เปลี่ยนโฉม ‘มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2019’ เปิดใจ ‘ทีมเอ็กซ์เปิร์ต’ ตามหามง 3
ตามหามง 3 – เรียกเสียงฮือฮา ให้กับแฟนนางงามตั้งแต่ยังไม่เปิดตัวสาวงามผู้ผ่านเข้ารอบ 58 คนสุดท้าย
เมื่อกองประกวด “มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2019” มีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เปลี่ยนผู้จัดจาก สุรางค์ เปรมปรีดิ์ และ ออน-ชิชญาสุ์ กรรณสูต มาสู่มือ “TPN” ประกอบด้วย สมชาย ชีวสุทธานนท์ หรือ ตี๋ แมทชิ่ง, ปิยาภรณ์ แสนโกศิก และ ณรงค์ เลิศกิตศิริ ที่มีผลงานการจัดประกวด มิสยูนิเวิร์ส 2018
เปรี้ยงปร้างจนแฟนคลับเชื่อมือ ว่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับเวที
และตั้งแต่วันแรก ที่คัดเลือกสาวงาม เวทีก็เปลี่ยนรูปแบบจากการวอล์กอิน มาเป็นสมัครออนไลน์ พร้อมเปิดตัวทีมเอ็กซ์เปิร์ต ครบทั้ง เสื้อผ้า หน้า ผม เรื่องการพูด ไปจนถึงเรื่องโซเชียลมีเดีย มี ลูกเกด-เมทินี กิ่งโพยม มาเป็นหัวหน้าทีม ทั้งยังได้เห็นโปรดักชั่นใหม่ๆ และความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง
ประเดิมด้วยการสัมภาษณ์คัดเลือกนางงามเพื่อเข้าสู่รอบ 60 คน ที่เข้มข้น เจาะลึก ทั้งยังมีรางวัล “โกลเด้น เทียร่า” มอบให้กับสาวงามที่จะผ่านเข้ารอบ 60 คนอัตโนมัติ ซึ่งมี 8 สาวงาม ที่คว้ารางวัลมาครอง อาทิ หมายเลข 19 ฟ้าใส-ปวีณสุดา ดรูอิ้น สาวลูกครึ่งไทย-แคนาดา วัย 25 ปี รองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017 ที่กลับมาแก้มืออีกครั้ง หวังจะเป็นตัวแทนประเทศไทย, หมายเลข 31 มิเรียม ศรพรหมมาศ วัย 24 ปี นางแบบสาวที่พกพาความสูง 185 เซนติเมตร มาชิงมงกุฎ ร่วมด้วย คิม โดเชคาโลวา หรือ คิมมี่ หมายเลข 22 สาวลูกครึ่งไทย-เช็ก วัย 19 ปี
เผยโฉมครั้งแรก ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอมบาสซี ท่ามกลางแฟนคลับชูป้ายเชียร์กระหึ่ม วันรุ่งขึ้นสาวงามเปลี่ยนมาใส่ชุดไทยจิตรลดา เข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง และสักการะศาลหลักเมือง เป็นสิริมงคล ก่อนขึ้นเรือชมทิวทัศน์ริมสองฝั่งเจ้าพระยา
แน่นอนว่า กองประกวดยังได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงอีกมาก
สมชาย ชีวสุทธานนท์ หนึ่งในผู้บริหาร เผยว่า เราต้องการยกระดับมาตรฐานการจัดงานให้เป็นสากลมากขึ้น ตั้งแต่ทีมเอ็กซ์เปิร์ตที่มีประสบการณ์ครบทุกด้าน โดยเฉพาะเรื่องทัศนคติและการตอบคำถาม เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ในเวทีอื่น เราปรับตารางตลอดว่าควรจะเสริมเรื่องใด นอกจากนี้ เรื่องโปรดักชั่น เราก็ทำการบ้านอย่างหนัก ทั้งวีทีอาร์ เวทีที่ดีไซน์ใหม่
และยังเป็นปรากฏการณ์ เมื่อเปิดโอกาสให้ “สาวงามเวทีอื่น” เข้ามาประกวด โดย ตี๋ แมทชิ่ง ให้เหตุผลว่า การประกวดในครั้งแรกคุณอาจจะไม่พร้อม หรือมีปัญหา อย่างการประกวดร้องเพลง วันนั้นคุณอาจเจ็บคอ ก็กลับมาแข่งใหม่ได้ นางงามก็เช่นกัน บางคนออร่าอาจจะยังไม่ออก หรือความรู้ความสามารถยังไม่ได้ เมื่อมีจังหวะเขาก็มาใหม่ เราไม่ปิดกั้นสาวงาม
ส่วนสาวงามแบบใดที่จะไปคว้ามงกุฎที่ 3 นั้น สมชายแง้มไว้ว่า “ต้องสวย มีออร่า มีพลังจากภายใจ สะท้อนความงามผ่านตัวตนของตัวเองได้ต้องฉลาด ทั้งฉลาดวางตัวและตอบคำถาม ซึ่งทำให้ครบถ้วน”
ขณะที่ หัวหน้าทีมเอ็กซ์เปิร์ต “ลูกเกด” เมทินี กิ่งโพยม เผยว่า นางงามปัจจุบันนี้เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมาก จากที่เคยไปประกวดเมื่อ 27 ปีที่แล้ว นางงามจะดูเป็นนางงามจ๋า แต่สมัยนี้เป็นยุคของนางงามที่ powerful สามารถ empower คนอื่นได้ เป็นกระบอกเสียงให้กับผู้หญิงทั้งโลก นางงามจึงต้องมีความมั่นใจ มีจริต อยู่เป็น คือเข้ากับผู้อื่นได้ และรู้ข่าวสาร ขณะที่ภายนอกก็ต้องดูสวย
ไม่เพียงนำประสบการณ์การประกวดต่างประเทศมาเล่า แต่ยังฝึกบุคลิกภาพให้ใหม่อย่างเข้มข้น เมทินีเผยว่า นอกจากบุคลิกภาพ เรายังมีเรื่องการเดิน ยืน นั่ง วิเคราะห์คำถาม ไหวพริบ เพื่อให้เวลาออกไปข้างนอก เจอเรื่องเซอร์ไพรส์จะไม่ตกใจ ส่วนหน้า ผม ถือเป็นเรื่องหลักอยู่แล้ว แต่เรื่องวิธีคิด การคิดบวกเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับเรื่องบุคลิกภาพ ก็มีปรับเรื่องการเดิน ที่ผู้เข้าประกวดหลายคนเคยประกวดนางงามต่างจังหวัด ก็ต้องปรับวิธีเดินให้ทันสมัยขึ้น
และที่หลายคนสนใจอย่างเรื่องการตอบคำถาม ปอนด์-ภริษา ยาคอปเซ่น public speaking coach เผยว่า สิ่งสำคัญในการพูด คือ มันเปลี่ยนโลก ทุกคำพูดแสดงตัวตนของคนได้จริงๆ แม้จะมีเวลา 30 วินาที จึงได้เตรียมการสอนเวิร์กช็อป ด้วยการให้โจทย์เขาฝึกพูด ให้โครงสร้างประโยคต่างๆ รวมถึงให้การบ้านเขาติดตามสถานการณ์โลก เขาจะได้ตั้งหลัก มีสติ บนเวที สำหรับเราเรื่องความงาม มีช่างที่คอยช่วยเหลือได้ แต่กับการพูด เขาต้องเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ เพราะบนนั้นนางงามจะเจอทั้งแสง คน เวที กรรมการ ทุกอย่างจะซัดเข้ามา เขาต้องพร้อมที่สุด
ปิดท้ายด้วย ตี๋-ธเนษฐ ลักษณะวิลาศ Social network expert เผยว่า ในฐานะที่ร่วมงาน ปีนี้เราเปลี่ยนแปลงการประกวดใหม่ให้เป็นสากล อย่างการเปิดตัวนางงาม ก็เป็นแบบเปิดให้แฟนคลับมาให้กำลังใจได้ หรืออย่างสายสะพาย ก็เป็นชื่อภาษาอังกฤษและบาร์โค้ด สแกนประวัตินางงาม เพื่อให้แฟนนางงามต่างประเทศรู้จักเขาได้เลย นอกจากนี้ ชุดราตรีในรอบชิงก็ยังให้นางงามนำมาเอง ป้องกันข้อครหาว่าใครจะได้เปรียบเสียเปรียบ ไปจนถึงการประกวด ที่โปรดักชั่นจะเป็นแบบใหม่ ด้วยประสบการณ์ของทีมที่ทำงานกับกองมิสยูนิเวิร์สมาก่อน
ส่วนเรื่องโซเชียลมีเดียนั้น ธเนษฐเผยว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันสื่อหลักอย่างเดียวไม่พอ หากเดินทางไปประเทศที่ไม่ได้ชอบนางงาม จะทำอย่างไรให้คุณไม่หายจากกองประกวด หรือเชื่อมต่อกับแฟนคลับได้ หากโพสต์ผิดชีวิตก็เปลี่ยน นอกจากนี้ ยังต้องตั้งรับกับไซเบอร์บูลลี่ หลายคนเข้าสู่กองประกวด ก็ข้ามจากคนปกติมาเป็นซัมบอดี้ และก็เป็นเรื่องง่ายที่จะถูกวิจารณ์เรื่องหน้าตา ซึ่งเขาต้องเรียนรู้ที่จะรับมือสิ่งเหล่านี้ เราพยายามอุดช่องว่างทุกๆ ด้านให้กับนางงาม
แน่นอนว่า คนที่จะคว้ามงกุฎที่ 3 ให้กับคนไทย ต้องสวยครบ 360 องศา สวย ฉลาด มั่นใจนั่นเอง
ติดตามข่าวบันเทิงไลฟ์สไตล์ กับ Line@มติชนนิวเจน
