จิตใจเบิกบาน แบบ ‘คนญี่ปุ่น’ แนวคิด ‘อิคิไก’

(ภาพจาก pixabay)

จิตใจเบิกบาน แบบ ‘คนญี่ปุ่น’ แนวคิด ‘อิคิไก’

อิคิไก – ความเครียด อีกหนึ่งภาวะที่กลายเป็นปัญหาสุขภาพ ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศและทุกวัย กระนั้นหลายๆ คนก็มีวิธีรับมือกับความเครียดที่ต่างกันแต่กับหลายๆ คนก็กำลังหาทางออกว่าจะรับมือกับความเครียดอย่างไร ?

ธัญจัดกิจกรรมสร้างทัศนคติเชิงบวกกับการใช้ชีวิตของคนเมืองยุคใหม่ ที่ต้องเผชิญกับความเร่งรีบ การแข่งขัน รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต โดยมี จอย-สุนันท์ษา นิธิวาสิน นักพูดสร้างทัศนคติบวกชื่อดังคอยให้คำแนะนำ

สุนันท์ษากล่าวว่า เวลาที่รู้สึกเครียดมากๆ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนความเครียด หรือ “ฮอร์โมนคอร์ติซอล” (Cortisol) และหากเกิดความเครียดบ่อยๆ จนมีการหลั่งคอร์ติซอลออกมามากเกินไป จนเกิดเป็นภาวะความเครียดสะสม ทั้งยังก่อให้เกิด “ภาวะต่อมหมวกไตล้า” ที่มักจะพบได้บ่อยในกลุ่มคนวัยทำงาน หรือวัยเรียนมากถึง 80-90% ทำให้สุขภาพไม่แข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ มีอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียเรื้อรัง ไม่ค่อยมีแรง และทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

สุนันท์ษา นิธิวาสิน

ทั้งนี้ การบริหารจัดการความเครียด เชื่อมโยงโดยตรงกับความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) หากมีอีคิวที่ดีก็จะสามารถเผชิญหน้ากับความเครียดและจัดการกับมันได้อย่างถูกวิธี ซึ่งเคล็ดลับง่ายๆ ก็คือ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “ความเครียดที่กำลังเผชิญนั้นเกิดจากสาเหตุอะไร หรือมีสิ่งใดคอยกระตุ้น จากนั้นก็ค่อยหาวิธีจัดการอย่างเหมาะสม”

Advertisement

นอกจากนี้การมองโลกตามความเป็นจริง และอยู่กับปัจจุบันนั้นจะช่วยแก้ไขปัญหาได้ดี ส่วนการมองโลกในเชิงบวกนั้นเป็นการส่งเสริมหรือให้กำลังใจตัวเอง เพื่อให้มีแรงกายและแรงใจที่จะสู้ต่อไป และยังช่วยให้เราทำสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้นและมีความสุขกับมันมากยิ่งขึ้น

สุนันท์ษาแนะนำแนวความคิดสร้างความสุขในการดำเนินชีวิตแบบยั่งยืน ที่โด่งดังและได้รับความนิยมในญี่ปุ่น คือ “อิคิไก” (IKIGAI) ซึ่งมีความหมายว่า “การมองหาคุณค่าและความสุขจากการใช้ชีวิต” โดยโฟกัสกับสิ่งที่จำเป็น และตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นทิ้งไปบ้าง จะมีความสุขกับทุกนาทีและเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น

สำหรับอิคิไกประกอบด้วยความสมดุลระหว่าง 4 สิ่ง ได้แก่ 1.สิ่งที่รักหรือมีความสุขที่ได้ทำ 2.สิ่งที่ถนัดหรือทำได้ดี 3.สิ่งที่มีประโยชน์และโลกกำลังต้องการ และ 4.สิ่งที่สร้างรายได้

Advertisement

โดยเมื่อนำ “สิ่งที่รัก + สิ่งที่ถนัด” จะเกิดเป็น “ความหลงใหล” (Passion), “สิ่งที่รัก + สิ่งที่โลกต้องการ” เป็น “หน้าที่” (Mission), “สิ่งที่โลกต้องการ + สิ่งที่สร้างรายได้” จะเท่ากับ งานหาเลี้ยงชีพ (Vocation) และ “สิ่งที่ถนัด + สิ่งที่สร้างรายได้” ก็จะได้เป็น “อาชีพเชี่ยวชาญ” (Profession)


เมื่อทราบดังนี้ก็จะสามารถจัดการกับความเครียดได้อย่างถูกวิธี เพราะความเครียดที่พอดีบวกกับการจัดการอย่างถูกวิธี ก็ส่งผลดีต่อเราด้วยเช่นกัน อาทิ ช่วยกระตุ้นให้เราทำงาน มีแรงฮึดขึ้นมาทำสิ่งต่างๆ ได้ และหากมีมากเกินไปก็ย่อมส่งผลร้าย

“เมื่อรู้ตัวว่าเครียดแล้ว ก็มีหลายวิธีเพื่อคลายความเครียด เช่น หันเหความสนใจด้วยการหางานอดิเรกที่ชอบทำ แม้จะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาโดยตรง แต่ก็เป็นวิธีที่ง่ายในการลดความเครียด ทำให้กลับมามีสติอยู่กับตัวเอง

“นอกจากนี้ เวลาที่เกิดความเครียดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ จะหดเกร็ง จึงควรฝึกเกร็งและคลายกล้ามเนื้อ ตลอดจนเลือกรับประทานอาหารที่มีสรรพคุณลดช่วยลดความเครียด เช่น ผักผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินบีและแมกนีเซียม ช่วยบํารุงประสาทและสมอง ทําให้รู้สึกผ่อนคลาย หรือเลือกทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม มะนาว ใบตําลึง ฯลฯ ช่วยลดฮอร์โมนคอร์ติซอล และทําให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทํางานดีขึ้น อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน อาทิ มันฝรั่ง มันเทศ ข้าวกล้อง ฯลฯ มีส่วนช่วยให้สมองหลั่งสารสื่อประสาทชื่อ “เซโรโทนิน” สามารถควบคุมอารมณ์ ลดความวิตกกังวล ลดความโกรธ และซึมเศร้า ตลอดจนควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ อารมณ์มั่นคง และไม่อ่อนเพลีย” สุนันท์ษากล่าวทิ้งท้าย

จิตใจให้เบิกบาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image