| ที่มา | มติชนรายวันหน้า 18 |
|---|---|
| เผยแพร่ |
สังเกต ‘ไข้หวัดใหญ่’ ภัยที่ไม่ควรมองข้าม
ไข้หวัดใหญ่ – สุขภาพร่างกายเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเอาใจใส่และหมั่นดูแลอยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่โรค “ไข้หวัดใหญ่” กลายเป็นโรคยอดฮิต โดยสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่ 1 มกราคม-31 กรกฎาคม 2562 ว่ามีผู้ป่วยทั่วประเทศกว่า 2.1 แสนราย เสียชีวิต 16 ราย และจำนวนผู้ป่วยสะสมในภาพรวมสูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง และสูงกว่าปีที่ผ่านมา
จากสถิติที่เกิดขึ้นจึงมีหลายคนสนใจไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันและป้องกันโรค ช่วยลดความรุนแรงของการเจ็บป่วย ทั้งยังลดอัตราการเสียชีวิตในกลุ่มเสี่ยงด้วย ทั้งนี้ กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ อายุเกิน 4 เดือน เป็นกลุ่มเป้าหมายที่เสี่ยงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ควรได้รับวัคซีนมากที่สุด ขณะเดียวกันภูมิคุ้มกันนี้สามารถส่งต่อไปยังบุตรได้จนถึงอายุ 6 เดือน
นพ.ธเนศ จุนเจือจาน แพทย์ที่ปรึกษาของบริษัท บมจ. เอ็ทน่า ประกันสุขภาพ กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากเป็นวิธีการที่พิสูจน์ได้ว่าลดอัตราการเกิดโรค การนอนโรงพยาบาลและการเสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด อาทิ วัคซีน Fluarix Tetra ซึ่งครอบคลุมไข้หวัดสายพันธุ์ A สองสายพันธุ์และ B สองสายพันธุ์ รวม 4 สายพันธุ์สาเหตุของโรคไข้หวัดใหญ่เกิดจาก การติดเชื้อไวรัสที่ระบบทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน ผ่านอาการไอ จาม พูด ลมหายใจของผู้ที่ติดเชื้อ หรือน้ำลาย ซึ่งจะเห็นได้ว่าการป้องกันการแพร่กระจายด้วยวิธีดังกล่าวนั้นเป็นไปได้ยากในทางปฏิบัติ
ซึ่งการระบาดของไข้หวัดใหญ่มี 2 ช่วง คือฤดูฝน และฤดูหนาว
“วิธีการสังเกตอาการของโรคไข้หวัดใหญ่ คือมีอาการไข้ขึ้นสูง ปวดกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณหลัง ต้นขา และต้นแขน ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ในเด็กอาจมีอาการอาเจียน ท้องเสียร่วมด้วย หากพบอาการดังกล่าวให้รีบพบแพทย์ทันที เพื่อตรวจและทำการรักษา เพราะไข้หวัดใหญ่ไม่ได้รักษาด้วยยาปฏิชีวนะ ส่วนยาต้านไวรัสพบเพียงแค่การลดจำนวนวันป่วยเท่านั้น จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทุกคนควรให้ความใส่ใจในการป้องกันไข้หวัดใหญ่ผ่านทางการฉีดวัคซีน” นพ.ธเนศกล่าวทิ้งท้าย
ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า
