รู้จัก ‘ฌอน’ ชวนล ไคสิริ แห่งแบรนด์ POEM เจ้าของชุด ‘ช่อ’ พรรณิการ์

POEM
POEM

รู้จัก ‘ฌอน’ ชวนล ไคสิริ แห่งแบรนด์ POEM เจ้าของชุด ‘ช่อ’ พรรณิการ์

POEMได้รับความสนใจจากสังคมออนไลน์ ไม่แพ้การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 29 ของประเทศไทย

เมื่อ ช่อ-พรรณิการ์ วานิช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ใส่ชุดสูท สีขาวดำ เข้าประชุมรัฐสภา พลันให้ คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา ออกมาโพสต์ติงว่า

“มองมาที่เสื้อผ้า ส.ส.บางคน เสื้อผ้าที่ใส่ใช่ชุดไว้ทุกข์หรือไม่ ธรรมเนียมของชุดไว้ทุกข์คือสีดำทั้งชุด การแต่งกายเช่นนี้ไม่ตรงธรรมเนียมปฏิบัติ หรือนี่ก็คือการตีความอย่างหนึ่ง”

ก่อนโฆษกคนดังจะออกมาให้สัมภาษณ์ว่า แจ๊กเก็ตสูทโทนสีขาว-ดำ แบรนด์โพเอม เหมาะสมกับกาลเทศะ ไม่ใช่ชุดไม่สุภาพ เข้าใจว่าการแต่งกายที่ถูกกาลเทศะเป็นเรื่องสำคัญ

Advertisement

ส่งให้แบรนด์ โพเอม (POEM) กลายเป็นที่รู้จักในแวดวงคนติดตามการเมือง หลังจากสร้างชื่อในวงการแฟชั่นมามากกว่า 1 ทศวรรษ

ช่อ-พรรณิการ์ วานิช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ใส่ชุดสูท สีขาวดำ เข้าประชุมรัฐสภา
ญาญ่า อุรัสยา

กับคนที่ติดตามแฟชั่นไทยแล้วนั้น ชื่อของ “โพเอม” ย่อมเป็น 1 ในแบรนด์ดังที่คุ้นตา ด้วยเอกลักษณ์ของ

ผู้หญิงเอวเอส สวย สง่า ทั้งยังครองใจเหล่าเซเลบริตี้ คนดังบ้านเราเลือกใส่ อาทิ ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์, โอปอล์-ปาณิสรา อารยะสกุล, แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์, ลูกเกด-เมทินี กิ่งโพยม เป็นต้น

Advertisement

และเบื้องหลังผู้สร้าง “โพเอม” จนเป็นแบรนด์ดังในวันนี้ ก็คือ “ฌอน” ชวนล ไคสิริ ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์

“ฌอน” ชวนล ไคสิริ ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์โพเอม

ที่ก่อนจะโลดแล่นในวงการแฟชั่นแบบทุกวันนี้ ฌอนวางอนาคตไว้ในอาชีพ “สถาปนิก” เต็มตัว หลังจากเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ก็มุ่งหน้าเรียนต่อคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เอกภาควิชาการออกแบบสถาปัตยกรรม ที่ซึ่งเขาได้รับโอกาสให้ทำ “ละคอนถาปัด” จนเป็นจุดเริ่มต้นของโพเอม

ฌอนเผยว่า ด้วยความที่คุณแม่เปิดร้านตัดเย็บเสื้อผ้า ให้กับเหล่าภรรยาทูตที่มาประจำอยู่ที่ประเทศไทย พี่ที่คณะรู้ว่าเราทำได้ จึงมักมอบหมายให้เราดูฝ่ายเสื้อผ้าของละครเวทีทุกปี ซึ่งละครเวทีสถาปัตย์ จุฬาฯ ช่วงนั้น ก็จะเป็นละครพีเรียด ช่วง บาโรก โรโกโก ช่วงศตวรรษที่ 18-19 ที่คอสตูมเป็นแบบ มารี อ็องตัวแน็ต

ทำให้เราได้ศึกษาเรื่องคอร์เซ็ท ได้ไอเดียเรื่องของโครงเสื้อผ้า ทั้งยังได้นำมาใช้ในการออกแบบโพเอมด้วย

จนกระทั่งปีสุดท้ายในการเรียน ที่ฌอนต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในสยามสแควร์ เมื่อเลือกทำวิทยานิพนธ์เรื่องเกี่ยวกับ สยามสแควร์ กรุงเทพฯเมืองแฟชั่น คอยดูพฤติกรรมวัยรุ่น เสาะหาจนพบ “ร้าน 388” บนโรงหนังสยาม จากที่คิดจะไปทำวิจัยเฉยๆ ก็กลายเป็นก้าวแรกที่ได้เริ่มทำเสื้อผ้าขาย

“ตอนที่ไปร้าน 388 เจ้าของร้านก็บอกว่าหากสนใจ ให้ลองทำมาฝากขายดู ตอนนั้นตื่นเต้นมาก กลับไปทำแจ๊กเก็ต เป็นเสื้อวอร์ม ผสมคอร์เซ็ท เอาไปฝากเขา 4 ตัว จำได้วันนั้น 9 โมงนั่งรถมาสยาม ก่อนไปเรียน

พอเลิกเรียนตอนเที่ยงเขาบอกเสื้อขายได้แล้ว 2 ตัว เราก็ดีใจมาก รีบโทรไปบอกแม่ว่าเราขายได้แล้ว วันต่อไป เสื้อผ้าเขาก็ขายหมด ก็รีบทำสต๊อกเพิ่ม กำไรของเดือนแรก มากกว่าเงินเดือนของสถาปนิกจบใหม่เสียอีก”

จุดประกายให้เห็นว่า “หรือนี่จะเป็นทางที่ใช่”

กับคุณแม่ และพี่สาว

เจ้าของแบรนด์โพเอม เผยว่า ตอนที่จะเรียนจบปี 48-49 เศรษฐกิจไม่ดี แล้วที่ร้านตัดเสื้อของคุณแม่ ตอนนั้นไม่มีงานเลย เพราะมันหมดเทรนด์ของเสื้อผ้าตัด ก็เลยลองคุยกับคุณแม่ว่า หากทำอาชีพนี้น่าจะไปรอด เขาในวัย 20 ต้นๆ ไม่รอช้า เปิดร้านสาขาแรกที่สยามสแควร์ ซอย 2

“เปิดร้านเดือนแรก เราต้องหาค่าเช่าเดือนละแสนสองให้ได้ เรียกว่าชีวิตเปลี่ยนทันที เราไปร้าน ขายของ กลับบ้านเอาฟีดแบ๊กมาคุยกับคุณแม่ เหนื่อยมาก หายหน้าไปจากเพื่อน ผอมลงไปเกือบสิบ กก.

โชคดีว่า เราพอมองตลาดออก ว่าอะไรจะขายได้หรือไม่ เวลาทำของมาขายก็เลยขายได้ 2 เดือนแรก เราก็คืนทุน ยอดเติบโตมาได้เรื่อยๆ และมีกำไรมาใช้ ยากกว่าคือจะทำอย่างไรให้คนเข้าใจคาแร็กเตอร์ของเรา ที่ไม่เหมือนกับแบรนด์ไทยอื่นๆ กับเสื้อผ้า กระโปรงสอบ ยาวปิดเข่า คอร์เซ็ทเอว 22 ที่ไม่ใช่กระแสของตลาดยุคนั้น”

และช่วงปี 2008 แบรนด์ก็เริ่มเป็นที่คุ้นตาของใครหลายคน เมื่อ จูน-สาวิตรี โรจนพฤกษ์ พิธีกรคนดังใส่ และรู้จักมากขึ้นกับชุดแต่งงานของ โอปอล์-ปาณิศรา กับชุดแต่งงานที่ปิด ทึบ แต่ดูมีเอว ได้รับเสียงชื่นชมจากคนวงการแฟชั่น

กับ จูน-สาวิตรี โรจนพฤกษ์
โอปอล์-ปาณิศรา

13 ปี ที่ได้สร้างสรรค์ศิลปะผ่านเสื้อผ้า โพเอม มานั้น ชวนลเผยว่า ผลตอบรับจากลูกค้าส่วนใหญ่จะชื่นชอบด้วย 2 เหตุผล คือ อยากใส่แบรนด์เรา เพื่อให้ดูเป็นผู้หญิงขึ้น อีกอย่าง คืออยากดูผู้ดี ซึ่งทุกลุคของโพเอม เราให้ทั้ง 2 อย่างพร้อมๆ กัน แต่ในเปอร์เซ็นต์ที่ไม่เท่ากัน เราต้องมองหาว่าเขามีโจทย์อะไร

“เสื้อผ้าของโพเอม จะทำขึ้นด้วยนิยาม 3 ข้อ คือ 1.Timeless จะวันนี้หรืออีก 10 ปีข้างหน้า ต้องคลาสสิก ลูกค้าที่ซื้อกระโปรงปี 2006 ก็จะต้องใส่กับเสื้อปี 2019 ได้ 2.Noble เราทำให้ผู้หญิงดูดี ดูแพง ชั้นสูง ซึ่งเทรนด์ช่วงนี้กำลังมา และ 3.คือ Glamorous มีเสน่ห์ ดึงดูด ซึ่งดีไซเนอร์ไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยทำ จะไปเน้นแค่ชุดราตรี ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ทำให้เราอยู่ได้นาน”

นอกจากนั้น เสื้อผ้าของโพเอม ยังใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ โดยว่า นอกจากการเดินทางแล้ว ประสบการณ์ในชีวิตประจำวันก็ช่วยในการออกแบบ เช่น 95% ของผู้หญิงจะหันหน้าด้านซ้ายถ่ายภาพ เวลาเราออกแบบก็ต้องคิดว่าดีเทลควรจะอยู่ด้านซ้ายเพื่อโชว์ ซึ่งเราก็ต้องเก็บหลายอย่าง ทั้งวิธีการเลือกรองเท้า การเดิน จริตในโซเชียลมีเดียต่างๆ

กับกระแสชุดสูท สีขาวดำของ “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช ที่ปรากฏกายในรัฐสภา ทำให้ชื่อ “โพเอม” เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

ในเรื่องนี้ ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์ พูดถึงชุดที่หลายคนจับตานี้ว่า ชุดที่คุณช่อใส่นั้น เป็น Smoking Suit ซึ่งถือเป็นเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งที่เรียกว่า Timeless ควรมีติดตู้ไว้ โดยผู้ที่คิดทำคนแรกคือ อีฟ แซงต์ โลรองท์ ซึ่งคุณช่อได้ซื้อตัวสุดท้ายของร้านไป คุณช่อเองเป็นลูกค้าวอล์กอินเข้ามาซื้อ จะมีแก้เล็กๆ น้อยๆ เพราะคุณช่อเป็นคนสูง

“จากกรณีนี้ เรามองว่าช่วยเผยแพร่เมสเสจในการทำเสื้อผ้าเราได้ชัดเจนขึ้น เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น หลายคนได้รู้จักโพเอมเป็นครั้งแรก เพราะก่อนหน้าก็ไม่เคยมีแบรนด์ไทยดีไซเนอร์ไปมีชื่อในสภา หรือกระแสการเมืองใดๆ”

Le Smoking Suit ซึ่งถือเป็นเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งที่เรียกว่า Timeless ควรมีติดตู้ไว้

นอกจากนี้ การได้เห็นผู้หญิงเก่งๆ ใส่เสื้อผ้าของเขา ก็ทำให้ฌอนภูมิใจ

และเมื่อ “โพเอม” เข้าสู่โลกการเมืองแล้ว จึงได้แง้มความคิด “ชวนล” กับ ประเด็นผู้หญิงและการเมือง ที่เขาบอกว่า ส่วนตัวมองว่าผู้หญิงที่เข้าไปเป็นตัวแทนของประชาชน ก็มีฐานะเท่าเทียมกับผู้ชาย สามารถแก้ปัญหาให้กับทุกคน ทุกวัย ซึ่งการที่มีคนพูดว่าผู้หญิงเป็นไม้ประดับ นับได้ว่าเป็นความคิดแบบโอลด์แฟชั่น เป็นช้างเท้าหลัง เพราะยุคนี้ทุกอย่างเท่าเทียม ไม่ต่างกัน

จากวันแรกจนวันนี้ ฌอนต้องเจอกับวิฤกตหลายๆ ครั้ง มีบางทีเคยคิดว่าหากไม่รอดจะกลับไปเป็นสถาปนิก แต่ด้วยแบรนด์มีตัวตนชัด และรู้จักทำธุรกิจ ก็ทำให้ยืนหยัดมาถึงวันนี้ ส่วนก้าวต่อไปจากนี้ คือ การเดินไปข้างหน้าอย่างไม่ทิ้งตัวตน 1.จะขยายธุรกิจแค่ไหน ตัวตนต้องชัด 2.คือ ไทยดีไซเนอร์ต้องก้าวสู่ระดับโลกได้ เหมือนที่น้อง (เพล ไคสิริ) ที่เป็นเมเนจิ้ง ไดเร็กเตอร์ของแบรนด์ มีวิสัยทัศน์ไว้

“ซึ่งเราอาจต้องใช้เวลาถึง 20 ปี ความฝันจะสำเร็จ แต่ก็จะทำให้ดีที่สุด”


ติดตามข่าวบันเทิงไลฟ์สไตล์ กับ Line@มติชนนิวเจน

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image