แต่งงานใหม่รอบที่ 4 ในวัย 84 ปี ทำไมถึงไม่แปลก? โดย พิศณุ นิลกลัด

เมื่อราวสองปีครึ่ง ผมเคยเขียนถึง รูเพิร์ต เมอร์ด็อก อภิมหาเศรษฐีชาวออสเตรเลีย วัย 84 ปี ที่ร่ำรวยติดอันดับ อันดับ 77 ของโลก

เมอร์ด็อกมีทรัพย์สิน 13,900 ล้านดอลลาร์ (5 แสนล้านบาท)

ก่อนหน้านี้เขาเป็นข่าวโด่งดังเมื่อฟ้องหย่า เวนดี้ เติ้ง ภรรยาคนที่ 3 ที่อายุน้อยกว่าเขาถึง 38 ปี

ล่าสุด รูเพิร์ต เมอร์ด็อก เป็นข่าวดังอีกครั้ง หลังจากเขาประกาศหมั้นกับ เจร์รี่ ฮอลล์ อดีตซูเปอร์โมเดล วัย 59 ปี ที่ยังดูสวยปิ๊งเหมือนสาววัย 40 ต้นๆ

ข่าวการหมั้นลงหนังสือพิมพ์ Times ฉบับวันที่ 11 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งเมอร์ด็อกเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์

ADVERTISMENT

ตามข่าว ทั้งคู่รู้จักกันเพียง 4 เดือนจากการแนะนำของลูกสาวเมอร์ด็อก

สำหรับวันแต่งงาน ทั้งคู่ยังไม่ออกมาประกาศ แต่ตามธรรมเนียมตะวันตก พิธีแต่งงานมักจะจัดขึ้นภายใน 1 ปีหลังการหมั้น

การแต่งงานครั้งนี้จะเป็นการแต่งงานครั้งที่ 4 ของเมอร์ด็อก แต่เป็นครั้งแรกของ เจร์รี่ ฮอลล์

หลายคนคงคิดว่าเธอเคยแต่งงานกับ มิก แจ๊กเกอร์ นักร้องนำวงเดอะโรลลิ่ง สโตนส์ เพราะทั้งคู่จัดพิธีแต่งงานที่บาหลีเมื่อปี 1990 หลังคบกันมา 13 ปี

แต่การแต่งงานครั้งนั้นไม่มีผลผูกพันตามกฎหมาย ดังนั้น จึงถือว่า เจร์รี่ ฮอลล์ ยังไม่เคยแต่งงาน แม้จะมีลูกกับ มิก แจ๊กเกอร์ ด้วยกันถึง 4 คน และอยู่กินกันมานาน 22 ปีก็ตาม

เจร์รี่ ฮอลล์ เลิกกับ มิก แจ๊กเกอร์ ปี 1999 จากนั้น เธอก็ออกเดตกับผู้ชายอีกหลายคนทั้งอายุอ่อนกว่าและแก่กว่าเธอ แต่คุณสมบัติที่ต้องเหมือนกันทุกคนคือรวย

ว่าไปแล้ว เจร์รี่ ฮอลล์ ก็จัดว่าร่ำรวย ประเมินว่าเธอมีทรัพย์สินประมาณ 15 ล้านดอลลาร์ (500 ล้านบาท) ทำให้พูดไม่ได้เต็มปากนักว่า เธอแต่งงานกับเมอร์ด็อกเพราะเงิน

การตัดสินใจหมั้นครั้งนี้ เจร์รี่ ฮอลล์ ไม่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ใดๆ ว่าประทับใจอะไรในตัว รูเพิร์ต เมอร์ด็อก ว่าที่เจ้าบ่าวที่อายุมากกว่า 25 ปี ถึงได้ตกลงหมั้นกัน

ก่อนหน้าคบกับ รูเพิร์ต เมอร์ด็อก ฮอลล์เคยให้สัมภาษณ์เปรียบเทียบการเป็นแฟนกับผู้ชายที่อ่อนกว่าและแก่กว่าเธอว่า “แฟนหนุ่มนั้น สนุกสนาน (fun), กระฉับกระเฉง (enthusiasm) และ แรงดี (stamina)!”

ส่วนแฟนที่มีอายุมากกว่า เธอบอกว่า เป็นคู่รักที่ดีกว่าแฟนอายุน้อย (better lover) เพราะตัวเธอไม่ต้องการมีลูกอีก ไม่ต้องการให้ใครมาบงการชีวิต เธอไม่มีปัญหาเรื่องเงิน ดังนั้น คนที่เธอจะคบด้วยจึงต้องเป็นคนที่ใช่จริงๆ

สำหรับ รูเพิร์ต เมอร์ด็อก หลายคนสงสัยเหลือเกินว่า จะแต่งงานทำไมอีก เพราะล้มเหลวเรื่องชีวิตคู่มาแล้วถึง 3 ครั้ง และแต่ละครั้งที่หย่าก็หมดเงินนับพันล้าน หมื่นล้านบาท!

คำตอบง่ายๆ คือ พ่อม่ายมหาเศรษฐีทั้งหลายทั่วโลกต่างแต่งงานใหม่กันทั้งนั้น

เรื่องนี้มีการทำโพลสำรวจโดยเว็บไซต์ MillionaireMatch.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์สำหรับมหาเศรษฐีทั้งหญิงและชาย ทางเว็บไซต์มีข้อกำหนดว่า ให้บริการเฉพาะกลุ่มลูกค้าในสหรัฐอเมริกา, แคนาดา, ออสเตรเลีย, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, อิตาลี และประเทศที่พัฒนาแล้วเท่านั้น

ผู้ที่สนใจอยากสมัครเป็นสมาชิกต้องแสดงบัญชีเงินฝากหรือทรัพย์สินว่า มีไม่ต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์ (36 ล้านบาท) หรือมีรายได้ต่อปีไม่ต่ำกว่า 150,000 ดอลลาร์ (5 ล้านบาท)

จากการทำโพลสำรวจสมาชิกของเว็บไซต์จำนวน 5,000 คน พบว่า เศรษฐีชายที่หย่าร้างจำนวน 83% คิดจะแต่งงานใหม่ภายใน 5 ปี

มีเพียง 5% เท่านั้นที่บอกว่าเข็ดแล้วกับความรัก ชาตินี้ไม่ขอแต่งงานอีก

ขณะที่เศรษฐินีที่หย่าร้างมีเพียง 32% ที่คิดว่าจะแต่งงานใหม่ภายใน 5 ปี

อีก 68% บอกชาตินี้ไม่ขอมีสามีใหม่ หรือหากจะมีต้องขอเวลาอย่างน้อยๆ 10 ปี

ถามว่าทำไมสัดส่วนของเศรษฐินีที่คิดจะแต่งงานใหม่น้อยกว่าเศรษฐีชายเป็นเท่าตัว

เรื่องนี้คณะผู้สำรวจอธิบายว่า สำหรับเศรษฐินีนั้นรับไม่ได้หากผู้ชายคนใหม่ที่จะเข้ามาในชีวิต แต่งงานกับเธอเพราะเห็นเงิน เห็นความสุขสบายเป็นหลัก

เพราะสำหรับผู้หญิงแล้วไม่ว่าฐานะจะมั่งมีหรือยากจน ความรัก ความเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด ไม่ต้องการถูกหลอก

ดังนั้น แม่ม่ายทรงเครื่องมักจะรอผู้ชายคนใหม่ที่มีฐานะใกล้เคียงกันมาเป็นคู่ชีวิต เพราะทำให้อุ่นใจว่า ผู้ชายแต่งงานกับเธอเพราะความรัก ไม่ใช่เพราะเงินทอง

84% ของเศรษฐินีบอกว่า จะเลือกแต่งงานใหม่กับผู้ชายที่ร่ำรวยเหมือนกันเท่านั้น

ในทางตรงกันข้าม เศรษฐีชายที่ตกพุ่มม่าย จะไม่รอหญิงคนใหม่ว่าต้องรวยเหมือนกัน แต่พวกเขาจะคบกับผู้หญิงที่ทำให้ตัวเองมีความสุข เวลาอยู่ด้วยแล้วรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า ได้รับการยกย่อง ชื่นชม

เศรษฐีชาย 40% บอกที่ต้องแต่งงานใหม่เพราะอยากใช้เงินหาความสุข และต้องการปรนเปรอผู้หญิงสวย

80% บอกว่าไม่ต้องการแต่งงานใหม่กับผู้หญิงรวย ขอให้สวยก็พอใจสุดๆ แล้ว

หากเป็นไปตามโพลสำรวจนี้ การที่ รูเพิร์ต เมอร์ด็อก พ่อม่ายทรงเครื่องใหญ่ เจ้าของทรัพย์สินหลายแสนล้านบาท จะแต่งงานเป็นรอบที่สี่ ในวัย 84 ปี จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่ประการใด