอบก่อนจะสัก

ภาพ AFP

ครั้งหนึ่งในชีวิต หลายคนอาจมอง “รอยสัก” เป็นอะไรที่เจ๋ง ที่เท่ แต่พอนานวันเข้า ก็อาจมี “ครั้งหนึ่ง” ในชีวิต ที่หลายคนอาจมองรอยสัก (รอยเดียวกันนั่นแหละ) เป็น “ความผิดพลาด” เป็นสิ่งทิ่มแทงจิตใจ ที่อยาก “กำจัด” ออกไปให้พ้นหู พ้นตา

ที่สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันมีหลายคนที่คิดเช่นนั้น โดยรายงานข่าวของเอเอฟพีอ้างสมาคมศัลยกรรมความงามแห่งอเมริกา พบว่าแม้ที่ผ่านมาจะมีผลสำรวจจำนวนไม่น้อยพบว่า มีคนอเมริกันจำนวนมากที่นิยมสักแทตทู โดยมีผลสำรวจชิ้นหนึ่งระบุว่าทุก 1 ใน 5 คนอเมริกันจะมีรอยสัก แต่ขณะเดียวกันก็มีผลสำรวจอีกหลายชิ้นที่พบว่า มีคนจำนวนมากที่ตัดสินใจไป “ลบรอยสัก” ออกหลังจากมารู้สึก “เสียใจ” เอาตอนนี้ และทำให้คลินิกต่างๆ ที่มีบริการลบรอยสักมีลูกค้าเดินเข้าไปใช้บริการกันขวักไขว่

“ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เราเห็นจำนวนคนที่ไปลบรอยสักออกมีเพิ่มมากขึ้น” แดน มิลส์ ประธานสมาคมศัลยกรรมความงามแห่งอเมริกา บอกกับเอเอฟพี

ทั้งนี้จากตัวเลขของสมาคมศัลยกรรมความงามแห่งอเมริการะบุว่า เมื่อปี 2558 มีคนอเมริกันกว่า 46,500 คนที่ไปลบรอยสักออก คิดเป็นปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นกว่าปี 2557 ราว 39.4% ในจำนวนนี้ 45.9% เป็นคนอายุระหว่าง 19-34 ปี ตามติดมาด้วยกลุ่มคนอายุ 35-50 ปี ที่มีอยู่ราว 37.9%

Advertisement
Nurse Anel Flores applies a cold pak and bandages on Janica Polmanteer after using a laser to lighten her tattoo at a Dr. Tatoff clinic, on May 11, 2016, in Beverly Hills, California. Although studies show that more and more Americans are sporting tattoos (one out of every five adults according to one poll), they also point to an increasing number who end up regretting getting one, leading to a boom in the tattoo removal industry. "In the last five years, we have seen a marked uptick in the number of people seeking to have tattoos removed," said Dan Mills, president of the American Society for Aesthetic Plastic Surgery. / AFP PHOTO / DAVID MCNEW
ภาพ AFP 

มิลส์ ซึ่งอยู่ที่ลอสแองเจลิส ซึ่งเป็นดงของร้านแทตทูเล่าว่า “ผมเจอหลายคนที่ไปลบรอยสักออก เพราะว่าไม่อยากให้ลูกๆ เห็นแล้วไปสักแทตทูตาม และก็มีหลายคนที่ไปเอารอยสักออกเพราะว่า นายจ้างส่วนใหญ่ไม่จ้างคนที่มีรอยสักตรงบริเวณร่างกายที่เห็นได้ชัดเจน”

ในผลสำรวจของแฮร์ริส โพล เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ยังพบว่าเกือบ 1 ใน 4 คนที่สักแทตทูมาแล้วลงท้ายด้วยความเสียใจมีเพิ่มขึ้นถึง 14% จากเมื่อปี 2555 ด้วยเหตุผลต่างๆ อาทิ เกิดเปลี่ยนใจภายหลัง หรือรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป การเปลี่ยนอาชีพการงาน การเลิกรากับคนรัก หรือรู้สึกว่ารอยสักที่สักมาช่างสักให้ไม่ดี ไม่ถูกใจ และยังมีผู้หญิงรายหนึ่งบอกกับเอเอฟพีว่า ตอนนั้นเธอ “ยังเด็กและโง่” จึงไปสักแทตทูเหล่านั้น

“ตอนอายุเท่านั้น คุณไม่ได้คิดเผื่อถึงวันข้างหน้าหรอก ตอนสักแทตทู ฉันอายุ 24 และเมื่อฉันอายุมากขึ้น เมื่อส่องกระจกเห็นรอยสักทุกวัน ฉันก็ยิ่งไม่ชอบ” กิลล์ เครนชอว์ นักแสดงวัย 43 ซึ่งนั่งรออยู่ที่คลินิกดอกเตอร์แทตออฟ ในย่านเบเวอร์ลี่ ฮิลส์ เพื่อลบรอยสัก 2 รอยบนแขนขวาออก บอก

Advertisement

เช่นเดียวกับ จานิก้า พอลแมนเทียร์ สาวลอสแองเจลิส วัย 33 ที่ตัดสินใจไปลบรอยสักเหนือก้นกบออก ที่บอกว่า เป็นรอยสักที่เธอไปสักมาตอนอายุ 18 และต้องอยู่กับรอยสักนั้นด้วยความเสียใจ “ตอนสัก ฉันเสียเงินไป 150 ดอลลาร์ (ราว 5,325 บาท) แต่ฉันต้องจ่าย 1,400 ดอลลาร์ (ราว 49,700 บาท) ตอนลบมันออก”

คอรี่ย์ ออร์ดอน ผู้อำนวยการคลินิกดอกเตอร์ แทตออฟ ซึ่งมีสาขาในลอสแองเจลิส 4 สาขา บอกว่า ความก้าวหน้า ทันสมัยของเทคโนโลยีด้านเลเซอร์ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มีคนตัดสินใจมาลบรอยสักออกกันมากขึ้น

“เรามีคนไข้ตั้งแต่อายุ 16-70 ปี และคนไข้กลุ่มใหญ่ที่สุดของเราคือกลุ่มคนไข้ชาย-หญิงอายุระหว่าง 25-40 ปี”

สำหรับเทดดี้ โจ เฮส ชายวัย 37 ซึ่งตัดสินใจลบรอยสักรูปใบหน้าอดีตภรรยาออกจากต้นแขนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เล่าว่า “เราอยู่กินกันมา 10 ปี และเมื่อวันคล้ายวันเกิดของเธอเกือบปีมาแล้ว ผมก็ไปสักแทตทูรูปใบหน้าเธอ เพราะอยากแสดงให้เธอเห็นถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจของผมที่เราจะอยู่กันเป็นครอบครัว”

แต่หลังจากนั้น 2 เดือน เทดดี้ โจ เฮส ซึ่งมีอาชีพเป็น “ช่างสักแทตทู” ก็พบว่า ภรรยาแอบนอกใจ “ความรู้สึกของผมตอนนั้นก็คือ ผมเพิ่งสักแทตทูรูปใบหน้าผู้หญิงคนนี้บนต้นแขน แล้วนับจากนี้ไปทุกวัน ทุกครั้งที่ผมส่องกระจก ผมก็ต้องเห็นหน้าของคนที่ทรยศ หักหลังความไว้ใจของผม”

หลังจากมี “ประสบการณ์ตรง” มากับตัวเอง เทดดี้ โจ เฮส จึงอยากฝากข้อคิดว่า “หากไม่ใช่ลูกของคุณ แม่ของคุณ พ่อของคุณ หรือเพื่อนรักกันจริงๆ โปรดอย่าสักชื่อหรือใบหน้าของใครบนร่างกายคุณเป็นอันขาด เพราะรอยสักเหล่านั้นจะทำให้คุณเสียใจภายหลัง”

Janica Polmanteer poses for a cell phone photo of a tattoo she is in the process of having removed at a Dr. Tatoff clinic, on May 11, 2016, in Beverly Hills, California. Although studies show that more and more Americans are sporting tattoos (one out of every five adults according to one poll), they also point to an increasing number who end up regretting getting one, leading to a boom in the tattoo removal industry. "In the last five years, we have seen a marked uptick in the number of people seeking to have tattoos removed," said Dan Mills, president of the American Society for Aesthetic Plastic Surgery. / AFP PHOTO / DAVID MCNEW
ภาพ AFP
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image