| ที่มา | หนังสือพิมพ์มติชน หน้า18 |
|---|---|
| เผยแพร่ |
ผ่านพ้นเทศกาลประกาศผลสอบแอดมิสชั่นส์ไปไม่นานนัก ได้เห็นเด็กเก่งหลายคนที่ประสบความสำเร็จกับคณะในฝัน กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กรุ่นต่อไปที่จะก้าวสู่บททดสอบในปีต่อไปได้
แต่กว่าจะก้าวสู่ผลสำเร็จย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากจะต้องมีความตั้งใจที่ดีแล้ว เทคนิค และการตั้งเป้าหมายก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน เพื่อเป็นตัวช่วยให้กับเหล่านักเรียน ม.ปลายทุกคนได้มีแรงบันดาลใจที่ดี โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษเอ็นคอนเซ็ปต์ โดยครูพี่แนน-อริสรา ธนาปกิจ จึงจับมือไอดอลขวัญใจวัยรุ่น ฟรัง-นรีกุล เกตุประภากร จากซีรีส์ดังอย่างฮอร์โมน นิสิตใหม่ป้ายแดงคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ฯ มาร่วมไขกุญแจความสำเร็จ ณ โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษเอ็นคอนเซ็ปต์ สาขาพญาไท
และจากประสบการณ์การสอนภาษาอังกฤษกว่า 20 ปี ครูพี่แนนกล่าวว่า คนที่จะประสบความสำเร็จ คือคนที่มีเป้าหมายว่าอยากจะเป็นอะไร ทำอะไร มากกว่าคนที่ไม่วางแผน โดยต้องมีความฝัน รู้จักวางแผน และมีระยะเวลาชัดเจน ซึ่งหากจะพูดให้ชัดเจนแล้ว นั่นคือขั้นตอน 4G หรือเรียกสั้นๆ ว่า Goal ตั้งเป้าหมาย Gear up เตรียมพร้อม Gather รวบรวมข้อมูลและทบทวน และสุดท้าย Grab คือการคว้าเป้าหมายไว้ให้ได้
ครูพี่แนนอธิบายถึง 4 ขั้นตอนไว้ว่า การตั้งเป้าหมายหรือ Goal นั้น จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยเยล พบว่า มีนักศึกษาเพียง 3% ของนักศึกษาทั้งหมดที่เขียนเป้าหมายชีวิตอย่างชัดเจน และพบว่าเมื่อเวลาผ่านไป 20 ปี คน 3% นี้จะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขมากกว่า ส่วน Gear up หรือการเตรียมพร้อมนั้น เราไม่ควรจะเร่งอ่านแค่ช่วงใกล้สอบ หรือเลือกอ่านเฉพาะวิชา แต่ควรใส่ใจกับทุกวิชา เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง
ต่อเนื่องด้วย Gather หรือการทบทวน การใช้เทคนิคการจดจำเป็นกลอน เพลง หรือภาพ เพื่อช่วยจำจะช่วยได้มาก ซึ่ง ดร.จูดี วิลลิช ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาของสหรัฐ กล่าวว่า การเพิ่มความจำผ่านการทำสัญลักษณ์ เป็นหมวดหมู่และเป็นโครงสร้างจะช่วยให้จดจำได้ง่ายกว่า และส่วนสุดท้ายอย่างการคว้าเป้าหมาย Goal นั้น เราต้องรู้จักฉกฉวยโอกาสและมีวินัยจากตัวเอง ซึ่งแค่เราตั้งเป้าหมายก็เหมือนสำเร็จไปแล้ว 20% และแม้ว่าจะผิดหวังบ้างแต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่จะทำให้รู้ว่าเราจะแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นได้อย่างไร
หนึ่งในเด็กเก่งอย่าง ฟรัง-นรีกุล ที่มาแนะนำวิธีการพิชิตความสำเร็จด้วยตัวเองว่า ความจริงแล้วฟรังก็เหมือนเด็กทั่วไปที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไร อยากเรียนอะไร ก็มีอยากเรียนบัญชีบ้าง การโรงแรมบ้าง ก็เรียนมาเรื่อยๆ ไม่คิดอะไร จนเรียน ม.6 ก็มาลองสังเกตตัวเองแล้วก็รู้ว่าจริงๆ ฟรังเป็นคนขี้สงสาร อยากช่วยเหลือคนอื่น ก็เลยอยากเรียนแพทย์ แล้วก็คิดว่ามีแค่คณะนี้คณะเดียว ไม่เคยอยากเรียนอย่างอื่นอีก จากนั้นจึงหาข้อมูลว่าแพทย์ต้องสอบอะไร ก่อนจะเริ่มอ่านหนังสือจริงจังมาตลอด 10 เดือน เราทำเรื่อยๆ ไม่ได้โต้รุ่งอ่านหนังสือเพราะว่าเราใช้เวลานาน
ฟรังนรีกุลเผยว่า พอตั้งใจจริงฟรังก็เริ่มโฟกัสในการเรียน ไม่เลื่อนลอยในห้อง ไม่ขาดเรียน สั่งการบ้านก็ทำ มีเรียนพิเศษบ้างแต่จะเรียนแค่ช่วงเช้าและอ่านทบทวนเองตอนบ่าย จะเริ่มจากวิชาที่ชอบก่อนเพื่อเป็นกำลังใจ อ่านไปทำโน้ตย่อไป เพื่อสรุปสิ่งที่อ่านให้เป็นความเข้าใจของเรา แม้ว่าจะอ่านจบแล้วก็ต้องทวนป้องกันการลืม อย่างเลขที่ฟรังไม่เก่งเลยก็พยายามทำโจทย์ย้อนหลายๆ ปี จนกว่าคะแนนจะขึ้นมาเป็นที่พอใจ และคงเป็นเพราะฟรังคิดว่าทำงานตรงนี้เวลาจะน้อยกว่าคนอื่น ไม่ว่าว่างเมื่อไหร่ก็จะทบทวนบทเรียนตลอด บางครั้งอาจจะติดโซเชียลมาก ก็ต้องมีวิธีเอาโทรศัพท์ไปฝากไว้กับแม่ ไปฝากที่ฝากของในห้างเวลาไปอ่านในห้างบ้าง เพื่อให้มีสมาธิจริงๆ
“เข้าใจว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ทุกคนต่างเหนื่อยกับการอ่าน แต่ให้คิดถึงวันที่เราประสบความสำเร็จ มันคุ้มค่ากว่า ฟรังเองก็เคยชิลมา จากที่คิดว่าเข้าแพทย์ทำไม่ได้หรอก ก็มีจุดเปลี่ยนมาคิดว่า ใช่ เราต้องทำได้ เราแค่ลองทำดูก่อน อาจจะเหนื่อยก็ให้พักบ้าง ลองให้กำลังใจตัวเอง ฟรังเองก็เขียนใส่โน้ตว่าสู้สู้บ้าง พูดกับตัวเองว่าเก่งมากเลย พยายามให้ตัวเองไม่เบื่อและสู้ต่อไป จนวันนี้แค่คิดถึงวันที่เรามีรายชื่อว่าสอบผ่าน ฟรังก็มีความสุขทุกครั้ง”
เป็นอีกหนึ่งเทคนิคจากไอดอลคนเก่ง
