ยืน 1 ท่ามกลางเสียงบูลลี่ วันแห่งความสำเร็จ ‘บิ๊นท์’ มิสอินเตอร์ฯ คนแรกของไทย

ยืน 1 ท่ามกลางเสียงบูลลี่ วันแห่งความสำเร็จ ‘บิ๊นท์’ มิสอินเตอร์ฯ คนแรกของไทย

มิสอินเตอร์ฯ คนแรกของไทย – นําความสุขมาให้คนไทยส่งท้ายปลายปี 2019 และได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการ “นางงามไทย” เมื่อสาวสวยหน้าหวาน “บิ๊นท์-สิรีธร ลีห์อร่ามวัฒน์” นางสาวไทย 2562 ดีกรีเภสัชกรหญิง คว้าตำแหน่ง “มิสอินเตอร์เนชั่นแนล 2019” ที่ประเทศญี่ปุ่น มาครองได้สำเร็จ พร้อมคว้ารางวัลพิเศษ Continental Queen of Asia หรือ “นางงามประจำทวีปเอเชีย”

สร้างประวัติศาสตร์ “สาวไทยคนแรก” ที่คว้ามงกุฎมิสอินเตอร์เนชั่นแนลตั้งแต่จัดการประกวดมา 59 ปี

รวมถึงเป็น “ครั้งแรก” ของเวทีนางสาวไทย โดยสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ส่งสาวงามเข้าประกวดเวทีอินเตอร์ หลังจากห่างหายไปนานกว่า 19 ปี

บิ๊นท์-สิรีธร ปัจจุบันอายุ 25 ปี ประกอบอาชีพเภสัชกรการตลาด ด้านยาภูมิคุ้มกันบำบัด เข้าประกวดนางงามเป็น “ครั้งแรก” และมงลงกลายเป็น “นางสาวไทยคนที่ 51” ที่มีเส้นทางสู่การเป็นนางงามจากความรักสวยรักงาม และมีแรงบันดาลใจมาจากรุ่นพี่นางสาวไทย ปี 2549 หมอเจี๊ยบ-พญ.ลลนา ก้องธรนินทร์ ที่นอกจากจะสวยแล้วยังใช้ความสามารถในการช่วยเหลือสังคม โดยเธอเตรียมตัวมาอย่างหนัก ทั้งลดน้ำหนัก ดูแลรูปร่าง ฝึกเดิน ฝึกพูดและตอบคำถาม

Advertisement

ภญ.สิรีธร ให้สัมภาษณ์กับมติชนไว้ว่า ความงามอย่างไทยในฉบับของเธอคือ “วิถีชีวิต” แบบไทยๆ เธอบอกว่า ตั้งแต่เด็กเธอชื่นชอบการกินอาหารไทยฝีมือคุณย่ามาก โดยเฉพาะเมนูน้ำพริกต่างๆ รวมถึงการไปเดินจ่ายตลาด ซึ่งสะท้อนได้ดีถึงวิถีชีวิตอันงดงามของคนไทยที่ซึมซับมาจากรุ่นสู่รุ่น เป็นความงดงามที่แท้จริงซึ่งแฝงอยู่ในชีวิตประจำวัน

(Photo by Jun Sato/WireImage)

‘ยืนหนึ่ง’ ท่ามกลางเสียงบูลลี่

ท่ามกลางความดีใจและความสุขของคนไทย เมื่อย้อนกลับไปในวันที่สาวบิ๊นท์คว้าตำแหน่ง “นางสาวไทย 2562” เธอถูกบูลลี่อย่างหนักในโลกโซเชียลจากแฟนนางงามบางกลุ่มว่า “สวยไม่สมมง” รวมถึงสบประมาทในเรื่องภาษา ที่อาจจะทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร

เภสัชกรสาวดีกรีนางงาม บอกถึงความรู้สึกต่อกระแสดังกล่าวหลังมงลงว่า “บิ๊นท์มองว่าเป็นความคิดเห็นที่ช่วยผลักดันบิ๊นท์ เพราะคำว่าไม่สมมงมันอาจจะหมายถึงตอนนี้บิ๊นท์ยังไม่สมมง แต่ในอนาคตอาจจะสมมงสำหรับคนที่แสดงความเห็นแบบนี้มาก็ได้”

Advertisement

“ต้องบอกก่อนว่า ไม่เคยรู้เกี่ยวกับวงการนางงามเท่าไหร่ แค่ติดตามดูบ้าง แต่ไม่เคยเข้าไปในบอร์ด และวันแรกหลังได้รับตำแหน่ง เปิดเฟซบุ๊กก็โดนด่าเลย ตอนแรกไม่รู้ แต่มีคนทักมาบอก แคปมาให้ดู ก็รู้สึกว่ามีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ วันแรกน้ำตาตก แต่พอวันที่ 2 ด้วยบิ๊นท์เป็นคนที่เครียดได้ไม่นาน ถ้าเครียดเราจะรู้สึกว่าทำไมเราต้องให้ชีวิต ร่างกาย และจิตใจเราเครียด ก็ปล่อยมัน มันแก้อะไรไม่ได้แล้ว พอวันที่ 2 เราแฮปปี้เลย แล้วก็คิดว่า ที่เขาติเพราะเขาอยากได้ตัวแทนที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย เมื่อตอนนี้เรายังไม่ดีพอ แต่เราเป็นได้ เรามั่นใจในตัวเองว่าเราเป็นตัวแทนที่ดีได้ ก็แค่พัฒนาตัวเอง ให้มากขึ้นๆ จนหลังๆ ผ่านไป 27 วัน เพราะเรามีเวลาเตรียมตัวแค่ 27 วัน ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ

จากคนที่ ไม่เคยแตะต้องอะไรเกี่ยวกับหน้าเลย ไม่เคยแม้กระทั่งฉีดโบท็อกซ์ แต่เพื่อให้เราเป็นตัวแทนที่ดีที่สุด มันต้องทำให้ดีขึ้น มันไม่ได้เปลี่ยนหน้า แต่ต้องทำให้ดีขึ้น ดังนั้น โอเค เรายอม ซึ่งเจ็บมาก (เสียงสูง) อะไรที่ยุ่งกับหน้าคือ เจ็บมาก เราก็ทำ ทั้งที่ใจลึกๆ ถ้าไม่ได้ตำแหน่งไม่ทำแน่นอน เพราะชอบหน้าที่ตัวเองมีแก้ม”

(Photo by Jun Sato/WireImage)

เธอย้ำว่า “ไม่มีใครดีตั้งแต่ต้น ยิ่งบิ๊นท์เองก็ไม่ได้มีพื้นฐานมาก่อน แน่นอนว่าอาจจะยังไม่ดูว้าว ดูปัง แต่ในอนาคตจะทำให้ดีขึ้นกว่าตอนนี้ที่เป็นอยู่แน่นอน”

ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ สาวบิ๊นท์ “ฟันฝ่า” และ “ยืนหนึ่ง” พิสูจน์ตัวเอง เตรียมความพร้อมอย่างหนักในทุกๆ ด้าน เพื่อให้ตัวเองพร้อมที่สุดในการเป็นตัวแทนสาวไทยเข้าร่วมประกวดกับสาวงาม 82 ประเทศทั่วโลก

จนในช่วงวันท้ายๆ ของระยะเวลาการเตรียมตัวไปประกวดที่มีเพียง 27 วัน แฟนนางงามก็เริ่มเปิดใจ และหันมาเชียร์เธอมากขึ้น หลายคนชื่นชมในความสตรองของเธอที่แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์แต่ก็ยังยิ้มได้เสมอ

“ทุกคนสตรองได้เหมือนกัน ทุกอย่างอยู่ที่ความคิดเรา มันจะไม่มีอะไรทำร้ายเราได้เลย ถ้าความคิดเราแข็งแรง คิดในแง่ดี จริงๆ ต้องบอกว่าไม่ได้พยายามคิดในแง่ดี แต่บิ๊นท์คิดอย่างนี้จริงๆ และดีใจมากที่ทุกคนเปิดใจ เหมือนเราทำมิชชั่นสำเร็จแล้ว ในที่สุด คนก็เห็นว่าเราพยายาม ซึ่งมันไม่ใช่งานหนักแค่ของบิ๊นท์คนเดียว ทีมงานก็หนักเพราะ 27 วันในการเปลี่ยนแปลงตัวบิ๊นท์ เป็นระยะเวลาที่สั้นมาก”

และเธอได้เผยความในใจอีกครั้งในวันประกวดรอบตัดสิน ที่โตเกียวโดม กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในรอบการแข่งขันกล่าวสุนทรพจน์ ในหัวข้อ Cheer All Women คนละ 45 วินาที ในรอบ 8 คนสุดท้าย

“ฉันรู้ว่าฉันโดนวิจารณ์อย่างหนัก ตอนที่ได้รับรางวัลในประเทศไทย แต่ก็ไม่เคยยอมแพ้ และตอนนี้ฉันมายืนอยู่บนเวทีแห่งนี้ ฉันกล้าที่จะฝันจะเป็นนางงาม แม้ว่าจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับงานของฉันเลย แต่ก็นำเอาคำวิจารณ์เหล่านั้นมาพัฒนาปรับปรุงตัวเอง เพื่อเป็นตัวแทนที่ดีที่สุดของประเทศ และสร้างความภูมิใจให้กับประเทศของฉัน ดังนั้น พลังผู้หญิงของฉัน คือ เราจะให้กำลังใจ สนับสนุน และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงทั่วโลก สร้างฝันให้เป็นจริง และสร้างสิ่งดีๆ ให้กับโลกนี้ หากฉันได้เป็นมิสอินเตอร์เนชั่นแนล 2019 ฉันจะเป็นแรงบันดาลใจว่า ถ้าผู้หญิงธรรมดาอย่างฉันสามารถทำได้ ทุกคนก็ทำได้เช่นกัน”

เป็นสุนทรพจน์ที่ทรงพลังและเรียกเสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วโตเกียวโดม

แบบอย่าง “ผู้หญิงไม่หยุดพัฒนา”

ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจและย่อท้อต่ออุปสรรคง่ายๆ วันที่ 12 พฤศจิกายน เป็นวันที่ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล จาก “นางงามโดนบูลลี่” เป็น “นางงามมง(ใหญ่)ลง” คว้าที่ 1 มิสอินเตอร์เนชั่นแนล 2019 มาครอง

เธอไม่ได้มีดีแค่ “สวย” แต่ยังเป็นแบบอย่างของความมุ่งมั่น ความพยายาม ความสตรอง เป็น “สมาร์ทวูแมน” ที่ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง

“ตอนที่ได้รับตำแหน่ง งงมากๆ เห็นได้จากหน้าบิ๊นท์ตอนนั้น เพราะคิดว่าเพื่อนสาวงามทุกคนมีความสวยตามสไตล์ของแต่ละคน ทุกคนมีดีของตัวเอง เราก็คิดว่าเรามีลุ้น แต่ไม่คิดว่าจะถึงที่ 1 เพราะเป็นการประกวดในระดับนานาชาติ แล้วพอถึงช่วงที่มงกุฎลงมันก็เหวอ เพราะคิดว่าเป็นความสำเร็จยิ่งใหญ่มากสำหรับชีวิตเรา ก็ภูมิใจว่า ประเทศไทยทำได้แล้ว” สาวบิ๊นท์เปิดใจหลังคว้ามงกุฎ

“วันนี้เป็นวันที่บิ๊นท์ประสบความสำเร็จ แต่ไม่ใช่ความสำเร็จของบิ๊นท์คนเดียว เป็นความสำเร็จของคนไทยทุกคนเลย เพราะเป็นมงกุฎมิสอินเตอร์เนชั่นแนลมงแรกที่ประเทศไทยได้มา”

(Photo by Jun Sato/WireImage)

เธอบอกอย่างภูมิใจ และว่า “บิ๊นท์อยากจะบอกว่า อยากให้ของขวัญชิ้นนี้เป็นของคนไทยทุกคน หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกัน ขอขอบคุณสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย มากๆ ถ้าไม่มีจุดเริ่มต้นมาจากเวทีนางสาวไทยก็ไม่มีวันนี้เหมือนกัน รวมถึงทีมไทยที่ช่วยบิ๊นท์ทุกอย่าง บิ๊นท์ไม่มีทางที่จะมายืนตรงนี้ได้ด้วยตัวบิ๊นท์คนเดียว ทีมไทยเราสตรอง และเราก็ทำได้แล้ว วันนี้เราไม่อายใครแล้ว” สิรีธรกล่าวด้วยรอยยิ้ม

นอกจากนี้ เธอยังโพสต์ภาพสวมมงกุฎพร้อมเผยความในใจผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่า

“การได้เป็นมิสอินเตอร์เนชั่นแนล 2019 คือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน มากไปกว่านั้นความรักและมิตรภาพระหว่าง 82 พี่น้องนางงามจากทั่วโลกคือสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ฉันรู้สึกโชคดีมากๆ ที่ได้อยู่ตรงนี้กับพวกคุณทุกๆ คน บนเวทีแห่งนี้”

จาก อาภัสรา-ภรณ์ทิพย์ ถึง สิรีธร

เพจ นางสาวไทย-Miss Thailand ได้เผยแพร่บทความอันน่าประทับใจภายหลังจากสาวบิ๊นท์คว้ามงกุฎมาฝากคนไทยว่า

3 นางสาวไทยกับเส้นทางความสำเร็จบนเวทีระดับโลก!!!

นางสาวไทยคนแรกที่ไปคว้าตำแหน่งนางงามระดับโลกเป็นคนแรกของไทยได้แก่ อาภัสรา หงสกุล นางสาวไทย 2507 ที่ไปคว้าตำแหน่ง นางงามจักรวาล 2508 จากการประกวดนางงามจักรวาลครั้งที่ 14 ณ หาดไมอามี่ มลรัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา

ก่อนเดินทาง อาภัสราได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โปรดเกล้าฯให้เข้าเฝ้าฯ พระราชทานคำแนะนำ รวมทั้งยังทรงพระราชทานออกแบบทรงผม สำหรับการประกวดให้แก่อาภัสราอีกด้วย

ถัดมาเป็นเวลา 23 ปี สาวงามที่เติบโตจากอเมริกา ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก หรือ ปุ๋ย เดินทางกลับบ้านเกิดด้วยความมั่นใจมาคว้าตำแหน่งมงกุฎนางสาวไทย 2531 เธอสร้างความตื่นเต้นให้คนไทยในยุคนั้นด้วยการประเดิมรางวัลแรก คือ ชุดประจำชาติยอดเยี่ยม ที่มีการประกวดก่อนวันตัดสิน 1 สัปดาห์

ในรอบตัดสินเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2531 ในการประกวดรอบ 10 คนสุดท้าย ภรณ์ทิพย์สร้างความประทับใจให้กับกรรมการอย่างมากระหว่างช่วงการประกวดรอบสัมภาษณ์ที่มีคะแนนพุ่งมาเป็นลำดับที่ 1 ด้วยสกอร์ 9.730 ซึ่งทำให้เธอกวาดชัยชนะทั้งสามรอบ ในการประกวดชุดว่ายน้ำ และชุดราตรี และกลายเป็นผู้ชนะอย่างขาดลอยของการประกวดนางงามจักรวาลในปีนั้น

ภรณ์ทิพย์นับเป็น นางสาวไทยคนที่ 2 ที่ประสบความสำเร็จบนเวทีระดับโลก

เวลาผ่านไป 31 ปี จากชัยชนะของภรณ์ทิพย์ ปีนี้นับเป็นครั้งแรกในรอบ 19 ปี ที่นางสาวไทยได้มีโอกาสเป็นตัวแทนสาวไทยในการประกวดนางงามระดับโลกอีกครั้งหนึ่ง จากเวทีมิสยูนิเวิร์ส หรือนางงามจักรวาล สู่เวทีที่เก่าแก่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก เวทีมิสอินเตอร์เนชั่นแนล หรือ นางงามนานาชาติ บิ๊นท์-สิรีธร ก็ไม่ทำให้คนไทยผิดหวัง คว้ามงกุฎมาครองได้สำเร็จ โดยมีรองอันดับหนึ่ง ได้แก่ นางงามเม็กซิโก รองอันดับ 2 นางงามยูกันดา รองอันดับ 2 นางงามโคลัมเบีย และรองอันดับ 3 นางงามสหราชอาณาจักร

ในการประกวดครั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทานชุดว่ายน้ำจากแบรนด์ SIRIVANNAVARI คอลเล็กชั่น Abode of Metamorphosis Spring-Summer 2019 ให้สิรีธรสวมใส่เข้าประกวดในรอบชุดว่ายน้ำด้วย

(Photo by Jun Sato/WireImage)

ความสำเร็จของสาวผู้ไม่ยอมแพ้ “บิ๊นท์-สิรีธร ลีห์อร่ามวัฒน์”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image