สรรหามาเล่า..หญิงเดินไม่ได้ ชายตาบอด พากันเดินป่า ‘เขาเป็นขาให้เธอ เธอเป็นดวงตาให้เขา’

หญิงเดินไม่ได้ ชายตาบอด พากันเดินป่า ‘เขาเป็นขาให้เธอ เธอเป็นดวงตาให้เขา’

หญิงเดินไม่ได้ ชายตาบอด – คนเดินไม่ได้ คนตาบอด จะไปไฮกิ้ง เดินป่าได้อย่างไร แต่ถ้าหาก คนเดินไม่ได้ ยินดีทำหน้าที่เป็น “ดวงตา” ให้คนตาบอด ส่วนคนตาบอดก็ยินดีทำหน้าที่เป็น “ขาทั้งสอง” ให้คนเดินไม่ได้ การเดินป่าก็เป็นจริงขึ้นได้ !!!

ขอให้เชื่อ เพราะเรื่องที่ดูเหมือนไม่น่าเป็นไปได้ ได้เป็นจริงขึ้นแล้ว ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจของ เมลานี เน็คท์ และ เทรเวอร์ ฮาห์น หญิงชายเมืองฟอร์ท คอลลินส์ รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา ที่ได้แชร์เรื่องราวการผจญภัยเดินป่าของชายตาบอดกับหญิงพิการเดินไม่ได้ ลงในอินสตาแกรม @hiking_with_sight. ให้เห็นถึง

การทำงานเป็นทีมเวิร์กที่น่าประทับใจ และเป็นแรงบันดาลใจอย่างยิ่งยวด

นิตยสารพีเพิลเล่าว่า เทรเวอร์ ฮาห์น ต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกมืดมา 5 ปีหลังจากเป็น “ต้อหิน” ส่วน เมลานี เน็คท์ พิการเดินไม่ได้ตั้งแต่เกิด เนื่องจากมีความบกพร่องของกระดูกสันหลัง ทั้งสองมีโอกาสรู้จักในคลาสออกกำลังกายเพื่อการปรับตัว จากนั้นเมื่อรู้ว่าต่างฝ่ายต่างชอบการใช้ชีวิตกลางแจ้งด้วยกันทั้งคู่ แต่มีอุปสรรค ติดขัด ตรงที่ความพิการทางร่างกายที่กลายมาเป็น “ข้อจำกัด” แต่เมื่อทั้งสองพบว่าพวกเขาต่างมีในสิ่งที่อีกฝ่ายไม่มี ทั้งสองจึงชวนกันมาลองเดินป่าดูสักครั้ง โดยเทรเวอร์ยินดีจะทำหน้าที่เป็นขาให้เมลานี ส่วนเมลานีก็จะทำหน้าที่เป็นดวงตาให้เทรเวอร์

Advertisement

“มันดูเหมือนสามัญสำนึกง่ายๆ เขาทำหน้าที่เป็นขา ส่วนฉันทำหน้าที่เป็นดวงตา ว้าว เรามาร่วมมือกัน เราเป็นทีมในฝัน” เมลานีให้สัมภาษณ์ในรายการกู๊ด มอร์นิ่ง อเมริกา หลังจากเดินป่าสำเร็จ และกำลังมีแพลนต่อไปว่า จะชวนกันเดินไฮกิ้ง ขึ้นเขาสูง 1,400 ฟุตในเดือนสิงหาคมนี้

เทรเวอร์เล่าว่า ที่จริงหลังจากตาบอด เขาก็เคยไปเดินป่า ไปปีนเขา โดยอาศัยการฟังเสียงกระดิ่งเป็นการนำทาง ซึ่งเขาก็สามารถเดินไปได้ “แต่มันเป็นการเดินแบบไม่มีเป้าหมาย คือผมก็แค่เดินไปตามเสียงกระดิ่ง ผมรู้สึกว่า มันน่าจะดีมากเลยหากผมมีเป้าหมายในการเดิน”

Advertisement

เทรเวอร์เล่าว่า การได้ร่วมทีมกับเมลานี มันทำให้การเดินป่าของเขามีเป้าหมาย “มันทำให้ผมมีความสุขที่ได้ช่วยใครบางคนให้ได้สัมผัสประสบการณ์ที่ผมได้สัมผัสมาแล้วทั้งชีวิต การที่ได้ขึ้นไปยืนบนเขาที่รถยนต์ไม่สามารถขึ้นไปถึง คุณได้สัมผัสถึงความรู้สึกแห่งความสำเร็จ แต่ที่ดีที่สุดก็คือ การที่ทำให้เธอยิ้มได้ นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมมีเป้าหมายในการเดิน”

ขณะที่เมลานีเล่าถึงสิ่งดีที่สุดในการเดินป่าของเธอกับเทรเวอร์ก็คือ การที่เธอมีโอกาสลุกออกมาจากรถวีลแชร์บ้าง “ฉันต้องนั่งอยู่บนรถวีลแชร์มาทั้งชีวิต มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมากที่ได้ลุกออกมา และได้มาเดินป่า”

ในการเดินป่าท่ามกลางข้อจำกัดของทั้งสอง เทรเวอร์และเมลานี บอกว่าพวกเขาต้องเตรียมตัว ต้องศึกษาเรื่องเส้นทางที่จะเดินอย่างมาก แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ “การสื่อสาร” ระหว่างกัน

“ฉันพยายามจะบอกเขาล่วงหน้าว่า มีอะไรขวางทางอยู่ข้างหน้าบ้าง อย่างเช่นมีก้อนหิน มีรากต้นไม้ ฉันต้องคอยเตือนตัวเองให้บอกทิศทางแก่เขา”

เทรเวอร์เล่าเสริมว่า “นี่เป็นภารกิจที่ต้องใช้การทำงานเป็นทีมเวิร์กอย่างมาก เพราะถ้าผมล้ม เธอก็ล้ม”

นี่จึงเป็นการเดินป่า ที่มีทั้งเป้าหมาย และความสุข เพราะทั้งคู่ต่างมีความรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวงต่อกันและกัน

 

เครดิตภาพจาก hiking_with_sight

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image