10 มารยาท ‘คุยแชต’ ศิลปะสื่อสารยุคดิจิทัล

มารยาทคุยแชต

10 มารยาท ‘คุยแชต’ ศิลปะสื่อสารยุคดิจิทัล

มารยาทคุยแชต – ในแต่ละวัน ผู้คนหลายล้านคนที่ใช้งาน “เฟซบุ๊ก” (Facebook) เพื่อการเชื่อมต่อ และวิธีการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการส่งข้อความดิจิทัลในทุกๆ วัน มีการส่งข้อความบนแพลตฟอร์มการส่งเมสเสจของเฟซบุ๊กกว่า 1 แสนล้านข้อความ แม้ว่าการส่งข้อความดิจิทัลกลายเป็นหนึ่งในกระแสความนิยมของการติดต่อสื่อสาร แต่ดูเหมือนว่ากติกาในการสร้างปฏิสัมพันธ์ผ่านทางแชตยังไม่ได้มีการกำหนดกฎกติกามารยาทอย่างชัดเจน

เพื่อสนับสนุนให้มีการใช้งานที่ดียิ่งขึ้นในยุคข้อความดิจิทัล เฟซบุ๊ก ได้ทำงานร่วมกับ เดอเบรตต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านมารยาทในสังคม เพื่อรวบรวมคู่มือเกี่ยวกับมารยาทในยุคดิจิทัลขึ้นเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ หรือเรียกว่า “ศิลปะแห่งการส่งข้อความดิจิทัล: แนวทางของการสื่อสารในยุคดิจิทัล” นำเสนอเคล็ดลับ 10 ข้อที่จะช่วยให้แชตครั้งต่อไปของคุณไม่ถูกมองข้าม และยังไม่สร้างความบาดหมางใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือใครก็ตาม

1.สื่ออารมณ์และความหมายให้ดี

โทนเสียงในข้อความของคุณสามารถส่งผลต่อความหมายได้มากกว่าที่คิด ใช้โทนน้ำเสียงที่เป็นมิตรและเป็นกลางที่สุด หลีกเลี่ยงถ้อยคำเหน็บแนมหรือเสียดสี สัญลักษณ์ต่างๆ หรืออีโมจิน่ารักๆ ช่วยทำให้โทนของข้อความเป็นเชิงบวกได้

Advertisement

นอกจากนี้ เช็กก่อนเสมอว่าสะกดคำผิดหรือไม่ รวมถึงการใช้แก้ไขข้อความอัตโนมัติที่อาจทำให้ความหมายที่คุณต้องการจะสื่อบิดเบือนไป หากเป็นข้อความที่อาจสื่อถึงการเสียดสี พบว่าคนอเมริกันมักถามคู่สนทนาตรงๆ ให้แน่ใจเพื่อป้องกันการเข้าใจผิด ในขณะที่ร้อยละ 31 ของคนอังกฤษเลือกที่จะไม่สนใจและเมินเฉยข้อความประเภทนี้

2.กระชับเข้าไว้ แต่อย่าสั้นจนเกินไป

ความยาวเป็นเรื่องสำคัญเมื่อส่งข้อความ ทุกครั้งที่แชต ควรใส่ใจถึงความสั้นยาวของข้อความอยู่เสมอ ข้อความที่ยาวเป็นย่อหน้าอาจทำให้หลายคนเบือนหน้าหนี แต่การตอบข้อความด้วยคำสั้นๆ แค่หนึ่งคำ หรือส่งอีโมจิแค่รูปเดียวอาจสื่อว่าคุณยุ่งเกินจนกว่าจะตอบหรือไม่สนใจในบทสนทนานั้นๆ ขอแนะนำให้ส่งข้อความที่มีจำนวนประโยคน้อยๆ ลองใช้วิดีโอแชต หากมีเรื่องมากมายที่อยากคุย และเมื่อต้องการจบบทสนทนาและแจ้งอีกฝ่ายว่ารับทราบเรื่องแล้ว ตอบกลับด้วยประโยคสั้นๆ แต่นิ่มนวลแทนการส่งแค่คำเดียว ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว ความยาวของข้อความที่ส่งบน Messenger มีแค่ 5 คำ

Advertisement

3.อย่าส่งหลายข้อความติดๆ กัน

เก็บใจความสำคัญให้ครบภายในข้อความเดียว และถ้าเป็นไปได้ หลีกเลี่ยงการส่งหลายข้อความติดๆ กัน เพราะอาจทำให้ผู้รับรู้สึกรำคาญและเสียสมาธิได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแชตกลุ่ม การส่งข้อความเยอะๆ ในครั้งเดียวอาจทำให้ผู้ร่วมบทสนทนาคนอื่นสับสนและตามบทสนทนาไม่ทัน โดยร้อยละ 37 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลกเห็นพ้องต้องกันว่าการรัวข้อความติดๆ กันนั้นเสียมารยาท (เช่น การตอบเพียงหนึ่งข้อความ ด้วยแชตมากกว่า 10 ข้อความขึ้นไป)

4.แคร์สักนิดก่อนคิดแชร์

ขออนุญาตเจ้าของข้อความเสมอก่อนจะส่งต่อข้อความ รูปภาพหรือเอกสารใดๆ ให้กับคนอื่นๆ และควรเป็นกติกาเช่นเดียวกันกับการแชตแบบกลุ่ม เลี่ยงการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของคนอื่น เช่น ถามเพื่อนอย่างเปิดเผยถึงวีรกรรมเมื่อไปเดตล่าสุด ซึ่งอาจทำให้เพื่อนรู้สึกว่าโดนแฉและอับอายได้ โดยเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ร่วมตอบแบบสอบถามทั่วโลกมองว่าการส่งต่อข้อความของเพื่อนไปให้คนอื่นนั้นเป็นการเสียมารยาท

5.ต้องรู้ว่ากำลังแชตอยู่กับใคร

สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อได้รับคำเชิญเข้าแชตกลุ่มคือเช็กดูว่ามีใครอยู่ในกลุ่มแชตนั้นบ้าง เพื่อที่คุณจะได้ทราบว่ากลุ่มนี้สนใจ บทสนทนาในเรื่องใด หลีกเลี่ยงการเล่นมุขเฉพาะกลุ่มหรือพูดถึงเรื่องที่คนอื่นไม่เข้าใจ และควรส่งข้อความที่มีความเกี่ยวข้องกับคนส่วนใหญ่อยู่เสมอ หากต้องการพูดคุยกับใครสักคน ควรแชตแยกออกไป โดยร้อยละ 42 ของผู้ร่วมตอบแบบสอบถามทั่วโลกชอบให้แชตกลุ่มมีสมาชิกน้อยกว่า 6 คน

6.อย่าปล่อยให้เขารอเก้อ

หากว่าเพื่อนที่อยู่ในกลุ่มแชตของคุณส่งข้อความมาแต่ไม่มีใครตอบ อย่าปล่อยให้พวกเขารอเก้อ ตอบกลับ อาจเพียงแค่ตอบแบบง่ายๆ อย่างการกด ‘ถูกใจ’ ข้อความของพวกเขา หรือบอกว่าคุณไม่รู้คำตอบก็ได้

การทำเช่นนี้จะช่วยกระตุ้นผู้อื่นให้ตอบกลับเช่นกัน แต่หากคุณเป็นคนที่ถูกปล่อยให้รอเก้อเองก็อย่าไปถือสา รอให้เวลาผ่านไป 24 ชั่วโมงก่อนแล้วค่อยติดตามการสนทนาโดยทักด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่า “แค่อยากรู้ว่าเป็นยังไงบ้างนะ…”

ผู้ร่วมตอบแบบสอบถามทั่วโลกรู้สึกไม่พอใจเป็นที่สุดเมื่อไม่มีใครตอบคำถามหรือตอบรับความคิดเห็นของพวกเขา และสิ่งที่ทำให้ผู้คนไม่พอใจในลำดับถัดมาคือเมื่อมีคนเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวให้เห็นกันทั้งกลุ่ม

7.ตอบกลับให้ฉับไว

การตอบกลับข้อความในทันทีเป็นวิธีที่สุภาพ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดหากคุณกำลังยุ่งและรู้ว่าข้อความนั้นไม่ได้เป็นเรื่องเร่งด่วน คุณสามารถเก็บข้อความนั้นไว้โดยไม่เปิดอ่านจนกว่าคุณจะมีเวลาว่างตอบกลับ อีกทางเลือกคือคุณสามารถเปิดการแจ้งเตือนแบบพุช (push) ที่ช่วยให้อ่านข้อความได้ก่อน โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ว่าคุณอ่านแล้ว ซึ่งช่วยให้คุณสามารถตอบกลับในเวลาที่สะดวกได้

8.เลิกนิสัยชอบเท

หมดความสนใจในบทสนทนานี้แล้วใช่ไหม แม้ว่าจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อย่าตัดขาดการติดต่อทั้งหมดไปอย่างห้วนๆ การเพิกเฉยข้อความของผู้อื่นมักนำไปสู่การเท และยังสร้างความรู้สึกกระวนกระวายและความไม่แน่ใจให้อีกฝ่าย หากคุณต้องการยุติการปฏิสัมพันธ์ ให้ทำอย่างเปิดเผยและนุ่มนวล ด้วยการอธิบายที่กระชับและสุภาพ หากคุณกำลังคบหาหรือรู้จักอีกฝ่ายมาสักพักแล้ว ควรโทรศัพท์ไปหาเขาหรือบอกเขาต่อหน้าเมื่อพบกัน โดยร้อยละ 47 ของผู้ร่วมตอบแบบสอบถามทั่วโลกเคยถูกเทระหว่างการสนทนาและร้อยละ 39 ของผู้ร่วมตอบแบบสอบถามยอมรับว่าเคยเทคนอื่นมาแล้ว

9.ฝึกลาให้ถูกธรรมเนียม

เบื่อใช่ไหมกับการส่งรูปอาหารในแชตครอบครัวที่ไม่เคยหยุดหย่อน ไม่อยากเห็นอัพเดตการเตรียมงานแต่งงานรายวันในกลุ่ม “เพื่อนเจ้าสาว” แล้วใช่ไหม แต่ก่อนจะออกจากกลุ่มใด ต้องวางแผนให้ดี อธิบายเหตุผลสั้นๆ ให้ใกล้เคียงกับความจริงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น คุณต้องเร่งทำงานให้ทันกำหนดส่งเลยต้องพักจากมือถือสักหน่อย จากนั้นก็ออกจากกลุ่มไปเลย โดยไม่จำเป็นต้องรอคำตอบ แต่หากคุณคิดว่าการออกจากแชตเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินไป ก็แนะนำให้ “ปิดการแจ้งเตือน” การสนทนาแทน

10.ทิ้งท้ายอย่างมีสไตล์

อย่าประเมินค่าของการกล่าวอำลาต่ำไปเด็ดขาด เราอาจจะชอบหยอกล้อกลุ่มคนยุคเบบี้บูมเมอร์กับการทิ้งท้ายทุกข้อความด้วยการพิมพ์ว่า “รักนะ จากพ่อ” แต่ที่จริงแล้ว การที่คุณหายไปจากบทสนทนาเฉยๆ อาจสร้างความสับสนให้กับอีกฝ่าย หากคุณจะเปลี่ยนไปทำกิจกรรมอื่น ที่ดีที่สุดคือแจ้งให้อีกฝ่ายทราบ แค่บอกว่า “เดี๋ยวมานะ” ก็ยังดี โดยเกือบครึ่งของผู้ร่วมตอบแบบสอบถามจากทั่วโลกที่มีอายุระหว่าง 45-64 ปีทิ้งท้ายการสนทนาผ่านข้อความเสมอ ในขณะที่มีเพียงหนึ่งในสามของผู้คนอายุ 18-24 ปีเท่านั้นที่รู้สึกว่าต้องกล่าวทิ้งท้าย

ศิลปะสื่อสารยุคดิจิทัล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image