ผลงานวิจัย ‘บลูเบอรี่’ ลดภาวะเสี่ยงมะเร็งเต้านม

ผลงานวิจัยบลูเบอรี่ช่วยลดภาวะเสี่ยงมะเร็งเต้านมเกิดขึ้นจากการศึกษาค้นคว้าของ ดร.จรรยาวรรธน์ วุฒิจำนงค์ นักเรียนทุนของมหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา จากประเทศไทย ผู้เดินทางข้ามขอบฟ้ามาคว้าปริญญาเอกดุษฎีบัณฑิตวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเมสซี่ (Massey University) ประเทศนิวซีแลนด์ ด้วยความมุ่งมั่นในการวิจัยทดลองเป็นเวลากว่า 3 ปี จนกระทั่งประสบความสำเร็จ

ดร.จรรยาวรรธน์
ดร.จรรยาวรรธน์

“ดร.จรรยาวรรธน์” ได้กล่าวถึงที่มาของงานวิจัยว่า มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้หญิงทั่วโลก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ดังนั้นรัฐจึงต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรักษามะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ประกอบกับอาหารเป็นปัจจัยหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านม จึงเลือกบลูเบอรี่มาทำการวิจัยเพื่อช่วยลดภาวะเสี่ยงดังกล่าว เพราะว่ามีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์ของบลูเบอรี่ต่อสุขภาพหลากหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ ช่วยเพิ่มความจำ เพิ่มปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย แม้ว่างานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับบลูเบอรี่และมะเร็งเต้านมในห้องทดลองก็พอมีบ้าง แต่การทดลองในสิ่งมีชีวิตยังมีไม่มาก อีกทั้งกลไกการออกฤทธิ์ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งก็ยังไม่แน่ชัด จึงสนใจศึกษาในบลูเบอรี่

นอกจากนี้ บลูเบอรี่ยังเป็นผลไม้ที่บริโภคกันแพร่หลายในชีวิตประจำวันของชาวนิวซีแลนด์แล้วก็ประชาชนในโลกตะวันตกทั่วไป ดังนั้นถ้ามีงานวิจัยสนับสนุนถึงประโยชน์ของบลูเบอรี่ในหลายๆ แง่มุม ผู้บริโภคก็สามารถที่จะเพิ่มปริมาณการบริโภคบลูเบอรี่เข้าไปในชีวิตประจำวันได้ง่าย ต่างจากงานวิจัยพืชที่ไม่ใช่พืชอาหาร ถึงแม้ว่าจะพบว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ผู้บริโภคไม่รู้ว่าจะเพิ่มพืชนั้นๆ เข้าไปในมื้ออาหารปกติได้อย่างไร

ดังนั้น ทางคณะผู้วิจัยจึงมีแนวคิดที่จะวิจัยในสัตว์ทดลองโดยกระตุ้นให้เกิดมะเร็งเต้านมชนิดที่ตอบสนองต่อตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจน (ER+) แล้วให้บลูเบอรี่เสริมกับอาหารปกติ โดยที่สัตว์ทดลองกลุ่มหนึ่งจะได้รับน้ำบลูเบอรี่คั้นแยกกาก และอีกส่วนได้รับอาหารผสมกากบลูเบอรี่ซึ่งมีใยอาหารมาก

Advertisement

ผลการวิจัยพบว่า สัตว์ทดลองในกลุ่มที่ได้รับอาหารผสมกากบลูเบอรี่มีจำนวนที่เป็นมะเร็งเต้านมน้อยกว่าสัตว์ทดลองในกลุ่มที่ได้รับน้ำ

บลูเบอรี่คั้นแยกกาก โดยมะเร็งมีขนาดเล็กกว่าและยังมีความรุนแรงน้อยกว่าอีกด้วย ทั้งนี้ อาจจะเป็นผลจากปริมาณเอสโตรเจนในเลือดที่ลดลงในสัตว์ทดลองกลุ่มดังกล่าว กล่าวโดยสรุปคือ

การบริโภคบลูเบอรี่ควรบริโภคทั้งผลซึ่งจะได้รับกากใยอาหารและให้ผลดีกว่าการบริโภคเฉพาะน้ำผลไม้ที่แยกกากออกไป

Advertisement

ดร.จรรยาวรรธน์กล่าวเสริมว่า การศึกษาผลกระทบของการรับประทานบลูเบอรี่ต่อระบบภูมิคุ้มกันที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง รวมทั้งการศึกษาผลกระทบของการรับประทานบลูเบอรี่ในระดับโมเลกุลนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก อย่างไรก็ตาม งานวิจัยในครั้งนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการรับประทานบลูเบอรี่จะสามารถลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งเต้านมในมนุษย์ได้ เนื่องจากงานวิจัยในครั้งนี้เป็นงานวิจัยที่ทำในสัตว์ทดลองเท่านั้น และสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดอาจมีการตอบสนองที่แตกต่างกัน การทดลองที่อาจจะเป็นไปได้ในมนุษย์ คือ การเสริมบลูเบอรี่ในอาหารของผู้ป่วยมะเร็งหลังการผ่าตัดเพื่อการฟื้นฟูร่างกาย

นอกจากนี้ เทคนิคที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ยังสามารถนำมาปรับใช้ในการวิจัยสารสำคัญจากพืชเขตร้อนที่สามารถปลูกได้ในประเทศไทย หรืออาจจะวิจัยเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับของเหลือจากอุตสาหกรรมการทำน้ำผลไม้ เช่น แอปเปิล หรือผลไม้อื่นๆ เนื่องจากการบริโภคใยอาหารสามารถลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งเต้านมได้

ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ ความสนใจและการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์อย่างต่อเนื่องของ ดร.จรรยาวรรธน์ ผู้ซึ่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาเทคโนโลยีชีวภาพ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโทจากคณะวิทยาศาสตร์ สาขาเทคโนโลยีชีวภาพ มหาวิทยาลัยมหิดล ทำให้ ดร.จรรยาวรรธน์ได้รับทุนเพื่อมาศึกษาต่อที่นิวซีแลนด์เมื่อปี 2554 ณ มหาวิทยาลัยเมสซี่ ซึ่งมีชื่อเสียงทางด้านอาหารและโภชนาการ เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำอันดับ 3 ในนิวซีแลนด์ โดยมีอาจารย์และผู้เชี่ยวชาญระดับโลก รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ในการทำวิจัยที่พร้อมสำหรับการทำวิจัยในขั้นสูง

หลังจากสำเร็จการศึกษาและรับปริญญาเอกแล้ว ดร.จรรยาวรรธน์จะกลับไปทำงานเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา ซึ่งเป็นผู้มอบทุนเพื่อไปศึกษาต่อ และวางแผนจะทำงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับอาหาร โภชนาการและผลผลิตทางเกษตรซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของมหาวิทยาลัยและประเทศ

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image