เส้นทางสู่จักรวาล ฟ้าใส-ปวีณสุดา
เรียกว่าเป็นปีทองของวงการนางงามเมืองไทยจริงๆ ด้วยตัวแทนสาวงามของแต่ละเวทีต่าง “ปล่อยของ” กันไม่หยุด ชวนให้แฟนๆ เป็นอันต้องใจเต้นอยู่ตลอด เช่นเดียวกับ ฟ้าใส-ปวีณสุดา ดรูอิ้น มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ที่ได้รับกำลังใจและแรงเชียร์อย่างล้นหลามตั้งแต่เข้าร่วมการประกวดในบ้าน ด้วยเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่โดดเด่น สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจ การลงมือทำ ที่มัดใจแฟนนางงามได้อยู่หมัด
กระนั้นกว่าจะได้สวมสายสะพาย เป็นตัวแทนของ “ประเทศไทย” ไปเข้าร่วมประกวดบนเวทีนางงามอันดับหนึ่งของโลกอย่าง “มิสยูนิเวิร์ส 2019” นั้น ก็ไม่ง่าย เพราะแม้จะผิดหวังจากการคว้า “มงกุฎ” หลายครั้ง แต่ฟ้าใสไม่เคยถอย เธอพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา จนได้รับการยอมรับจากแฟนนางงาม
ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงเรียกเธอว่า “นางงามนักสู้”
สำหรับการเดินทางไปสู่ “เวทีจักรวาล” ของฟ้าใส เรียกได้ว่าเป็น “ความหวัง” ของแฟนนางงาม เพราะติดอันดับ 1 ใน 3 ของทุกโพล
นางงาม ซึ่งเธอเปิดใจถึงเป้าหมายของการเป็น “นางงาม” ของเธอว่า เริ่มต้นจากการ”อยากมีเพื่อน” แต่พอได้ลองมาประกวด
แล้วเธอกลับพบว่าได้อะไรมากกว่าที่คิด สิ่งนั้นคือพื้นที่ของการได้ช่วยเหลือคนที่มากขึ้น เสียงของเธอดังขึ้น และเวทีมิสยูนิเวิร์สได้กลายเป็นเป้าหมายของเธอ เพราะสิ่งที่เวทีมองหานั้นตรงกับตัวเธอที่สุด ไม่ว่าจะเป็น “สวยอย่างมั่นใจ” ในแบบที่ตัวเองเป็น และมีความเชื่อมั่นในพลังของผู้หญิง เป็นผู้หญิงทรงพลัง
และสำหรับเธอแล้ว บนเส้นทางสายนี้ “ต้องทำให้ดีที่สุด”
“ไม่ขอกำหนดว่าจะได้ตำแหน่งที่เท่าไหร่ในการประกวดครั้งนี้ แต่ฟ้าใสจะทำให้ดีที่สุดแน่นอน” เธอกล่าวและว่า ตั้งแต่วินาทีที่สวมมงกุฎ “มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019” เธอฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก ทั้งในเรื่องของการแต่งหน้า ทำผม กินอาหารคลีน เข้าฟิตเนส เรียนมวยไทย ฝึกเดินแบบ เข้าคอร์สเรียนละตินแดนซ์ และอื่นๆ อีกมากมาย
“โดยเฉพาะ 1 เดือนก่อนที่จะเดินทางไปเข้ากองประกวดฝึกตัวเองทุกวัน ไม่มีวันหยุด อย่างน้อยวันละ 15 ชั่วโมง” ฟ้าใสเล่าด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
ก่อนทิ้งท้ายว่า สำหรับการเดินทางไปประกวดที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจียสหรัฐอเมริกา เป็นสถานที่ที่สร้างประวัติศาสตร์ “เหรียญทองมวยสมัครเล่นเหรียญแรกของไทย” ในโอลิมปิก เธอจึงหวังเช่นกันว่าการเดินทางของเธอครั้งนี้จะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไทย
