ที่มา | มติชนรายวัน หน้า 18 |
---|---|
เผยแพร่ |
รากเหง้า จิตวิญญาณของ ‘สีแดง’ กับตัวตนที่แท้จริงของ’แอร์เมส’
แอร์เมส (Hermes) แบรนด์ไฮเอนด์ที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมากว่า 182 ปี เป็นต้นแบบของการเปิดรับความก้าวหน้าของยุคสมัยใหม่กับมรดกทางงานฝีมือสุดประณีต หล่อหลอมจนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและได้รับการยอมรับไปทั่วโลก
กระนั้นใน “นิทรรศการ แอร์เมส เฮอริเทจ – รูฌส์ แอร์เมส” (Hermes Heritage – Rouges Hermes) นิทรรศการหมุนเวียนที่ยกเอาของสะสมหาชมยาก ของ “ชาร์ลส์ เอมิล แอร์เมส” ทายาทรุ่นที่ 2 ซึ่งเก็บรักษาไว้ใน “แอร์เมส มิวเซียม” ที่ประเทศฝรั่งเศส มาจัดแสดงให้สาวกแอร์เมสได้ชมฟรีๆ ณ ลานพาร์ค พารากอน ศูนย์การค้าสยามพารากอน ก็ได้บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแอร์เมสที่ไม่เคยรู้มาก่อนได้อย่างน่าสนใจ ทั้งยังเป็นนิทรรศการแอร์เมสแบบเอาต์ดอร์ครั้งแรกของโลก
ภายในนิทรรศการแบ่งออกเป็น 5 ส่วน เริ่มที่ส่วนแรก “The Original Crimson” เล่าถึงจิตวิญญาณและแรงบันดาลใจการสร้างสรรค์ผลงานของ “เอมิล แอร์เมส” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของ “สีแดง” เฉดสีแห่งความสง่างาม และ “สีม่วง” เฉดสีที่บ่งบอกถึงสถานะของชนชั้นสูง เฉกเช่น สีแดงเข้มคือสีที่ใช้ตกแต่งร้านแห่งแรกในกรุงปารีสของแอร์เมส
ต่อมาเป็นส่วนที่ 2 “The Invention of a deep red” กล่าวถึงยุคที่แอร์เมสเริ่มเป็นที่รู้จักในชื่อของแบรนด์เครื่องหนังสีแดงเข้ม ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบเดิมของกระเป๋าหนังที่เป็นสีธรรมชาติ ซึ่งแนวคิดที่นำสมัยนี้ได้พาให้แอร์เมสได้รับความนิยมอย่างมาก จนกระทั่งสีแดงเข้มแบ่งออกเป็นเฉดสีอีกมากมาย
สอดคล้องกับเรื่องราวที่นำเสนอในส่วนที่ 3 “Over The Shoulder, The Arm, Or In the hand” นำเสนอกระเป๋าเดินทางซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของแอร์เมส และสีแดงเข้มก็เป็นตระกูลสีที่นำมาออกแบบผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง ทั้งในรูปแบบกระเป๋าสะพายไหล่ คล้องแขน หรือกระเป๋าถือ ในคอลเล็กชั่นที่หาซื้อไม่ได้แล้ว อาทิ เบอร์กิ้น หนังจระเข้ จากคอลเล็กชั่นปี 2005 และกระเป๋าเดินทางหนังแกะและผ้าฝ่ายกำมะหยี่ RD 50 ปี 1930
ขณะที่ส่วนที่ 4 “Custom takes up reds” นำเสนอเครื่องแต่งกายและของใช้ในชีวิตประจำวันในเฉดสีแดง ซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ของนักขี่ม้าของแอร์เมส สะท้อนถึงจุดเริ่มต้นของแบรนด์ที่ถ่ายทอดทักษะมาจากช่างทำอานม้า ไม่ว่าจะเป็น น้ำหอมรูฌส์ แอร์เมส, นาฬิกาหนังลูกวัว และชุดราตรียาวสีแดง ออกแบบโดย Claude Brouet
ปิดท้ายด้วยส่วนสุดท้าย “To Grace the everyday” นำเสนอสีแดงหลากหลายเฉดที่นำมาใช้ตกแต่งพื้นที่ภายในอาคารทั้งลวดลายวอลเปเปอร์ ผ้าทอ และเฟอร์นิเจอร์ ไฮไลต์คือ “ตู้เครื่องประดับ” ไม้มะฮอกกานี ปี 2016 ที่ได้แรงบันดาลใจจากยุคเรเนซองส์ มีช่องเก็บเครื่องประดับ กระจกตรงกลางเปิดแล้วจะเจอช่องลับจำนวนมาก และติดตั้งระบบไฟแอลอีดีให้แสงสว่าง คลาสสิกนำสมัย
สามารถเข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่วันนี้ – 13 ตุลาคม เวลา 11.00 – 20.00 น. ณ ลานพาร์ค พารากอน
สีแดงแห่งความผูกพัน