ที่มา | มติชนรายวัน หน้า 18 |
---|---|
เผยแพร่ |
จิตใจเบิกบาน แบบ ‘คนญี่ปุ่น’ แนวคิด ‘อิคิไก’
อิคิไก – ความเครียด อีกหนึ่งภาวะที่กลายเป็นปัญหาสุขภาพ ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศและทุกวัย กระนั้นหลายๆ คนก็มีวิธีรับมือกับความเครียดที่ต่างกันแต่กับหลายๆ คนก็กำลังหาทางออกว่าจะรับมือกับความเครียดอย่างไร ?
ธัญจัดกิจกรรมสร้างทัศนคติเชิงบวกกับการใช้ชีวิตของคนเมืองยุคใหม่ ที่ต้องเผชิญกับความเร่งรีบ การแข่งขัน รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต โดยมี จอย-สุนันท์ษา นิธิวาสิน นักพูดสร้างทัศนคติบวกชื่อดังคอยให้คำแนะนำ
สุนันท์ษากล่าวว่า เวลาที่รู้สึกเครียดมากๆ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนความเครียด หรือ “ฮอร์โมนคอร์ติซอล” (Cortisol) และหากเกิดความเครียดบ่อยๆ จนมีการหลั่งคอร์ติซอลออกมามากเกินไป จนเกิดเป็นภาวะความเครียดสะสม ทั้งยังก่อให้เกิด “ภาวะต่อมหมวกไตล้า” ที่มักจะพบได้บ่อยในกลุ่มคนวัยทำงาน หรือวัยเรียนมากถึง 80-90% ทำให้สุขภาพไม่แข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ มีอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียเรื้อรัง ไม่ค่อยมีแรง และทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
ทั้งนี้ การบริหารจัดการความเครียด เชื่อมโยงโดยตรงกับความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) หากมีอีคิวที่ดีก็จะสามารถเผชิญหน้ากับความเครียดและจัดการกับมันได้อย่างถูกวิธี ซึ่งเคล็ดลับง่ายๆ ก็คือ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “ความเครียดที่กำลังเผชิญนั้นเกิดจากสาเหตุอะไร หรือมีสิ่งใดคอยกระตุ้น จากนั้นก็ค่อยหาวิธีจัดการอย่างเหมาะสม”
นอกจากนี้การมองโลกตามความเป็นจริง และอยู่กับปัจจุบันนั้นจะช่วยแก้ไขปัญหาได้ดี ส่วนการมองโลกในเชิงบวกนั้นเป็นการส่งเสริมหรือให้กำลังใจตัวเอง เพื่อให้มีแรงกายและแรงใจที่จะสู้ต่อไป และยังช่วยให้เราทำสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้นและมีความสุขกับมันมากยิ่งขึ้น
สุนันท์ษาแนะนำแนวความคิดสร้างความสุขในการดำเนินชีวิตแบบยั่งยืน ที่โด่งดังและได้รับความนิยมในญี่ปุ่น คือ “อิคิไก” (IKIGAI) ซึ่งมีความหมายว่า “การมองหาคุณค่าและความสุขจากการใช้ชีวิต” โดยโฟกัสกับสิ่งที่จำเป็น และตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นทิ้งไปบ้าง จะมีความสุขกับทุกนาทีและเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น
สำหรับอิคิไกประกอบด้วยความสมดุลระหว่าง 4 สิ่ง ได้แก่ 1.สิ่งที่รักหรือมีความสุขที่ได้ทำ 2.สิ่งที่ถนัดหรือทำได้ดี 3.สิ่งที่มีประโยชน์และโลกกำลังต้องการ และ 4.สิ่งที่สร้างรายได้
โดยเมื่อนำ “สิ่งที่รัก + สิ่งที่ถนัด” จะเกิดเป็น “ความหลงใหล” (Passion), “สิ่งที่รัก + สิ่งที่โลกต้องการ” เป็น “หน้าที่” (Mission), “สิ่งที่โลกต้องการ + สิ่งที่สร้างรายได้” จะเท่ากับ งานหาเลี้ยงชีพ (Vocation) และ “สิ่งที่ถนัด + สิ่งที่สร้างรายได้” ก็จะได้เป็น “อาชีพเชี่ยวชาญ” (Profession)
เมื่อทราบดังนี้ก็จะสามารถจัดการกับความเครียดได้อย่างถูกวิธี เพราะความเครียดที่พอดีบวกกับการจัดการอย่างถูกวิธี ก็ส่งผลดีต่อเราด้วยเช่นกัน อาทิ ช่วยกระตุ้นให้เราทำงาน มีแรงฮึดขึ้นมาทำสิ่งต่างๆ ได้ และหากมีมากเกินไปก็ย่อมส่งผลร้าย
“เมื่อรู้ตัวว่าเครียดแล้ว ก็มีหลายวิธีเพื่อคลายความเครียด เช่น หันเหความสนใจด้วยการหางานอดิเรกที่ชอบทำ แม้จะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาโดยตรง แต่ก็เป็นวิธีที่ง่ายในการลดความเครียด ทำให้กลับมามีสติอยู่กับตัวเอง
“นอกจากนี้ เวลาที่เกิดความเครียดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ จะหดเกร็ง จึงควรฝึกเกร็งและคลายกล้ามเนื้อ ตลอดจนเลือกรับประทานอาหารที่มีสรรพคุณลดช่วยลดความเครียด เช่น ผักผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินบีและแมกนีเซียม ช่วยบํารุงประสาทและสมอง ทําให้รู้สึกผ่อนคลาย หรือเลือกทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม มะนาว ใบตําลึง ฯลฯ ช่วยลดฮอร์โมนคอร์ติซอล และทําให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทํางานดีขึ้น อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน อาทิ มันฝรั่ง มันเทศ ข้าวกล้อง ฯลฯ มีส่วนช่วยให้สมองหลั่งสารสื่อประสาทชื่อ “เซโรโทนิน” สามารถควบคุมอารมณ์ ลดความวิตกกังวล ลดความโกรธ และซึมเศร้า ตลอดจนควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ อารมณ์มั่นคง และไม่อ่อนเพลีย” สุนันท์ษากล่าวทิ้งท้าย
จิตใจให้เบิกบาน