สารพันปัญหา “สิว” ที่ไม่ใช่ๆ “เรื่องสิวๆ” ของสาวยุค 4G

ขอบคุณภาพจาก www.whosjamie.com

พูดถึงเรื่องสิว สาวๆหลายคนก็คงอดหนักอกหนักใจเป็นไม่ได้ ก็เรื่องของสิว ยิ่งกับสาวไทยที่ต้องเผชิญกับทั้งแดดและฝน อีกทั้งสภาพอารมณ์ – ความเครียดที่เปลี่ยนไปในแต่ละวันด้วยแล้ว สิวก็เข้ามาถามหาได้โดยง่าย

จะบอกลาสิวแบบหายขาดทั้งที จึงต้องอาศัยความเข้าใจเรื่องนี้อย่างถ่องแท้เสียก่อน

แล้วสิวคืออะไร

ตามหลักทางการแพทย์แล้วสิวเกิดจากการที่รูขุมขนถูกรบกวนการทำงาน ทำให้มีการสะสมของเคราติน (ลักษณะคล้ายชิ้นขี้ไคล) ม้วนอยู่ในรูขุมขน ค่อยๆเกิดซ้ำทำให้เป็นหัวสิวอุดตัน มีลักษณะจุดสีขาวๆ จะเป็นมากขึ้นเมื่อในช่วงวัยรุ่นที่มีฮอร์โมนแอนโดรเจนมากระตุ้นทำให้สิวเห่อขึ้น แต่ไม่ใช่กับวัยรุ่นทุกคนที่จะเป็นสิว สาเหตุหลักๆอยู่ที่พันธุกรรมที่หากพ่อแม่เป็นสิว ลูกก็อาจเป็นสิวด้วย นอกจากนี้หากผิวหน้าเจอกับสารที่มีความสามารถในการก่อสิว ที่ไปทำปฏิกิริยาบางอย่างกับความสมดุลภายในรูขุมขน อย่างเครื่องสำอาง ครีมบำรุงต่างๆ ก็จะยิ่งก่อให้เกิดสิวได้ ซึ่งวัยที่เกิดสิวได้อาจจะเริ่มต้นตั้งแต่เด็กวัย 7-11 ปี

Advertisement
พญ.ธิดากานต์  รุจิพัฒนกุล
พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล

และในยุคที่วิถีชีวิตของคนเราเปลี่ยนไปเช่นนี้ แพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล หรือคุณหมอผิง แพทย์วุฒิบัตรเวชศาสตร์ชะลอวัย จากสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งแพทย์หัวหน้าศูนย์ ไลฟ์เซ็นเตอร์ รพ.สมิติเวช สุขุมวิท ที่มาให้ความรู้เรื่องสิวยุค 4G ในงานเอฟฟาคลาร์ ดูโอ แอนด์ ฟรี ฟอร์ม แอคเน่ แพล็ตฟอร์ม บาย ลาโรซ โพเซย์ ให้ความรู้ไว้ว่า ในยุคที่การสื่อสารไปไวกว่าใจนั้น เราอาจแบ่งปัจจัยการเกิดปัญหาสิวได้ 4 ปัจจัย

เริ่มจากปัจจัยแรกคือการนอนหลับพักผ่อน บางทีเรามัวแต่เล่นโซเชียลมีเดียจนเพลิน ทำให้นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลให้ฮอร์โมนเครียด (Cortisol) มีระดับสูงขึ้น ต่อมน้ำมันจะผลิตน้ำมันมากขึ้นเพิ่มความเสี่ยงต่อเรื่องสิวอุดตันได้

ต่อมาด้วยปัจจัยที่ 2 นั้นคือ ข่าวลวงล้น บางครั้งความเชื่อผิดๆที่อันตรายมากเกี่ยวกับการดูแลผิวถูกแชร์กันอย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์และก่อให้เกิดผลกระทบกับผู้ที่ได้รับข้อความแล้วเชื่อโดยขาดการไตร่ตรอง ดังนั้นเราควรจะศึกษาว่าข้อมูลนั้นมีแหล่งข้อมูลอ้างอิง หรืองานวิจัยสนับสนุนไหมก่อนจะนำไปใช้

Advertisement

ปัจจัยที่ 3 ที่คนไม่ค่อยรู้นั้นคือ มือถือก่อสิวได้ มีสิวประเภทหนึ่ง เกิดจากการเสียดสีและกดทับของผิวในบริเวณใดบริเวณหนึ่งอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดการอุดตันและเกิดสิวเฉพาะบริเวณนั้นๆ ดังนั้นการใช้โทรศัพท์มือถือแนบกับใบหน้าเป็นเวลานานๆบ่อยครั้ง คราบน้ำมันที่เกาะตัวบนหน้าจอโทรศัพท์ และการเสียดสีกดทับกับใบหน้า ย่อมก่อให้เกิดสิวบนใบหน้าด้านที่แนบกับโทรศัพท์มือถือได้ ดังนั้นเราควรหมั่นทำความสะอาดหน้าจอมือถือเพื่อลดคราบน้ำมันสะสม

ปัจจัยสุดท้ายคือ เครื่องสำอางปลอม จากกระแสคำโฆษณาที่เย้ายวน ประกอบกับราคาที่ไม่แพง และการสั่งซื้อที่ง่ายแค่ปลายนิ้วคลิก กระแสความความนิยมในการบริโภคครีมเถื่อนออนไลน์ก็ดูจะไม่ตกลง แต่เราพบว่าครีมที่ขายออนไลน์บางยี่ห้อ มีการลักลอบใส่สารต้องห้ามอย่าง สเตียรอยด์ สารปรอท หรือสารไฮโดรควิโนน เพราะสารเหล่านี้ให้ผลลดสิวผิวใสในระยะเวลาสั้นๆ แต่ในระยะยาวแล้ว ทำให้ผิวเสพติด ผิวบางลง เกิดสิวพุพอง แพ้ง่าย และฝ้าถาวรได้

ไม่เพียงเท่านี้ความเครียดจากการสอบ การทำงานหรือทำการบ้านที่ดึกเกินไป อาหารการกินยุคใหม่ โดยเฉพาะกับของทอด รวมถึงไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ มลภาวะ รังสียูวี และสภาพอากาศที่ไม่ดี ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน

นอกจากสาเหตุต่างๆที่ทุกคนรู้อยู่แล้วนั้น ยังมีความเชื่อผิดๆจากโลกยุคเก่าที่วัยรุ่นยังใช้รักษาสิวในโลกยุคใหม่อยู่มาก อย่างเช่น

ครีมกันแดดจะทำให้เกิดสิวอุดตัน ที่ในความเป็นจริงแล้วไม่ทั้งหมด การใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของน้ำมันและซิลิโคนมากเกินไปอาจทำให้เกิดการอุดตันได้ แต่หากใช้สูตรที่เขียนว่า “ไม่ก่อให้เกิดความมัน หรือสำหรับผู้มีปัญหาสิวหรือผิวแพ้ได้ง่าย” ก็จะช่วยได้มาก

ความเชื่อที่ว่าการล้างหน้าวันละหลายๆครั้งเป็นวิธีต่อสู้สิวที่ดีที่สุด ความจริงแล้วการล้างหน้าอาจขจัดเอาน้ำมันธรรมชาติของผิวออก นำไปสู่การผลิตน้ำมันมากขึ้นและเพิ่มโอกาสในการเกิดสิว ที่นอกจากจะล้างหน้าแล้ว การขัดหน้าอย่างไม่ทะนุถนอมเพื่อการขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ หรือการใช้โทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอลล์ ยิ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวได้

การบีบสิวช่วยให้สิวหลุดออกเร็วขึ้น การบีบสิวนี้เป็นการเสี่ยงเปิดทางให้แบคทีเรียซึมเข้าไปลึกในชั้นผิวหนังที่ลึกขึ้นและกระจายตัวสู่บริเวณที่ยังไม่เป็นสิว เสี่ยงต่อการทำลายผิวอย่างถาวร ทั้งยังทิ้งรอยด่างดำเอาไว้ ซึ่งเราควรปล่อยให้สิวหายเองประมาณ 1-2 สัปดาห์

การอบไอน้ำหรือใช้ผ้าชุดน้ำร้อนทำให้สิวหลุดได้ หลายคนจึงพยายามอบไอน้ำหรือใช้ผ้าชุบน้ำร้อนมาอังผิวให้รูขุมขนเปิดหวังว่าสิวจะหลุดไป แต่การศึกษาพบว่าเมื่อผิวหน้าสัมผัสอุณหภูมิที่สูงหรือมีความชื้นมากเกินไปจะทำให้สิวอาการแย่ลงกว่าเดิม ควรปล่อยให้สิวอยู่ในอุณหภูมิที่พอดีจะได้ไม่ระคายเคืองและไม่ทำให้ผิวผลิตน้ำมันเยอะขึ้น

ภก.นิวัตร ธีรวิวัฒน์วงศ์
ภก.นิวัตร ธีรวิวัฒน์วงศ์

และเพื่อป้องกันสิวได้ง่าย เภสัชกร นิวัตร ธีรวิวัฒน์วงศ์ ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ด้านการดูแลผิวจึงแนะนำขั้นตอนไว้ว่า

1.ควรรักษาความสะอาดโดยล้างหน้าวันละ 2 – 3 ครั้งเพื่อลดความมันบนใบหน้า เวลาล้างหน้าไม่ควรถูแรงๆ ไม่ควร scrub และที่สำคัญควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่อ่อนโยนเหมาะกับผิว ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง คัดสรรส่วนผสมที่ดี สูตร soap-free , ปราศจากพาราเบน (paraben-free) ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ไม่มีสารแต่งสี ไม่มีความเป็นกรด-ด่างมากเกินไป ควรมีค่าความสมดุลต่อผิวที่ pH 5.5 และไม่ควรมีความเข้มข้นมากจนเกินไปจนทำให้หน้าแห้งตึง และจะดีมากสำหรับผิวมันเป็นสิว หากหลังล้างแล้วหน้าไม่แห้งตึง และมีสารช่วยลดความมัน จำพวกซิงค์ จะช่วยให้หน้าไม่มันเงาด้วย

2. เลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารเคลือบผิว (Occlusive component) ส่วนมากเป็นสารไขมันที่ทำหน้าที่เคลือบผิว ป้องกันการสูญเสียน้ำจากผิว หรือมีส่วนผสมของสารเคมีที่ทำให้เกิดสิว ควรเลือกที่เป็นสูตร oil-free และ non-comedogenic

3. การรักษาเบื้องต้นในกรณีที่เป็นสิวระยะต้น หรือไม่รุนแรง (Mild Acne) อาจทาครีมกลุ่มเวชสำอางที่มีส่วนผสมของกรดความเข้มข้นไม่มาก เช่น LHA (Lipo-Hydroxy Acid) เพื่อทำให้มีการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ลดการอุดตันของสิว ลดรอยดำคล้ำจากสิวได้ ร่วมกับการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว สำหรับผิวมัน ระคายเคืองง่าย ควรเลือกที่มีสาร เช่น ไนอะซีนามายด์ จะช่วยลดการระคายเคืองผิว

4. เมื่อเป็นสิวรุนแรงมากขึ้น (Moderate to Severe Acne) หรือไม่สามารถควบคุมได้ อาจต้องใช้วิธีการรักษาอื่นร่วมด้วย เช่น การทายา การรับประทานยา หรือวิธีร่วมอื่นๆ จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางผิวหนัง สำหรับการทายา การรับประทานยารักษาสิว ได้แก่ ยาปฏิชีวนะ ยากลุ่มกรดวิตามินเอ อาจมีผลข้างเคียงต่อผิว เช่น ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย ไวต่อการระคายเคือง แสบ แดง เมื่อสัมผัสโดนแสงแดด ดังนั้น การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์มอยเจอร์ไรเซอร์ กลุ่มเวชสำอาง เพื่อบำรุงให้ความชุ่มชื้นผิว นอกจากนี้ควรเลือกที่ปราศจากแอลกอฮอล์ เป็นสูตร oil-free สูตร non-comedogenic มีค่า pH ใกล้เคียงผิว ปราศจากพาราเบน (paraben-free) และผ่านการทดสอบทางคลินิก ภายใต้การควบคุมของผู้เชี่ยวชาญและแพทย์ผิวหนัง ว่าสามารถใช้ควบคู่กับผลิตภัณฑ์/ ยา รักษาสิวทางการแพทย์ได้

5. หลังสิวอักเสบ มักทิ้งรอยแดง และรอยดำที่เกิดจากการเป็นสิวไว้ สิ่งสำคัญยิ่งคือไม่ควรบีบ แกะ หรือกดสิวเอง เนื่องจากจะยิ่งทำให้สิวอักเสบรุนแรงมากขึ้น เกิดการติดเชื้อเพิ่มขึ้น และเกิดรอยแผลเป็น เกิดหลุมสิวได้ง่าย ปัจจุบันพบว่ามีเวชสำอางดูแลปัญหาสิว ผิวมันที่มีส่วนผสมของสารสำคัญ เช่น โปรซีหลาดTM (PROCERAD™) ที่มีคุณสมบัติช่วยลดสารก่อการอักเสบและยับยั้งการกระจายตัวของเมลานินสู่ผิวชั้นบน เวชสำอางดังกล่าวสามารถใช้ร่วมกับยารักษาสิวทั้งยาทาและ/หรือยารับประทานได้ นอกจากคุณสมบัติในการลดปัญหาผิวจากสิวแล้ว ก็จะช่วยในการดูแลปัญหารอยแดง รอยดำจากสิวให้จางลงและไม่เข้มขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ขณะที่มีสิวอักเสบอยู่ ควรหลีกเลี่ยงการนวดหน้า ถู ขัดหน้า อย่าใช้มือที่ไม่สะอาดสัมผัสใบหน้า และไม่ควรจับสัมผัสหน้าบ่อย ๆ ทั้งไม่ปล่อยให้ผมมัน สำหรับผู้ที่มีผมมันมีรังแค ควรสระผมบ่อยๆ พร้อมทั้งงดการใช้น้ำมันใส่ผม ทั้งหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เหงื่อออกมากเกินไป เพราะเป็นสาเหตุให้เกิดการอุดตัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image